ตอนที่ 1078 แดนเลื่องลือ 4
“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะไม่ป้องกัน แต่กลับโจมตี!”
“ต่อให้เป็นคนอื่นมาด่านแท่นกระบี่ทองคำ ส่วนใหญ่ก็จะใช้การป้องกันเป็นหลัก ถึงอย่างไรรูปแบบกระบี่ของชายร่างกำยำจินซิวก็แกร่งอย่างยิ่ง เหนือกว่าขั้นพลังที่เขาใช้อีก”
“พวกนี้ไม่ใช่จุดสำคัญ สำคัญคือ…องค์ชายเต้าคงทำให้จินซิวถอยไปหนึ่งก้าว! ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าเคยเห็นหรือไม่ แต่หลายปีมานี้ข้าไม่เคยเห็นคนที่ทำให้ จินซิวถอยมาก่อน”
“ข้าเคยเห็น แต่ขั้นพลังอย่างต่ำที่ต้องมีคือภัยพิบัติตะวัน!”
ท่ามกลางเสียงดังเกรียวกราวของคนรอบๆ องค์ชายหลายคนที่มาที่นี่ต่างมีสีหน้าคร่ำเคร่ง ซ้ำยังมีความหวาดกลัวในแววตา ขนาดเต้าหลินกับเต้าฝ่ายังจริงจังขึ้นกว่าเดิม
“ไปขั้นห้าแล้ว” ชายหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึมหรือองค์ชายเต้าหลินเอ่ยเสียงเย็นชา
“คนหนึ่งใช้พลังเพียงสี่ส่วน แต่อีกคนใช้พลังต่อต้านทั้งหมด ไม่เห็นจะมีอะไร น่าตกใจ” ชายผู้อบอุ่นข้างๆ หรือเต้าฝ่าผู้มีฐานะเป็นองค์ชายเหมือนกัน พอได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นเรียบๆ
บนแท่นราบ ซูหมิงเงยหน้ามองชายร่างกำยำเกราะทองตรงหน้า เงากระบี่สีทองในดวงตาขยับวูบวาบ การโจมตีของชายร่างกำยำเกราะทองก่อนหน้านี้ เหตุที่อีก ฝ่ายถอยไปหนึ่งก้าวก็เป็นเพราะซูหมิงเข้าใจแรงสะท้อนกลับในรูปแบบกระบี่นั้น
พลังนี้มีผลให้พลังโลหิตทั่วร่างปั่นป่วน หากต่อต้านไม่ไหวพลังโลหิตจะระเบิดออกและตนสิ้นชีพไป ถึงจะรับไหว แต่การปั่นป่วนของพลังโลหิตก็ยังทำให้คนตัวชาไปทั่วร่าง
“เจ้าผ่านขั้นสี่แล้ว ข้าจะใช้พลังจากขั้นพลังห้าส่วน” ระหว่างที่ชายร่างกำยำเกราะทองเอ่ยเนิบช้า ดวงตาสองข้างพลันขยับแสงสีทอง พลังขั้นภัยพิบัติจันทราปะทุออกมาจากในร่าง ความแกร่งของพลังนี้ก่อขึ้นเป็นแรงกดดันวนเวียนอยู่โดยรอบทันที
มิหนำซ้ำช่วงที่กลิ่นอายพลังภัยพิบัติจันทราปรากฏขึ้น ก็ระเบิดพลังอีกครั้ง นั่นคือพลังที่ขาดอีกเสี้ยวเดียวก็จะถึงภัยพิบัติตะวัน แม้จะดูหมือนกับขั้นสี่เมื่อครู่ แต่ความจริงต่างกันอย่างมาก
ซูหมิงดวงตาแวววาว ชายร่างกำยำเกราะทองพลันยกมือขวาขึ้น ยังใช้ท่าทางเดิม ยังคงเดินหน้าหนึ่งก้าวเหมือนเดิม จากนั้นกระบี่ใหญ่สีทองซึ่งมาพร้อมกับพลังที่เหมือนจะฉีกแยกมวลอากาศก็ฟันลงใส่ซูหมิง
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ไม่หลบหลีกใดๆ แต่ยกมือขวาทำสองนิ้วเป็นกระบี่แล้วโบกจากดินขึ้นฟ้า เหมือนกับในมือเขามีกระบี่ไร้รูปอยู่เล่มหนึ่ง วาดจากล่างขึ้นบนแล้วเข้าปะทะกับกระบี่ใหญ่สีทอง
เสียงครึกโครมดังกึกก้อง ครั้งนี้ซูหมิงตัวสั่น ร่างโซเซถอยไปติดกันสามก้าว ทว่าชายร่างกำยำเกราะทองก็ตัวสั่นเช่นกัน แต่ถอยไปมากกว่าห้าก้าว กระบี่ใหญ่สีทองในมือปักลงพื้นลากออกไปเป็นเส้นยาว
ซูหมิงยิ้มมุมปาก ความมุ่งมั่นต่อสู้ในดวงตาดุจจุดเปลวเพลิงลุกไหม้แผดเผาไม่หยุด ขณะยิ้ม ซูหมิงมองชายร่างกำยำเกราะทอง ภายในเปลวเพลิงในดวงตาเหมือนมีเงากระบี่สีทองกำลังรวมขึ้นและพังลงอย่างรวดเร็ว ก่อนรวมขึ้นอีกครั้ง วนเวียนไปเช่นนี้ประหนึ่งกำลังคาดเดาโครงสร้างของพลังวิชานี้
“เข้ามาอีก!” ซูหมิงขยับวูบไหวเดินหน้าไป ขณะที่เขาลงมือก่อน ชายร่างกำยำเกราะทองชูกระบี่ใหญ่ทองในมือขึ้น พลังภัยพิบัติตะวันระเบิดมาจากในร่าง นี่คือ พลังจากหกส่วน และก็เป็นขั้นหกของแดนเลื่องลือที่นี่
พลังขั้นภัยพิบัติตะวันที่เขาระเบิดออกมารวมอยู่ในกระบี่ใหญ่ทองในมือ พลังที่แผ่ออกมามากพอจะคุกคามผู้ฝึกฌานภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์ พริบตาที่ซูหมิง เข้ามาใกล้ ชายร่างกำยำเกราะทองเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ตัวเขาพุ่งเข้าไปพร้อมเหวี่ยงกระบี่ฟันไปทางซูหมิง
ชั่วพริบตาเดียว สองนิ้วมือขวาซูหมิงเปลี่ยนเป็นกระบี่ เข้าปะทะกระบี่ใหญ่สีทองอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงดังสนั่น สองคนถอยหลังไป ซูหมิงมีโลหิตไหลตรงมุมปาก ส่วนชายร่างกำยำเกราะทองก็เช่นกัน
ครั้งนี้สองคนไม่พูดอะไร แต่ตอนที่ถอยไป ชายร่างกำยำเกราะทองระเบิดพลังจากขั้นพลังเจ็ดส่วน ส่งผลให้ขั้นพลังทะยานขึ้นจนถึงภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์
หนึ่งกระบี่ฟันลงของเขาในระดับนี้ ถึงขั้นทำให้ยอดฝีมือขั้นกุมต้องหรี่ตาลง จากตรงนี้จะเห็นได้ถึงความแกร่งของมัน
ทันทีที่ระเบิดขั้นพลังออกมา ชายร่างกำยำเกราะทองพุ่งไปข้างหน้า ความมุ่งมั่นในการสู้ในดวงตาซูหมิงเข้มข้นกว่าเดิม เงากระบี่ทองในดวงตาพังลงหลายครั้งและ รวมขึ้นอีกหลายครั้ง ซูหมิงวูบไหวตัว จากนั้นสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้งทันที
ครั้งนี้ตอนที่สองนิ้วมือขวาซูหมิงปะทะกับกระบี่ใหญ่สีทอง มวลอากาศรอบๆ เกิดระลอกคลื่นขึ้น นั่นคือสัญญาณของพลังการเปลี่ยนกฎ
เสียงดังสนั่นนภา สองคนถอยไปพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างกระอักเลือด แต่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร โลหิตนี้เกิดจากที่สองฝ่ายต่างถูกกระเทือนจนกระอักออกมา ขณะเดียวกับที่สองฝ่ายแยกออกจากกัน ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
“ขั้นเจ็ด องค์ชายเต้าคงผ่านขั้นเจ็ดแล้ว!”
“หรือว่าเขาจะผ่านขั้นเก้าจริงๆ กลายเป็นคนที่เก้าที่ผ่านด่านนี้!”
“ดูจากท่าทางเขาแล้วไม่น่าจะพลาด ไม่รู้ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่….”
“ขั้นแปดยังดีหน่อย จุดสำคัญคือขั้นเก้า ข้าว่าองค์ชายเต้าคงอาจจะไม่ทำสำเร็จ ถึงอย่างไรก็มีโอรสสวรรค์หลายคนติดอยู่ตรงขั้นนั้น!”
สิบล้านคนรอบๆ สนทนากัน สายตาพวกเขาจ้องไปทางซูหมิงอย่างไม่วางตา ภาพเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อครู่สร้างความตกใจแก่พวกเขา จึงเกิดการคาดเดาขึ้นมากมาย
บนแท่นราบ ดวงตาเรียบนิ่งของชายร่างกำยำเกราะทองเกิดความมุ่งมั่นในการต่อสู้เป็นครั้งแรก ขั้นพลังเขาเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมระเบิดพลังออกมาแปดส่วน ตอนนี้พลังก้าวสู่ช่วงต้นของขั้นกุมแล้ว พลังแบบนี้คือระดับความยากของขั้นแปด คนที่ผ่านขั้นนี้ในอดีตจะต้องใช้สมบัติล้ำค่าและของป้องกันจำนวนมากถึงจะต้านการโจมตีอันน่าสะพรึงนี้ไหว
จะสำเร็จหรือไม่เกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่า เกี่ยวกับขั้นพลังและชายร่างกำยำเกราะทอง เป็นอย่างที่ว่าไว้ คนที่ผ่านมาถึงขั้นแปด ส่วนใหญ่ชายร่างกำยำเกราะทองจะให้ผ่านไปสู่ขั้นเก้า
แต่หากถึงขั้นเก้าแล้ว ถ้าไม่มีขั้นพลังผู้กุมชะตาเกิดดับก็จะไม่มีทาง…ผ่านด่านเช่นกัน ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยจึงค้างอยู่ที่ขั้นเก้า ไม่อาจผ่านด่านไปได้อย่างราบรื่น เว้นแต่จะบรรลุถึงกุมชะตาเกิดดับ ชายร่างกำยำเกราะทองถึงจะอนุญาตให้ผ่านไป
ทว่าซูหมิงต่างกัน ชายร่างกำยำเกราะทองเฝ้าอยู่ที่นี่มานานปี ในหมื่นปีมานี้ยังไม่เคยเจอผู้ท้าประลองอย่างซูหมิงมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อซูหมิงเรียนวิชาอภินิหารของเขาแล้ว เขาจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นต่อให้เป็นขั้นแปดเขาก็ยังค่อนข้างจริงจัง
ช่วงต้นของขั้นพลังขั้นกุมปะทุออกมา โลกภายนอกไม่สังเกตเห็นทุกอย่างบนแท่นราบ กลิ่นอายพลังถูกปิดตาย คนนอกจะเห็นเพียงตาเนื้อ แต่สัมผัสไม่ได้
“คนปกติมาบุกที่นี่ หากไปถึงขั้นแปด ส่วนใหญ่ข้าจะให้ผ่านไปเพื่อให้เห็นกำลังรบของข้าในขั้นเก้า หากตระหนักรู้ หากได้รับ บางทีพลังอาจจะก้าวหน้าไปอีกขั้น
แต่เจ้า ข้าไม่ให้ผ่าน” ชายร่างกำยำเกราะทองดวงตาวาววับ มือขวาเหวี่ยง กระบี่ใหญ่ทองคำไป ครั้งนี้เขาไม่เดินหน้า แต่เพียงฟันกระบี่ในมือลงไปยังซูหมิงแบบเรียบง่ายที่สุด
แท่นราบสั่นสะเทือน เสียงดังสนั่นกึกก้อง กระบี่ใหญ่ทองลากเป็นสายรุ้งยาว สีทองตรงไปหาซูหมิง นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาววับ เขายกมือขวาฟันลงไปด้วยท่าทางแบบเดียวกัน
เกิดเสียงดังกังวานอีกครั้ง ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน พลังโลหิตทั่วร่างปั่นป่วนเหมือนจะระเบิดมาจากในร่าง เขาถอยไป ขณะกระอักโลหิต ร่างกายยังดีหน่อย แต่กลับชาไปทั่วร่าง มีอยู่หลายลมหายใจที่เหมือนกลายเป็นคนธรรมดา
เมื่อมองไปทางชายร่างกำยำเกราะทองอีกครั้ง เกราะทองทั่วร่างเกิดเสียงดังกึกๆ ถึงจะไม่แตกออก แต่ขณะที่เขาถอยไปก็กระอักเลือดเหมือนกัน
