ตอนที่ 1067 ไม่เป็นมิตร
“แดนเลื่องลือ….” ซูหมิงมองลำแสงที่หมุนวนเป็นหลากสีเก้าจุด หลังมองไปทีละจุดแล้ว ก็ค่อยๆ ซ้อนทับกับความทรงจำเต้าคง
ในความทรงจำเต้าคง แดนเลื่องลือเก้าแห่งนี้ ด้วยขั้นพลังเขา ในแดนรกร้างหินตกซึ่งเป็นแดนแรก เขาผ่านไปได้เพียงหกขั้นเท่านั้น ส่วนขั้นเจ็ดผ่านไปไม่ได้แม้แต่น้อย
ทว่าผ่านเพียงหกขั้นก็ทำให้เขาได้รับเม็ดยาโชควาสนาหนึ่งเม็ดแล้ว เป็นมันนี่เองที่ช่วยให้เขาย่นเวลาการฝึกฝนไปหลายร้อยปี
ส่วนขั้นที่เหลือในแดนรกร้างหินตก คนที่ผ่านไปได้มีไม่มาก ในความทรงจำเต้าคง ตั้งแต่โบราณมามีราวสามร้อยกว่าคนที่ผ่านแดนหินตกเก้าขั้นของแดนเลื่องลือ แห่งแรก ในนั้นมีส่วนหนึ่งเป็นสายตรง ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์กลุ่มอื่นของสำนักดาราสัจธรรม
ทว่าเทียบกับคนสายตรงที่มาแดนเลื่องลือได้ตลอดเวลาแล้ว สายเลือดสาขารวมถึงศิษย์กลุ่มอื่นต้องให้ผู้อาวุโสของแต่ละคนยื่นคำร้องก่อนถึงจะมาได้
จำนวนสามร้อยคนดูไม่น้อยก็จริง แต่ความจริงนี่คือทั้งหมดจากหลายหมื่นปีมานี้ มาคำนวณดูแล้วคือราวๆ หนึ่งร้อยถึงสองร้อยปีจะมีศิษย์สำนักดาราสัจธรรมคนหนึ่งผ่านแดนเลื่องลือด่านแรก
แต่นี่เป็นเพียงแดนแรกเท่านั้น ที่นี่มีทั้งหมดเก้าแดน ระดับก็ยากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งจะต้องผ่านเก้าขั้นก่อนหน้านี้ก่อนถึงจะมีคุณสมบัติท้าประลองแดนเลื่องลือต่อไป ไม่ว่าจะสายเลือดสาขาหรือศิษย์กลุ่มอื่น ต่อให้เป็นสายตรงก็ต้องปฏิบัติตามกฏนี้
“องค์ชายอีกเก้าท่านได้รับแต่งตั้งในครั้งนี้บุกผ่านแดนหินตกเก้าขั้นของแดนเลื่องลือด่านแรกแล้ว ข้าจำได้ว่านามขององค์ชายเต้าคงก็เคยอยู่ในแดนเลื่องลือด่านแรก อันดับราวๆ หนึ่งพันกว่า เหมือนว่า….จะผ่านขั้นเจ็ดแล้ว? จากนั้นก็ล้มเหลวขั้นแปดราวๆ สี่ร้อยกว่าครั้ง” เด็กสาวหม่าเฟยผอมแห้งมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยอารมณ์เฉยชา
ซูหมิงไม่ตอบ เพียงละสายตากลับจากแดนเลื่องลือเก้าแห่ง แล้วหมุนตัวมองเก้าแผ่นดินใหญ่ก่อนเอ่ยเรียบๆ ตามความทรงจำเต้าคงในความคิด
“ผู้อาวุโสสำนักออกฌานครั้งนี้อยู่วิหารผู้อาวุโสสำนักของแผ่นดินใด” เก้าแผ่นดินใหญ่มีทั้งหมดเก้าวิหารผู้อาวุโสสำนัก ทุกครั้งจะมีผู้อาวุโสสำนักดารา สัจธรรมออกฌานสามคนเพื่อมาจัดการเรื่องสำนัก เว้นแต่จะมีผู้อาวุโสสำนักออกฌานพร้อมกันเพิ่มมาอีกหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้ว วิหารผู้อาวุโสสำนักจะเปิดเพียงแห่งเดียว อีกแปดวิหารจะปิดเอาไว้
“วิหารธุลีวิญญาณของแผ่นดินสาม” เด็กสาวหม่าเฟยผอมแห้งกะพริบตา
ซูหมิงไม่ถามต่อ แต่ขยับไหวเดินหน้ากลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังแผ่นดินสาม แผ่นดินใหญ่ที่ล้อมเป็นลักษณะวงกลมนี้ หากบอกเพียงตัวเลข คนอื่นก็ยากจะรู้ว่าคือแผ่นดินใด แต่ซูหมิงมีความทรงจำเต้าคง ตอนนี้จึงพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วอย่างไม่ลังเล พริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้แผ่นดินสาม
ที่นี่กว้างใหญ่ แผ่นดินมีภูเขาสูงและป่าไม้ พืชอุดมสมบูรณ์ มีกำแพงเมืองหลายแห่งวางบนพื้นราวสัตว์ยักษ์หลับใหล แรงกดดันน่ากลัวแผ่มาวูบจำนวนมากจากแผ่นดินใหญ่
ซูหมิงห้อเหยียดตลอดทาง ไม่มีการหยุดแม้แต่น้อย ไม่นานตรงหน้าทางด้านตะวันออกของแผ่นดินปรากฏหอคอยสูงสามแห่ง หอคอยล้อมเป็นสามเหลี่ยม ตรงปลายมีเส้นแสงเชื่อมต่อกัน หากมองไกลๆ เส้นแสงจะขยับวูบวาบ จากการที่ พวกมันเชื่อมกันจึงก่อเป็นลักษณะสามเหลี่ยม
ม่านแสงนุ่มนวลล้อมไปรอบๆ เป็นวงกลมราวกับครอบสามหอคอยเอาไว้ ตรงที่นูนออกมามองไปเหมือนกับฟองอากาศ ซ้ำยังเป็นประกายมันวาว ในนั้นยังมีแสงสายฟ้าเป็นสายถี่ไหลเวียน ภาพนี้เหมือนกับว่าในลูกผลึกหินยักษ์ลูกหนึ่งมีสิ่งก่อสร้างสามเหลี่ยมอยู่ และยังเหมือนกับมันสมองของสิ่งมีชีวิต
พอซูหมิงเข้ามาใกล้ ภายใต้แรงกดดันของที่นี่ที่แผ่ขยายออกไปรอบๆ จึงทำให้ที่นี่เงียบสงบ
ซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนลงมาบนพื้น มายืนบนดินเหนียว ดวงตาขยับประกายวาวบางจนตรวจไม่พบ จากนั้นประสานมือคารวะไปทางวิหารประหลาด
“เต้าคงมาขอพบผู้อาวุโสสำนักสามท่าน”
ตอนนี้หม่าเฟยเพิ่งตามเข้ามาด้วยอาการหอบหายใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้มากนัก เพียงมองซูหมิงอย่างโกรธๆ ห่างไปหลายพันจั้ง เมื่อครู่นี้ซูหมิงพุ่งทะยานมาตลอดทาง ด้วยความเร็วของเขาจึงหายไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะนางมีสมบัติล้ำค่าที่อาจารย์มอบให้ ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรถึงจะตามทัน
ทว่าตอนนี้เองเด็กสาวหม่าเฟยผอมแห้งพลันหรี่ตาลง นางถอยหลังไปหลายก้าว มีสีหน้าตกใจระคนสงสัย ในสายตานาง นางเห็นชัดว่าวิหารผู้อาวุโสสำนักเปล่งแสงสว่างจ้ามาจากข้างใน แสงนี้ก่อขึ้นเป็นวงแหวนอาคมสามเหลี่ยมยักษ์ที่รวมขึ้นจากสายฟ้าสายเล็กนับไม่ถ้วน จากนั้นมันก็ลอยขึ้นกลางวิหารผู้อาวุโสสำนักก่อนพุ่งตรงไปหาซูหมิง ทุกอย่างรวดเร็วยิ่ง เทียบได้กับคำว่าชั่วพริบตา
วงแสงสามเหลี่ยมกดตรงศีรษะซูหมิงในพริบตา มันกดลงมาครอบร่างซูหมิงไว้ในสามเหลี่ยม วงแหวนอาคมนี้มีขนาดหลายสิบจั้ง ตรงสามด้านมีม่านแสงสายฟ้าโผล่มาพร้อมเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไม่หยุด
