Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 969

บทที่ 969 อันคำว่าเซียน

ทันใดนั้นอิงเหยียนนั่วที่อยู่ข้างกายก็ลากเธอไปโยนไว้บนไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป “ซ่อนให้ดี!”

กู้ซีจิ่วทะยานขึ้นไปต้นไม้อย่างไม่เต็มใจ ตอนที่เธอหันกลับไปมองอิงเหยีนนั่วอีกครั้ง พบว่าเขาโคจรวิชาเหินหาวเหาะขึ้นไปอยู่กลางอากาศ สิบนิ้ว ประกบพลิกพลิ้วดั่งดอกบัว และไม่ทราบว่าร่ายเวทวิชาอันใด มีหยาดโลหิตลอยออกมาจากปลายนิ้วเขาหยดแล้วหยดเล่าจนทอดตัวยาวเหยียด โอบล้อมหมุนวนรอบกายเขา ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงโลหิตบางๆ อันหนึ่ง ในอากาศคลุ้งด้วยกลิ่นคาวโลหิตที่หอมปานโอสถหรือบุปผาชนิดหนึ่ง

ผีดิบที่เตรียมจะวิ่งกลับไปเหล่านั้นค่อยๆ หันกลับมาอีกครั้ง สายตาทุกคู่จับจ้องอิงเหยียนนั่วที่หมุนวนอยู่กลางอากาศ ท่าทางเสมือนนักสูบที่ได้เห็นยางฝิ่น นํ้าลายไหลยืดเป็นสาย นัยน์ตาก็เปลี่ยนเป็นแดงกํ่าไปหมด ร้องโหยหวนแล้วพุ่งไปทางอิงเหยียนนั่ว!

ร่างของอิงเหยีนนั่วค่อยๆ ลอยไปทางหล่มโคลน ผีดิบไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกแล้ว โผทะยานไล่ตามเขาต่อไป…

เกิดเสียงดัง ‘ตูมๆ…’ ขึ้นไม่ขาดหู ผีดิบนับไม่ถ้วนตกลงไปในหล่มโคลนดำเมื่อม เนื่องจากหล่มโคลนนี้พิสดารยิ่ง ไม่อาจลอยตัวได้เลย ดังนั้นผีดิบที่ตกลงไปเหล่านี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะดิ้นรนด้วยซํ้า จมดิ่งลงไปทันที ผีดิบที่อยู่ด้านหลังย่อมยั้งตัวไว้ไม่อยู่ ตกลงไปตามๆ กัน…

หล่มโคลนนี้ไม่ถือว่าลึก แค่สามสี่เมตรเท่านั้น หลังจากจมลงที่ริมฝั่ง ก็กลายเป็นหินรองเท้าให้ผีดิบที่มาทีหลัง ตัวที่มาทีหลังก็เหยียบร่างพวกเดียวกัน ทะยานไปด้านหน้า…

ด้วยเหตุนี้ ผีดิบเหล่านี้จึงปูพรมเข้าไปทีละชั้นๆ…

กู้ซีจิ่วที่อยู่บนต้นไม้มองอย่างตาลืมตาลาย เธอนึกไม่ถึงว่าเลือดของอิงเหยียนนั่วจะมีแรงดึงดูดมากขนาดนี้ ทำให้ผีดิบพวกนี้พุ่งเข้าใส่โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเสมือนบ้าคลั่งได้!

เธอก้มมองฝ่ามือตน เคยกรีดไปแล้วเช่นกัน แต่เลือดของเธอไม่ได้ มีเสน่ห์ดึงดูดถึงเพียงนั้น

กองทัพผีดิบพุ่งเข้าไปในหล่มอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด ส่วนอิงเหยียนนั่วเหาะเหินอยู่กลางอากาศตลอด กำแพงสีโลหิตโอบล้อมเขาไว้อย่างสมบูรณ์ แต่ยังมองเห็นความเคลื่อนไหวของเขาผ่านกำแพงที่โปร่งใสได้

นิ้วมือเขาขยับเขยื้อนร่ายวิชาอยู่ตลอด หลุบตาลงเล็กน้อย ใบหน้าสงบเยือกเย็นดุจเซียนที่เหินลอยอยู่ เป็นเซียนที่สูงส่งเหนือสรรพสิ่งอย่างแท้จริง

หัวใจเธอเต้นรัว มือกำแน่น อิงเหยียนนั่วผู้นี้ที่แท้เป็นใครกันแน่?

‘เสี่ยวชาง เสี่ยวชาง เจ้ามองออกไหมว่าวิชานี้ของเขาคืออะไร?’ กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหยกนภาบนข้อมือ

ผ่านไปพักหนึ่งหยกนภาถึงตอบเธอ ‘ข้าไม่รู้’

แม้แต่หยกนภาก็ยังไม่รู้ เช่นนั้นวิชานี้ของเขาก็พบเห็นได้ยากยิ่ง!

‘พลังวิญญาณขั้นหกสองส่วนสามารถใช้วิชาเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? เจ้าเห็นไหมว่าเขาลอยอยู่ในอากาศตลอดโดยไม่ตกลงมาเลย…’

ถึงวิชาเหินหาวที่พวกเธอฝึกฝนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็เหาะเหินได้เพียงครึ่งนาทีเท่านั้น กู้ซีจิ่วถือเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิชาเหินหาวได้ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ แต่เธอก็เหาะเหินอยู่กลางอากาศได้แค่หนึ่งนาที แต่อิงเหยียนนั่วผู้นี้กลับเหาะวนไปวนมาอยู่ตรงนั้นสามนาทีเต็มแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหล่นลงมาเลย เท่าที่เห็นท่าร่างของเขาก็ไม่เหมือนวิชาเหินหาวเลย นี่มันอะไรกัน?

เธอก็อยากเรียนบ้างเช่นกัน!

หล่มโคลนแห่งนี้มีแรงดูด เมื่อผีดิบเหล่านั้นก้าวเข้าไปก็โผล่ขึ้นมาไม่ได้อีก แต่ก็ยังไม่ตาย เนื่องจากจุดที่ผีดิบจมลงไปมีฟองอากาศผุดปุดๆ ขึ้นมาปานหม้อนํ้าเดือด ชัดเจนยิ่งนักว่าผีดิบเหล่านั้นกำลังดิ้นรนอยู่ด้านใน…

รอจนผีดิบทั้งหมดจมลงไป ค่อยจุดไฟเผา ความคิดของเธอเพิ่งแล่นมาถึง ตรงนี้ จู่ๆ ร่างของอิงเหยียนนั่วก็หมุนไปสู่จุดที่ลึกที่สุดในหล่มแล้วร่วงดิ่งลงมา!

ทำให้กู้ซีจิ่วตื่นตระหนก เธอหวาดหวั่นว่าเขาจะประคับประคองไว้ไม่อยู่แล้วหล่นลงไปในหล่ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!