“ดูให้ดี นี่คือพลังของขั้นเก้า และก็เป็นพลังเก้าส่วนของข้า” ชายร่างกำยำ เกราะทองเงยหน้าขึ้น โลหิตตรงมุมปากหายไปทันควัน ยามที่เอ่ยขึ้นตัวเขาระเบิดพลังของขั้นกุมอย่างแท้จริง นี่ไม่ใช่ช่วงต้นของขั้นกุม แต่คือพลังจากแรงกดดันที่ก้าว สู่ขั้นกุมมาหลายปี สั่งสมจนมากพอถึงระเบิดเป็นพลังแบบนี้
“แปดคนที่ผ่านด่านก่อนหน้าเจ้า ตอนที่อยู่ขั้นนี้ มีสามคนต้านไหว มีห้าคนไม่ต่อต้าน แต่พวกเขาก้าวถึงขั้นกุมแล้ว จึงเกินขีดจำกัดของแท่นราบกระบี่ทองคำนี้ ดังนั้นข้าเลยให้พวกเขาผ่านไป
หากเจ้ายังโจมตีแบบก่อนหน้านี้ได้ สามารถทำลายกระบี่ทองคำได้ ข้าจะปลดปล่อยขั้นพลังทั้งหมด…สู้กับเจ้า!” ชายร่างกำยำเกราะทองระเบิดพลังพร้อมเดินหน้าหนึ่งก้าว กระบี่ยาวในมือเปล่งแสงวูบวาบ จากนั้นก็กลายเป็นเสี้ยวเงาเก้าส่วนกลางอากาศ ดูคล้ายกระบี่ใหญ่เก้าเล่มฟันใส่ซูหมิงพร้อมกัน
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววกระหายต่อสู้ เขายกมือขวาขึ้น ทำสองนิ้วเป็นกระบี่ สีหน้าจริงจัง ตอนนี้เองเขาชี้นิ้วไปยังกระบี่ใหญ่สีทองที่เข้ามาใกล้
หนึ่งดัชนีลากเป็นสายรุ้งยาว แหวกผ่านอากาศ เมื่อปะทะกับกระบี่ใหญ่สีทองแล้วกลับไร้เสียงใดๆ มือขวาซูหมิงสั่นไหว กระบี่ใหญ่สีทองก็สั่นไหวเช่นกันก่อนระเบิดออก แต่ถึงกระนั้นซูหมิงก็กระเด็นถอยไปจนถึงขอบแท่นราบแล้วกระอักเลือดติดกันหลายครั้ง
ทว่าเขากลับมีสีหน้าดีใจ ไม่เช็ดโลหิตตรงมุมปาก แต่เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง
“ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ปล่อยพลังทั้งหมดของเจ้าเสีย เรามาสู้กันอีกครั้ง!” ซูหมิงหัวเราะเสียงดังพลางยกมือขวาทำสองนิ้วเป็นกระบี่ แต่สองนิ้วกลับเปล่งแสง สีทองขึ้น ส่วนเงากระบี่ภายในดวงตาสองข้างก็ไม่ใช่ภาพมายาอีก แต่สมจริงขึ้นมา เข้ามาแทนที่ลูกตาแล้ว
ภาพนี้อยู่ในสายตาคนสิบล้านคนข้างนอก จึงเกิดเสียงอึกทึกขึ้นทันที
“ขั้นเก้า เขาผ่านขั้นเก้าจริงๆ!”
“ไม่นึกเลยว่าจะมีคนผ่านครั้งเดียวเก้าขั้นจริงๆ ข้าเคยได้ยินมาว่าหากมีคน ผ่านเก้าขั้นรวดเดียวในแดนเลื่องลือด่านสาม จะปรากฏสภาพที่แกร่งที่สุดของจินซิว เกิดเป็น…ขั้นสิบที่ซ่อนอยู่!”
ระหว่างที่โลกภายนอกส่งเสียงสนทนาดังกังวาน บนแท่นราบ ชายร่างกำยำเกราะทองมองซูหมิงอย่างจริงจัง คล้ายกับว่าจะจดจำหน้าตาซูหมิงเอาไว้ให้แม่น
“ตั้งแต่หมื่นปีก่อน หลังจากรายชื่ออันดับแดนเลื่องลือที่นี่ได้รับการบันทึกใหม่อีกครั้ง เจ้าเป็นคนแรก….ที่ทำให้ข้าต้องใช้พลังทั้งหมด ข้าจำนามของเจ้าเอาไว้แล้ว เต้าคง….ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเข้าใจมากน้อยเท่าไร แต่หากเจ้าไม่เข้าใจ ก็จงจากไปตอนนี้เสีย เจ้าจะยังถือว่าเป็นผู้ผ่านด่าน เพราะหากเจ้าไม่เข้าใจ เจ้า….รับเคล็ดวิชาสังหารเทพของข้า ไม่ไหวแน่!”