Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1084

ตอนที่ 1084 พละกำลังอยู่เหนือสิบผู้แข็งแกร่ง

ในสำนักดาราสัจธรรม กลางมวลอากาศระหว่างเก้าแผ่นดินโลกข้างบน ณ แดนพิธีแต่งตั้ง บนแท่นดอกบัวของซูหมิง หลังฉือหลิงเว่ยจากไป ภายในเสียงดังเกรียวกราวจากรอบๆ พลันปรากฏแสงสว่างจ้าแสบตาขึ้น กลางแสงสว่างนั้นมีร่างเงาหนึ่งก้าวเท้ายาวออกมา เกิดเสียงโครมดังขึ้น เขาเหยียบเข้ามาบนแท่นราบ เผยเป็น ร่างใหญ่และมีแรงกดดันรุนแรง

“ฮั่นถ่า คนเผ่าภูผามาเยือน องค์ชายโปรดช่วยชี้แนะ!” เผยเป็นร่างชายกำยำ คนหนึ่งท่ามกลางเสียงดังก้อง ดวงตาเขาราวกับกระดิ่งทองแดง ใบหน้าเหี้ยมโหด ให้ความรู้สึกดุร้าย ตอนที่จ้องซูหมิงยังเอ่ยเสียงราวฟ้าผ่า

“ฮั่นถ่า แม้แต่เขาก็ยังมาด้วย ศึกนี้จะต้องยอดเยี่ยมยิ่งแน่ๆ!”

“เขาเป็นหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งช่วงหมื่นปีมานี้ แม้จะอยู่อันดับสิบ แต่ก็รู้กันว่าอันดับนี้ไม่ได้จัดโดยสำนักดาราสัจธรรม แต่เป็นตารางอันดับรางวัลโดยพันธมิตรเซียน นิสัยจริงๆ เขาเป็นคนชัดเจนมาก”

“ไม่ผิด อีกอย่างข้ายังได้ยินมาว่า ในตารางอันดับวีรกรรมในสงครามของสำนักดาราสัจธรรม ