Skip to content

วุ่นรักแดนสวรรค์ 2

  • by

Chapter 2

พานพบ

ธิดาสามยิ้มกว้างจับมือเรียวบางเดินนำหน้าไปยังตำหนักบุปผา

“เจ้าโดดเรียนมาอีกแล้ว ทำอย่างนี้ไม่ดีรู้ไหม” เทพพฤกษาสอนเสียงนุ่ม

“ก็มันน่าเบื่อจะตาย นั่งอ่านหนังสือทั้งวัน ไม่สนุกเหมือนอยู่กับท่านเลยสักนิด” ธิดาสามประจบ

“เอาเถอะๆ หนังสือเจ้าไม่ชอบอ่านงั้นก็มาช่วยข้าทำขนมล่ะกัน” เทพพฤกษาพูดอย่างเอ็นดู

“ขนมของท่านอร่อยที่สุดในพิภพเลย” ธิดาสามพูดอย่างชื่นชม

แล้วทั้งสองก็เข้าครัวไปช่วยกันทำขนม

ระหว่างทำขนมเทพพฤกษาก็คอยเล่าเรื่องราวต่างๆในพิภพให้ธิดาสามได้เรียนรู้ไปด้วย

“จริงหรือที่ว่าท่านหนิงจ้านเป็นเทพแห่งสงครามที่เก่งกาจยิ่งนัก ข้าได้ยินพี่ใหญ่เล่าว่าเมื่อเร็วๆนี้ท่านหนิงจ้านนำทัพต้านเผ่ามารจนพวกมันแตกพ่ายไปเลย” ธิดาสามถามพลางนวดแป้งไปด้วย

“จริง เพราะเขาเก่งด้านการสู้รบจึงถูกเรียกขานว่าเป็นเทพสงครามตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งเขาเป็นโอรสองค์เดียวของราชาเฟิ่งผู้ล่วงลับผู้ซึ่งเก่งกาจที่สุดในพิภพ” เทพพฤกษาบอก

“ข้าได้ยินเสด็จพ่อบอกว่า เขาตั้งตำหนักซีฮันสั่งสอนลูกศิษย์อยู่ที่เทือกเขาประจิม ข้าได้ยินว่าเขามี 9 เศียรพันมือถึงได้เก่งกาจขนาดนั้น”

“ที่ตั้งตำหนักซีฮันที่เทือกเขาประจิมก็เพื่อคอยสกัดกั้นทัพจากแดนมารอย่างไรล่ะ เขามี 9 เศียรพันมือหรือไม่เจ้าคงต้องไปดูเอาเอง” เทพพฤกษาพูดพลางบดไข่มุกไปด้วย

“ข้าอยากเห็น ท่านพาข้าไปได้ไหม” ธิดาสามพูดอย่างนึกสนุก

“ข้าพาเจ้าไปได้ จะเป็นไรไปล่ะ แต่เจ้าก็ต้องขอพ่อแม่เจ้าก่อน ข้าถึงจะพาเจ้าไป” เทพพฤกษาบอกพลางตักไข่มุกใส่หม้อกลั่นเหล้า จากนั้นนางก็ใช้พลังเทพกลั่นเหล้าไข่มุก

“ถ้าข้าขอเสด็จพ่อเสด็จแม่ได้แล้ว ท่านพาข้าไปจริงๆนะ” ธิดาสามละมือจากการนวดแป้งไปจับแขนเทพพฤกษาเขย่าอย่างคาดหวัง

“ได้ซิถ้าพ่อแม่เจ้าอนุญาต” เทพพฤกษาพูดแย้มยิ้ม

“จริงซิ ถ้าข้าได้เป็นศิษย์ของท่านหนิงจ้าน ข้าต้องเก่งเท่าเสด็จพ่อแน่ๆ ถ้างั้นข้าจะขอเสด็จพ่อไปเป็นศิษย์ท่านหนิงจ้าน” ธิดาสามวาดฝันอย่างสนุกสนาน

“หากพ่อแม่เจ้ายอม ข้าก็จะพาไปฝากเป็นศิษย์ให้” เทพพฤกษาละมือจากหม้อกลั่นเหล้า

“จริงๆนะ ท่านรับปากข้าแล้วนะ” ธิดาสามเขย่าแขนอย่างตื่นเต้นดีใจ

เทพพฤกษาพยักหน้า “จริง” นางปรายตาดูแป้งในอ่าง “แล้วเมื่อไหร่ขนมจะเสร็จล่ะ ข้ากลั่นเหล้าไข่มุกเสร็จแล้วนะ”

ธิดาสามรีบปล่อยแขนแล้วก็หันไปนวดแป้งต่อ “อีกสักครู่ก็เสร็จแล้วล่ะ”

เทพพฤกษาพยักหน้า แล้วก็หันไปตักไข่มุกที่แบ่งไว้อีกหน่อยทำลูกอมมุกน้ำผึ้ง พอปั้นเสร็จลูกนึงนางก็ยื่นไปให้ธิดาสาม “อ้าปากซิ”

ธิดาสามปากอย่างว่าง่าย เทพพฤกษาป้อนลูกอมให้ ธิดาสามอมลูกอมอย่างถูกใจ

“อร่อยไหม?”

ธิดาสามพยักหน้า “อื้มๆ”

เทพพฤกษาแย้มยิ้ม “งั้นข้าจะทำไว้ให้เจ้าอีกนะ”

ธิดาสามพยักหน้าพลางอมลูกอมอย่างเอร็ดอร่อย

เทพพฤกษาหันไปปั้นลูกอมต่อ

“จำไว้ว่าลูกอมนี้จะทำให้เจ้าผิวสวยขึ้น เพราะไข่มุกพันปีเป็นสิ่งล้ำค่าที่ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มงดงาม” นางพูดเสียงนุ่ม

ธิดาสามพยักหน้ารับรู้ มือก็เริ่มห่อแป้งทำขนมไปด้วย

เทพพฤกษาแย้มยิ้มที่ลูกศิษย์ตัวน้อยจดจำทุกอย่างที่นางสอนได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เล็กเริ่มจำความได้ธิดาสามก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากนางไปจนเกือบหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมุนไพร การทำยา ทำเหล้า ทำเครื่องประทินผิว แม้แต่เรื่องอาหารการกินก็ไม่เว้น ช่วยไม่ได้…ก็นางอยากเกาะติดข้าแจเองนี่น่า หึๆๆๆๆๆ

ผ่านไปครู่ใหญ่ ขนมฝีมือธิดาสามก็เสร็จ รูปร่างหน้าตางดงามน่ากิน กลิ่นหอมชวนชิมไม่ต่างไปจากต้นตำรับเลยสักนิด

“ขนมเสร็จแล้ว ท่านลองชิมซิ” ธิดาสามส่งจานใส่ขนมยื่นไป

เทพพฤกษารับขนมไปชิม “อืม…ฝีมือดี”

“ก็ข้าได้อาจารย์ดีอย่างท่านไงล่ะ” ธิดาสามแย้มยิ้มประจบ

“เอาล่ะๆ เจ้าแบ่งขนมไปแล้วก็เอาเหล้ามุกพันปีไปให้เจ้ารองด้วย ส่วนนี่ลูกอมมุกน้ำผึ้งของเจ้า แล้วก็นี่แป้งมุกของแม่เจ้า” เทพพฤกษาหยิบของต่างๆใส่ถุงผ้าแล้วก็ประทานให้ธิดาสาม

“ขอบคุณท่านมาก แล้วข้าจะมาใหม่นะ” ธิดาสามแย้มยิ้มกุมมือคารวะ

“รีบไปเถอะ ก่อนที่แม่เจ้าจะรู้ว่าเจ้าโดดเรียนแอบออกมา” เทพพฤกษาพูดอย่างเอ็นดู “เสียงพิณของเจ้ารองใกล้จะจบแล้ว”

ธิดาสามหน้าตื่น “งั้นข้าต้องรีบไปแล้วล่ะ ขอบคุณเจ้าค่ะ”

แล้วนางก็รีบวิ่งกลับถ้ำสิงห์สุดฝีเท้า เทพพฤกษามองตามด้วยความรักและเอ็นดู

พอกลับถึงถ้ำสิงห์ เพลงพิณก็บรรเลงจบพอดี บรรดาบ่าวไพร่ก็ค่อยๆลืมตาตื่น

“พี่รอง ข้ากลับมาแล้ว”

องค์ชายรองหันไปมอง “มาก็ดีแล้ว ไหนล่ะเหล้ามุกของข้า” เขาทวงของทันที

“นี่ของท่าน” ธิดาสามรีบหยิบไหเหล้าออกจากถุงผ้าส่งให้ แล้วก็หยิบขนมให้ด้วย “แล้วก็นี่ขนมฝีมือข้า”

“ฝีมือเจ้า…” องค์ชายรองแกล้งทำท่าชะงัก “จะกินได้หรือ ข้ากินแล้วคงไม่ปวดท้องหรอกนะ”

ธิดาสามหน้างอคว้าขนมกลับ “งั้นก็ไม่ต้องกิน”

“เฮ้ๆ เดี๋ยวซิเจ้าสาม” องค์ชายรองรีบคว้าขนมไปถือไว้ “น้อยใจไปได้ ขนมเจ้าอร่อยสุดในแดนสิงห์แล้วล่ะ”

ธิดาสามแย้มยิ้มถูกใจ “งั้นข้าเอาขนมไปให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ก่อนนะ”

แล้วนางก็รีบวิ่งออกไป

“เดี๋ยวซิ” องค์ชายรองเรียก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่มองขนมในมือ “ทำงี้เสด็จแม่กับเสด็จพ่อก็รู้น่ะซิว่าเจ้าแอบไปหาท่านหนิงเฟิ่ง โธ่…เจ้าสาม ข้าขอให้เจ้าโดนเสด็จแม่ดุน้อยลงนิดนึงนะ”

เขาทำท่าไว้อาลัยครู่หนึ่ง แล้วก็หยิบขนมกินอย่างเอร็ดอร่อย

“เสด็จพ่อเสด็จแม่” ธิดาสามวิ่งไปหาอย่างดีใจ รีบหยิบของฝากให้ “นี่แป้งมุกของเสด็จแม่ ส่วนนี่ขนมฝีมือข้า”

ราชินีสิงห์มองของแล้วก็หันไปสบตากับพระสวามี จากนั้นก็หันกลับไปจ้องธิดาน้อย “เจ้าแอบโดดเรียนไปหาหนิงเฟิ่งอีกแล้วนะเจ้าสาม”

ธิดาสามหน้าเจื่อน “เสด็จแม่”

นางหันไปมองพระบิดาด้วยสายตาอ้อนวอน

ราชาสิงห์สบตาธิดาน้อย อยากจะดุก็ดุไม่ลง “เอาล่ะๆ กลับมาก็ดีแล้ว งั้นเจ้าก็รีบไปอ่านหนังสือเสียเถอะ อ่านจบแล้วก็มาท่องให้พ่อฟังล่ะกัน”

เขาโบกมือไล่ ธิดาสามรีบวิ่งออกไป

“ท่านพี่! ท่านให้ท้ายลูกอีกแล้วนะ” ราชินีเอ็ดเข้าใส่

“เอาน่าๆ ข้าก็ให้นางไปท่องหนังสือแล้วไง ไหนๆลองชิมหน่อยซิ ขนมฝีมือเจ้าสามน่ะ” ราชาสิงห์ยื่นขนมให้ราชินีอย่างเอาใจ

“ฮึ! ท่านพี่น่ะให้ท้ายลูกอยู่เรื่อย” ราชินีหน้างอ ราชาสิงห์รีบรินน้ำชาเอาใจ “เอ้านี่ น้ำชาหอมๆกินคู่กับขนม ไหนๆลูกก็กลับมาแล้ว เจ้าก็กินขนมเสียเถอะ”

“ฮึ!” ราชินีค้อนขวับ

หลังจากวันนั้นธิดาสามก็ออดอ้อนพระบิดาขอไปเป็นศิษย์ท่านหนิงจ้าน

“จะไปได้อย่างไร เจ้าเป็นหญิง อยู่ถ้ำสิงห์กับแม่นี่แหละ” ราชินีคัดค้าน

“ก็ข้าอยากเก่งเหมือนเสด็จพ่อนี่น่า” ธิดาสามหาข้ออ้าง

“งั้นก็ให้พ่อเจ้าสอน” ราชินีพยักเพยิดหน้าไปทางพระสวามี

ธิดาสามรีบไปประจบพระบิดา “เสด็จพ่อให้ข้าไปเถอะนะ”

