บทที่ 901 แท้จริงแล้วเขามีความจริงใจต่อกู้ซีจิ่วกี่ส่วนกัน?
กู่ฉานโม่เป็นผู้ที่ข่าวสารฉับไวคนหนึ่ง เรื่องที่กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีไปกินข้าวด้วยกันตอนเช้า เขาก็ได้ยินข่าวนานแล้ว ดังนั้นการมาของพวกกู้ซีจิ่วทั้งสามก็ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา และตอบรับความประสงค์ของเด็กสามเช่นกัน
เขาให้เชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูออกไปก่อน เหลือเพียงกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็ถามนาง “เจ้าใคร่ครวญดีแล้วใช่ไหม? ต่อไปจะอยู่กับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายใช่หรือไม่? มิใช่การเล่นละครสินะ?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจนิดๆ พยักหน้าแล้ว เอ่ยตอบ “มิใช่การเล่นละคร”
ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าคนที่ตนชอบคือตี้ฝูอี ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องปฏิเสธ
กู่ฉานโม่ถอนหายใจหนักๆ “แต่ว่าเจ้าสำนักหลง…เขาจริงจังกับเจ้า…เจ้าทำเช่นนี้ผิดต่อเขามากนะ”
หัวใจกู้ซีจิวเจ็บแปลบๆ ทันที หลุบตาลง “ใช่แล้ว ข้าผิดต่อเขา”
ตอนนี้คนที่เธอทำผิดด้วยที่สุดก็คือเขา ทำได้เพียงหาโอกาสตอบแทนเขาในภายหน้า
กู่ฉานโม่ทอดถอนใจ “นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน อันที่จริงบนโลกนี้ขอเพียงเป็นสิ่งที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหมายตาไว้ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ล้วนชิงไปจากมือเขาไม่ได้ ผู้ใดก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา…ปีนั้นเขาก็คร่าตัวศิษย์ของเทียนจี้เยวี่ยไป…”
กล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักแล้วส่ายศีรษะไปมา โบกมือแล้วกล่าว่า “สรุปคือทุกเรื่องต้องไตร่ตรองให้มากหน่อย อย่าถูกความรู้สึกทำให้สมองเลอะเลือน
เจ้าเป็นแม่นางน้อยที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องให้ความสำคัญกับการเรียน เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ”
กู้ซีจิ่วเข้าใจการวางตัวของกู่ฉานโม่ ว่ามิใช่คนที่ชอบพูดจาเหลวไหลมั่วซั่วพรรคนั้น และหวังดีกับเธอด้วยใจจริง ดังนั้นถ้อยที่เขาพูดเธอจึงรับฟังเข้า ไป กู่ฉานโม่เพิ่งพูดจบ เธอก็จับประเด็นสำคัญในคำพูดของเขาได้ทันที “เขาชิงตัวศิษย์ของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ยหรือ? อาจารย์ใหญ่กู่สามารถเล่ารายละเอียดให้ซีจิ่วฟังได้หรือไม่?”
กู่ฉานโม่ส่ายหน้า “ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเล่าแล้ว ผู้เฒ่ามิใช่คนที่ชอบพูดลับหลังผู้อื่น ถ้าเจ้ามีข้อสงสัยไปถามเขาต่อหน้าเถิด”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า“เจ้าค่ะ”
พลางหันหลังเดินออกไป
กู่ฉานโม่มองแผ่นหลังนางอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอีกครั้ง เด็กสาวผู้นี้เป็นต้นกล้าชั้นดีที่หาได้ยาก เป็นอัจฉริยะหายากที่นับพันปีถึงจะพานพบ เด็กเช่นนี้เขาไม่ยินดีเห็นนางถูกความรักทำลาย
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…
ต่อให้เป็นกู่ฉานโม่ที่พบเห็นโลกพบเห็นคนจนเคยชินแล้วก็ไม่เคยเดาทางเขาออกเลย คนผู้นี้ลึกลับซับซ้อนเกินไป บนร่างมีปริศนามากมายเหลือเกิน แม้กระทั่งเรื่องที่ทำก็ทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างยิ่ง คนผู้นี้คล้ายมังกรที่เหินทะยานในเมฆา ให้คนเห็นเพียงเสี้ยวกรงเล็บของเขา ไม่เคยให้เห็นทั้งตัว ทว่าทำให้สัญชาตญาณของผู้อื่นสัมผัสได้ถึงความอันตราย…
คนเช่นนี้มิใช่ผู้ที่เด็กสาวนางหนึ่งจะสามารถคุมได้ หากกู้ซีจิ่วต้องเลือกระหว่างหลงซือเย่กับตี้ฝูอี เช่นนั้นกู่ฉานโม่ยินยอมให้นางเลือกหลงซือเย่
อย่างไรเสียหลงซือเย่ก็ทำให้คนรู้สึกสงบมั่นคง และดีต่อกู้ซีจิ่วด้วยใจจริง แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…ผู้ใดจะรู้ได้ว่าเขาเล่นละครอยู่หรือไม่?
ใครเล่าจะรู้ว่าเขาแย่งชิงความรักของผู้อื่นจนติดเป็นนิสัยไปแล้วหรือไม่?
แท้จริงแล้วเขามีความจริงใจต่อกู้ซีจิ่วกี่ส่วนกัน?
ไม่แน่ผลสุดท้ายอาจเป็นเช่นเดียวกับศิษย์ของเทียนจี้เยวี่ย จุดจบคือดับสิ้นดวงวิญญาณแตกสลาย…
โดยพื้นฐานแล้วปกติกู่ฉานโม่มิใช่ผู้ที่ชอบพูดลับหลังผู้อื่น ทว่าครั้งนี้อดไม่อยู่ แต่ก็เป็นการตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้น หวังเพียงว่ากู้ซีจิ่วจะสามารถแยกแยะถูกผิดได้ ไม่ถลำลึกเข้าไปโดยไม่เหลือทางถอยก็พอ
….
กู้ซีจิ่วออกมาจากสถานที่ของกู่ฉานโม่ เธอเป็นเด็กสาวที่เฉียบแหลมคนหนึ่ง ถ้าบอกว่าถ้อยคำที่เขาพูดไม่เกิดผลอะไรต่อหัวใจเธอเลยเช่นนั้นก็โกหกแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจจนเกินไป ตอนนั้นเธอกับตี้ฝูอีประสบอันตรายด้วยกัน ถูกเทียนจี้เยวี่ยซุ่มโจมตี เธอเคยถามเรื่องบุญคุณความแค้นของตี้ฝูอีกับเทียนจี้เยวี่ย ยามนั้นตี้ฝูอีเอ่ยเพียงสองสามคำก็เบี่ยงหัวข้อไป