Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 778

บทที่ 778 เธอจึงสะกดกลั้นอุ้งมือตน

ยามนี้เมื่อ ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ มา ปฏิกิริยาแรกของเจ้าหอยยักษ์คือ อีกฝ่ายจะมาแย่งปลาของมัน…

ตอนนี้อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่แย่งปลาของมันเท่านั้น ยังเคาะเปลือกของมันด้วย นี่เป็นการกระทำที่เจ้านายทำเสมอเมื่อพบมัน

คิดถึงเหลือเกิน!

เจ้าหอยยักษ์ รู้สึกนํ้าตาจะไหลอยู่บ้าง ลองถูไถข้างกายเขาดู

ลู่อู๋น้อยก็กระโดดลงมาจากฝาหอย วิ่งมาอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว ใช้หางอันหนึ่งปัดป่ายมือชองกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วข่มกลั้นความปรารถนาที่อยากจะสางขนมันเอาไว้…

เมื่อก่อนพอเธอเจอลู่อู๋น้อย ลู่อู๋น้อยจะใช้หางปัดป่ายมือเธอจนเป็นเรื่องคุ้นเคย เธอก็จะถือโอกาสดึงมันเข้ามา ใช้นิ้วสางขนให้มันตั้งแต่หัวจรดล่าง สางจนถึงหางแต่ละอัน…

ขนของลู่อู๋น้อยเรียบลื่นดุจแพรต่วน ให้สัมผัสดียิ่ง ดังนั้นยามที่กู้ซีจิ่วว่างจะชอบสางขนให้เจ้าตัวน้อยมาก และเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยก็ชอบให้เธอสางขนมาก ทุกครั้งยามสางขนให้มันล้วนครางครืดคราดอย่างสบายอุรา ใช้หางทั้งหมดพันข้อมือเธอ เล่นกับเธอ…

บางอย่างพอทำไปนานๆ ก็จะหยั่งรากลึก ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคย

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะสลับร่างแล้ว แต่พอเห็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนก็อดไม่ได้ที่จะเล่นกับพวกมันตามความเคยชิน จวบจนตี้ฝูอีช้อนตามองมา เธอถึงได้สติ

อันที่จริง สัตว์มีประสาทสัมผัสเฉียบไวกว่ามนุษย์ พวกมันอาจไม่รู้ว่าสังขารของเจ้านายเป็นผู้ถือครองแล้ว แต่พวกมันสัมผัสความผิดปกติของเจ้า นายได้แต่เนิ่นๆ ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมัน ถ้ากู้ซีจิ่วไม่ระวังสักหน่อยก็จะเผยพิรุธได้ง่ายดายยิ่ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงสะกดกลั้นอุ้งมือตนไม่ให้ไปสางขนลู่อู๋น้อย

ลู่อู๋น้อยใช้หางปัดป่ายเธออยู่พักใหญ่ ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากเธอ เจ้าตัวน้อยผิดหวังยิ่ง หันหลังกระโดดกลับไปอยู่บนหลังเจ้าหอยยักษ์เหมือนเดิม หมอบอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง มองแล้วน่าสงสารเหลือเกิน

หัวใจกู้ซีจิ่วค่อนข้างปวดร้าว อดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงไปหาตี้ฝูอี ‘เมื่อไหร่พวกเราถึงจะสลับร่างคืนได้?’

ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยชา ‘บางทีถ้าข้าถูกผู้อื่นสังหาร เจ้าคงจะคืนร่างได้’

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

เธอคร้านจะพูดจาไร้สาระกับเขาแล้ว

ในที่สุดปลาตัวแรกก็ย่างสุกแล้วตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เอ่ยถาม “อยากลองชิมไหม?”

กู้ซีจิ่วมองปลาตัวนั้นแวบหนึ่ง ด้วยฝีมือการครัวของเธอ เธอตัดสินได้ว่าปลาตัวนี้น่าจะรสชาติเหลือรับประทานมากเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า “เจ้าจะมอบปลาตัวแรกให้เจ้าหอยยักษ์มิใช่หรือ?”

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “ท่านเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย อีกทั้งเป็นแขก ย่อมต้องเชิญให้แขกกินก่อน ว่าอย่างไร? อยากชิมหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า อย่างไม่สนใจ “เจ้าให้เจ้าหอยยักษ์เถิด คำไหนต้องเป็นคำนั้น”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก ยื่นปลาให้เจ้าหอยยักษ์ทันที เจ้าหอยยักษ์จ้องตาแป๋วมานานแล้ว รับมาแล้วเริ่มกินทันที แต่กินไปได้สองคำก็เหลือบมองตี้ฝูอี แวบหนึ่ง กินเข้าไปอีกสองคำก็เหลือบมองอีกแวบหนึ่ง

ตี้ฝูอีไม่สบอารมณ์ “มองข้าทำไม? มองข้าแล้วแกล้มข้าวหรือไง?”

เจ้าหอยยักษ์เบะปากน้อยๆ “เจ้านาย ข้ารู้สึกว่าฝีมือทำครัวของท่านตกต่ำไปไม่น้อย”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออก ไม่นึกเลยว่าเขาจะถูกเดียดฉันท์ ปลาที่เขาไม่ย่างให้ใครง่ายๆ กลับถูกเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้รังเกียจ!

ยากนักที่จะได้เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้สิ้นท่า กู้ซีจิ่วอดยิ้มไม่ได้ จงใจเอ่ยว่า “ยังมีอีกหรือไม่? ย่างให้ข้าสักสองสามตัวสิ”

ตี้ฝูอีมองเจ้าหอยยักษ์จากนั้นก็มองกู้ซีจิ่ว กล่าวอย่างเด็ดขาด “ไม่มีแล้ว ตกได้ตัวนี้ตัวเดียว”

ตกปลาอยู่ครึ่งค่อนวัน ได้ปลามาตัวเดียว?

ดูเหมือนทักษะการตกปลาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะย่ำแย่อยู่เหมือนเดิม!

เจ้าหอยยักษ์สีหน้าไม่อยากเชื่อ “ได้ตัวเดียว? ตัวเดียวยังไม่พอจะยัดฟันข้าด้วยซํ้า เจ้านาย สามวันพวกเราถึงจะกลับมาสักหน เหตุใดท่านจึงทารุณพวกเราถึงเพียงนี้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!