บทที่ 906 หุบปาก นั่งดีๆ
“จะพูดอีกครั้ง ข้าคือหลงซือเย่ มิใช่หลงซี! เรียกข้าว่าเจ้าสำนักหลง!” สุ้มเสียงหลงซือเย่เยียบเย็น อำนาจทั้งหมดแผ่ออกมา
เย่หงเฟิงหดกาย ไม่กล้ายั่วโมโหเขาอีก “คือ…เจ้าสำนักหลง…ฉัน…ฉันกลัว…คุณ…ท่านอย่าทิ้งฉันนะคะ…”
หลงซือเย่ปวดศีรษะ เขาย่อมไม่สามารถทิ้งเย่หงเฟิงไว้ตรงนี้ ปล่อยให้เธอถูกสัตว์ร้ายอันใดขย้ำเป็นอาหารได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงพาเธอกลับไปด้วย
ชาติก่อนเย่หงเฟิงเป็นคุณหนูรํ่ารวย ไฮโซที่หยิ่งผยองคนหนึ่ง ร่างแช่แข็งที่ครอบครองอยู่ในยามนี้ยังคงไม่มีพลังยุทธ์เลยเช่นเดิม จะเดินจะเหินล้วนลำบากยิ่งนัก และที่นี่ก็ไม่มีสัตว์พาหนะตัวอื่นด้วย หลงซือจึงทำได้เพียงพยุงเธอขึ้นหลังกระเรียนของตน
เธอเหมือนมนุษย์ปุถุชนไม่มีวรยุทธ์ ร่างกายหนักอึ้ง กระเรียนตัวนั้นบรรทุกเธอแล้วแทบจะบินไม่ขึ้น…
ตัวเธอก็นั่งบนหลังกระเรียนอย่างมั่นคงไม่ได้เช่นกัน เดิมทีหลงซือเย่คิดจะใช้เวทวิชาอย่างหนึ่งมัดเธอไว้บนหลังกระเรียน แต่พอเห็นสายตาละห้อยของเธอ เขาก็ยิ้มขื่นๆ ในใจอีกครา เขาครองตัวให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อกู้ซีจิ่วมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่เคยชิดเชื้อกับสตรีเลย เคร่งครัดยิ่งกว่านักพรตเสียอีก
ตอนนี้ในใจเธอมีคนอื่นแล้ว ตกลงปลงใจจะครองคู่โบยบินกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นแล้ว แล้วเขาจะยังวุ่นวายอยู่ตรงนี้อีกทำไม?
นางไม่ต้องการให้เขาปกป้องคุ้มครองแล้ว!
หัวใจของเขาโศกตรม โอบร่างเย่หงเฟิงที่อยู่บนหลังกระเรียนไว้ทันที
ดวงตาเย่หงเฟิงเปล่งประกาย “พี่หลงซี…เจ้าสำนักหลง…”
หลงซือเย่เอ่ยเตะคอกว่า “หุบปาก! นั่งดีๆ!”
กระเรียนมงกุฎแดงบรรทุกคนทั้งสองเหินขึ้นสู่ฟ้า เย่หงเฟิงกรีดร้องอีกครั้งด้วยความตกใจ หันกลับ ไปกอดเอวหลงซือเย่อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กอดแน่นไม่ยอมปล่อยมือ…
หลงซือเย่ตัวแข็งทื่อทันที เกือบโคจรพลัยุทธ์ดีดเธอออกไปแล้ว โชคดีที่เขาระงับการโคจรนี้ได้ทันการ เพียงดึงเธอออกจากอ้อมอกโดยไม่พูดอะไร แต่เธอกอดเขาไว้แน่นราวกับคนจมนํ้าที่กอดขอนไม้เพียงหนึ่งเดียวเอาไว้ ถ้าเขาไม่โคจรพลังยุทธ์ไม่มีทางดึงเธอออกได้…
จิตใจเขาว้าวุ่น ขณะที่กำลังจะโคจรพลังวิญญาณ ฝืนดึงเธอออก ทันใดนั้นแผ่นหลังตรงบั้นเอวพลันชาหนึบ สมองราวกับมีบางอย่างพุ่งเข้ามา ทำให้สมองเขาขาวโพลนในชั่วพริบตา และเด็กสาวในอ้อมอกเขาก็ยังคงกอดเอวเขาไว้แน่นมุมปากหยักขึ้นนิดๆ ยิ้มอย่างมาดร้ายแวบหนึ่ง…
….
จันทราดวงโตดั่งแผ่นจาน ลอยสูงอยู่บนฟากฟ้า เมฆาหลายก้อนเคลื่อนคล้อยตามสายลม แสงจันทร์ทาบทาสีทองสายหนึ่งลงบนก้อนเมฆ งดงามเกินบรรยาย
พระจันทร์กลมมนบนภา บนพื้นตี้ฝูอีจูงมือกู้ซีจิ่วเดินล่องลอย
นี่คือเมืองหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก สิบห้าค่ำเดือนแปดคือเทศกาลไหว้พระจันทร์ บนถนนใหญ่ย่อมครึกครื้นยิ่งนัก
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีไม่ว่าเดินไปทางใดล้วนเป็นตัวตนที่ดึงดูดสายตา ทำให้คนทั้งหมดคุกเข่าลงอย่างง่ายดายยิ่ง เมื่อออกมากับเขากู้ซีจิ่วไม่อยาก ‘สะดุดตา’ ถึงเพียงนั้น ดังนั้นจึงกล่อมให้เขาเปลี่ยนชุด และแปลงโฉมเล็กน้อยด้วย แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข่าวลือที่ไม่พึงประสงค์ กู้ซีจิ่วก็แปลงโฉมด้วยเช่นกัน
ยามที่ทั้งสองเดินบนถนนใหญ่ถึงแม้ยังคงดึงดูดสายตายิ่งนักอยู่ แต่โชคดีที่ไม่มีใครจดจำฐานะของพวกเขาได้ ทั้งสองจึงสามารถเดินเล่นได้ตามสบาย
ทั้งสองเดินเที่ยวตลาดกลางคืน เยี่ยมชมแผงอาหารและแผงเครื่องประดับนับไม่ถ้วน…
ในใจกู้ซีจิ่วค่อนข้างรู้สึกอนิจจังยิ่งนัก ช่วงเทศกาลความรัก เธอก็เคยลงมาเดินเที่ยวเหมือนกัน ตอนนั้นเธอเป็นโสด มีสัตว์เลี้ยงสามตัวติดสอยห้อยตามรอบกาย ความจริงรู้สึกเหงามาก ต่อมาถึงแม้จะพบหลงซือเย่ ทั้งสองเดินเที่ยวด้วยกัน ซํ้ายังลอยประทีปด้วยกัน แต่ยามนั้นเธอรู้สึกว่าขาดอะไรไปอยู่เสมอ ฝืนร่าเริง ทำให้ตัวเองมีความสุข ตนในยามนั้นแค่สะกดจิตไม่ให้ตัวเองผิดหวังจนเกินไปเท่านั้น…