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยามที่เงยหน้าขึ้นก็ไม่มองวงแหวนอาคมสายฟ้าสามเหลี่ยมที่ล้อมตนอยู่ แต่มองวิหารผู้อาวุโสสำนักพลางพูดขึ้นเนิบๆ
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสำนักทั้งสามท่านหมายความว่าอย่างไร”
มีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากในวิหารผู้อาวุโสสำนัก
“เจ้าเป็นใคร!” เมื่อเสียงหึเย็นชาดังก้อง ก็มีเสียงแก่ชราพร้อมด้วยจิตสังหารและความเย็นชาดังตามมา ทำให้รอบๆ หนาวเยือกขึ้นทันที
ซูหมิงยังคงไม่หน้าเปลี่ยนสีใดๆ ไม่เผยความคิดแม้แต่น้อย ทักษะควบคุมแบบนี้ หลังจากเขาผ่านประสบการณ์ต่างๆ ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมา เขาก็ใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสำนักทั้งสามท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร” ซูหมิงยิ้มบางๆ
“ไม่ตอบใช่หรือไม่” เสียงเย็นชาดังกึกก้อง วงแหวนอาคมสายฟ้าสามเหลี่ยมรอบตัวซูหมิงพลันหมุนโคจร ขณะแสงคมกริบขยับวิบวับ ก็มีอันตรายที่แม้แต่ซูหมิงยังรู้สึกโผล่มาจากในวงแหวนแสงสามเหลี่ยม
ซูหมิงยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี เขายืนเงียบอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไหว ปล่อยให้ แสงสามเหลี่ยมหมุนโคจรพลางบีบเข้ามา ดูจากพลังของอาคมแสงแล้วเหมือนอยากจะแยกร่างเขาเป็นชิ้นๆ
เขากำลังเดิมพัน กำลังเดินพันว่าผู้อาวุโสสำนักดาราสัจธรรมเพียงแค่สงสัย ไม่ได้รู้ว่าตนไม่ใช่เต้าคงจริงๆ หากเต้าคงเป็นเพียงสายตรงก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์ชาย ดังนั้นแล้ว ถึงสามคนนี้จะเป็นผู้อาวุโสสำนักก็สังหารเขาไม่ได้ง่ายๆ
และที่สำคัญที่สุดคือ ซูหมิง…..ไม่สนใจอาคมแสงสามเหลี่ยมนี้
แม้มันจะแผ่แรงกดดันพร้อมด้วยอันตรายเด่นชัด แต่หากเขาระเบิดพลังทั้งหมด ให้ร่างจริงเอ้อชางปรากฏ เช่นนั้นอาคมนี้ทำร้ายเขาได้เพียงเส้นขนเท่านั้น ไม่อาจผนึกเขาเอาไว้ได้
ถึงอย่างไรนี่เป็นวงแหวนอาคมที่ผนึกได้เพียงยอดฝีมือขั้นกุมเท่านั้น
ผู้อาวุโสสำนักสามคนนั้นคงไม่นึกว่าซูหมิงที่มีขั้นพลังคล้ายภัยพิบัติจันทรา แต่ดวงจันทร์ภัยพิบัตินั้นกลับไม่เคยมีมาก่อน ความแกร่งของร่างกายยังเกินขั้นกุม เมื่อรวมกับขั้นพลังและร่างแยกแล้ว เขาจะสู้กับยอดฝีมือขั้นชะตาได้ กระทั่งตอนที่เจอภยันตรายเป็นตาย เขาจะเรียกเตาหลอมลำดับห้าออกมาอย่างไม่ลังเลเลย ให้มันลงมาเยือนยังโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
เขาไม่สนใจผู้อาวุโสสำนักขั้นชะตาระดับสูงที่แผ่กลิ่นอายพลังสามคนนี้เลย คนที่เขาสนใจคือ…..บรรพบุรุษเต้าเฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในสำนักดาราสัจธรรม และยังมีฐานะที่เขาสงสัยมาตลอด!
หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง เช่นนั้นเขาก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ในสำนักดาราสัจธรรมได้เหมือนกับบ้าน
ดังนั้นเขาถึงกล้าเดิมพัน
เสียงโครมดังขึ้น ขณะที่ซูหมิงหน้าไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย วงแหวนอาคมสามเหลี่ยมกลับหยุดห่างจากซูหมิงหนึ่งชุ่น
“พวกข้าสามคนคือผู้อาวุโสสำนักดาราสัจธรรม ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาจากแดน ต้นกำเนิดจิตก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังมียอดฝีมือติดตาม น่าสงสัยว่าจะมี เผ่าประหลาดยึดร่างเจ้าหรือไม่ หากเจ้าเป็นคนสายตรงทั่วไปก็ช่าง แต่ในเมื่อเจ้าเป็นองค์ชาย เช่นนั้นก็คงไม่ปฏิเสธการทดสอบสายเลือดหลอมรวมวิญญาณใช่หรือไม่” มีอีกเสียงแก่ชราดังมาจากในวิหารผู้อาวุโสสำนัก เสียงนี้เรียบนิ่งขึ้นมาก ไม่ทะมึนทึบและเย็นชาเหมือนอีกคนก่อนหน้านี้
ไม่รอให้ซูหมิงตอบ อาคมแสงสามเหลี่ยมนอกตัวซูหมิงพลันเปลี่ยนเป็นสีโลหิตแล้วพุ่งเข้าไปหาเขา ติดหนึบกับตัวเหมือนกับผนึก ในเวลาเดียวกันมีกลิ่นอายพลังที่ทำให้เลือดทั่วร่างเขาเดือดพล่านส่งเข้าสู่ร่างกาย หลอมรวมเข้าสู่ในสายเลือด มุดเข้าไปอยู่กลางกระดูก ตอนที่ไหลเวียนทั่วร่างซูหมิงยังมีสีหน้าปกติ
เสียงโครมดังขึ้น เมื่อกลิ่นอายพลังนี้ไหลเวียนครบหนึ่งรอบแล้ว ตัวซูหมิงพลันเปล่งแสงโลหิตเข้มข้น ช่วงที่แสงโลหิตสว่างพร่างพราวกลางอากาศ ก็มีสายรุ้งยาวสามสายบินออกมาจากในหอคอยสามแห่ง กลายเป็นไข่มุกขนาดกำปั้นสามเม็ดอยู่กลางอากาศตรงหน้าซูหมิง
“นี่คือไข่มุกสายเลือดสามเม็ดที่บรรพบุรุษเต้าเฉินส่งมาให้ที่นี่เมื่อหมื่นปีก่อน ภายในมีพลังสายเลือดเข้มข้น ใช้ในการทดสอบ มันจะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เจ้าวางใจได้” เสียงชายชราคนที่สามดังแว่วมาจากในหอคอยสามแห่ง ครั้งนี้เป็นเสียงนุ่มนวลดังก้องไปรอบๆ
ซูหมิงได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง
ไข่มุกสามเม็ดเหนือศีรษะเขาสูบแสงโลหิตเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมาเปล่งแสงสีแดง เพียงแต่แสงสีแดงอ่อนลงเล็กน้อย ทว่าซูหมิงกลับหรี่ตาลง
เขารู้สึกชัดว่าทันทีที่ไข่มุกโลหิตสามเม็ดปรากฏ โลหิตและวิญญาณในตัวเขาเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง หากไม่ใช่เพราะเขากดเอาไว้ก็คงจะระเบิดออกมา
คลับคล้ายว่าในไข่มุกสามเม็ดมีพลังบางอย่างที่ทำให้ใจเขาสั่นสะท้านอยู่ ความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่ง แต่กลับมีความแปลกตาลอยขึ้นมาในก้นบึ้งหัวใจเขา
ซูหมิงกดการกระเพื่อมของสายเลือดและวิญญาณเอาไว้เงียบๆ ก่อนผ่อนออกเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเกิดเสียงโครมดังขึ้นในความคิด ไข่มุกโลหิตสามเม็ดพลันสูบแสงโลหิตจากตัวเขาทั้งหมด จากนั้นเปล่งแสงสีแดงสว่างจ้าแสบตา ระดับความเข้มข้นเหมือนจะรวมจนเปลี่ยนเป็นสีเงิน!
สีเงิน ย้อมแผ่นดิน ส่งผลให้รอบๆ ถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง กลายเป็นแดนที่มีสีสันมันวาวที่ไม่มีที่ว่างเหลือเลยที่สุด!