“เจ้าจะไปทำไมล่ะ? พ่อสอนให้เจ้าก็เก่งเหมือนพ่อนั่นแหละ” ราชาสิงห์พูดเสียงนุ่ม

“ก็ข้าอยากไปเห็นนี่ว่าท่านหนิงจ้านมี 9 เศียรพันมือจริงอย่างที่เขาร่ำลือจริงหรือจึงได้เก่งกาจนัก” ธิดาสามโพล่งออกมา ทำให้ทุกคนชะงักไปตามๆกัน

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ราชาสิงห์หัวเราะขำความคิดของธิดาน้อย ราชินีสิงห์ก็หัวเราะเช่นกัน

ธิดาสามหน้างอที่ถูกหัวเราะ

“ก็ข้าอยากเห็นจริงๆนี่ เสด็จพ่อเสด็จแม่…ข้าอยากเห็นจริงๆนะ” นางทำเสียงหงอยอ้อนวอน “ข้าอยากเห็นจริงๆนะ ท่านให้ข้าไปนะ ท่านหนิงเฟิ่งก็บอกแล้วว่าถ้าเสด็จพ่อเสด็จแม่ยอมให้ข้าไปนางจะพาข้าไปดูท่านหนิงจ้านว่ามี 9 เศียรพันมืออย่างที่เขาร่ำลือจริงหรือไม่ ถ้าพวกท่านไม่ยอม คอยดูซิข้าจะอดข้าวอดน้ำประท้วงเสียเลย”

เสียงอ้อนหงอยๆ ปนคำขู่ทำให้พระบิดาพระมารดาใจอ่อนยวบ

“ให้ข้าไปนะเสด็จพ่อ นะเสด็จแม่ ท่านหนิงเฟิ่งก็รับปากแล้วว่าจะพาข้าไปถ้าพวกท่านอนุญาต”

“เอาๆ ก็ได้ๆ ข้ายอมให้เจ้าไปก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่รับเจ้าเป็นศิษย์เจ้าก็กลับมาบ้านล่ะกัน” ราชาสิงห์บอกอย่างใจอ่อน

“ท่านพี่!” ราชินีสิงห์หันขวับตาดุวาว

“เอาน่าๆ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป เจ้าก็รู้ดีนี่น่าว่าหนิงจ้านไม่รับใครเป็นศิษย์ง่ายๆหรอก ให้นางไปกับหนิงเฟิ่งก็ดีกว่านางแอบไปเอง” ราชาสิงห์ขยิบตาให้พระชายา

ราชินีรู้ดีว่าหนิงจ้านเข้มงวดเรื่องรับศิษย์เพียงใดก็เบาใจ “เช่นนั้นก็ได้”

“ข้าไปได้จริงๆนะเสด็จพ่อ” ธิดาสามดีใจ

“จริง” ราชาสิงห์พยักหน้า

“เย้!” ธิดาสามกระโดดดีใจ “งั้นข้าไปบอกท่านหนิงเฟิ่งก่อนนะ”

แล้วนางก็รีบวิ่งไป

ราชาสิงห์และราชินีต่างหันไปสบตากันอย่างอ่อนใจ นี่แหละน้า…เพราะนางเป็นธิดาองค์เดียวจึงทั้งรักและตามใจกันตั้งแต่เล็ก

ธิดาสามรีบไปหาเทพพฤกษา “ท่านหนิงเฟิ่งๆ เสด็จพ่อเสด็จแม่ยอมให้ข้าไปเป็นศิษย์ท่านหนิงจ้านแล้วล่ะ”

“งั้นรึ” เทพพฤกษาพยักหน้ารับรู้ “งั้นเจ้าก็กลับไปเตรียมตัวเดินทางเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางแต่เช้า”

“ได้” ธิดาสามพยักหน้ารับแล้วก็จะวิ่งกลับไป แต่ก็ถูกเทพพฤกษาเรียก “เดี๋ยวก่อนเจ้าสาม”

“มีอะไรหรือเจ้าคะ” ธิดาสามหันกลับไป

“ก่อนกลับไป เจ้าจงขึ้นเขาไปที่ถ้ำแมวป่าก่อน แล้วก็เอามุกวิญญาณแมวออกมาด้วย ข้าจะให้เจ้าแปลงเป็นแมวป่าไปตำหนักซีฮันกับข้า” เทพพฤกษาบอก

“ทำไมต้องให้ข้าแปลงเป็นแมวป่าด้วยล่ะ” ธิดาสามสงสัย

“ต้องให้เจ้าแปลงเป็นแมวป่าก็เพราะนอกแดนสิงห์ เลือดสิงห์ขาวอย่างเจ้าเป็นที่ต้องการของใครต่อใครอย่างไรล่ะ เลือดเจ้ารักษาแผลได้ เพิ่มพลังให้เหล่าเทพและมารได้ เพียงเท่านี้ก็นำอันตรายมาสู่เจ้าได้แล้ว” เทพพฤกษาอธิบาย

ธิดาสามพยักหน้า “ได้ งั้นข้าไปล่ะ”

เทพพฤกษามองตามแล้วก็เริ่มเตรียมของสำหรับเดินทาง

ธิดาสามขึ้นเขาไปตามทางเล็กๆ มุ่งหน้าสู่ถ้ำแมวป่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าแมวป่าอันเป็นหนึ่งในบริวารของสิงห์ขาว

เหล่าแมวป่าเมื่อเห็นผู้เป็นนายเสด็จขึ้นเขามาก็หมอบราบกับพื้น

“ธิดาสามเสด็จ”

เสียงร้องบอกต่อๆกันถึงการมาของธิดาสามดังไปทั่ว เหล่าแมวป่าพากันห้อมล้อมเดินตามคอยพิทักษ์ปกป้อง จนกระทั่งถึงถ้ำแมวป่า

“วันนี้ธิดาสามเสด็จมาเที่ยวเล่นถึงที่นี่เชียว ข้าจะรีบเตรียมน้ำชาให้ท่านนะพะย่ะค่ะ” หัวหน้าแมวป่ากราบทูลอย่างดีใจ

“ไม่ต้องหรอก ข้าแค่จะมาเอามุกวิญญาณแมวไปใช้เท่านั้น พวกท่านไม่ต้องเตรียมอะไรให้วุ่นวายหรอก เดี๋ยวข้าก็กลับแล้ว”

“อ่อๆ พะย่ะค่ะ เชิญพะย่ะค่ะ” หัวหน้าแมวป่าพยักหน้า

ธิดาสามเสด็จเข้าไปในถ้ำ เข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของโถงถ้ำอันเป็นที่เก็บมุกวิญญาณแมว

เมื่อได้มุกวิญญาณแมวมาแล้วธิดาสามก็แปลงกายเป็นแมวป่าสีขาวสะอาดตาเสด็จลงเขาไป

บรรดาแมวป่าต่างพากันเดินมาส่งจนสุดเขตแมวป่าแล้วก็แยกย้ายขึ้นเขากลับไป

ธิดาสามเห็นว่ายังไม่เย็นนักจึงเดินเล่นเรื่อยไปตามสันเขา

“เอ๊ะ!” ขณะที่เดินเล่นนางก็เห็นร่างหนึ่งนอนอยู่ในกอหญ้า “นั่นใครกัน? ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?”

ด้วยความอยากรู้จึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างนั้นเป็นบุรุษสวมชุดสีขาว มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนตามตัว

“บาดเจ็บนี่น่า” ธิดาสามขยับเข้าไปดูใกล้ๆ ยื่นมือไปแตะจมูก “ยังหายใจอยู่”

นางมองสำรวจไปทั่วร่างเห็นบาดแผลใหญ่ตรงหน้าอก เลือดไหลซึมไม่หยุด “ถ้าไม่รีบห้ามเลือดคงตายแน่ ทำไงดีล่ะแถวนี้ก็ไม่มีหญ้าเสือเหม็นเลยสักต้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!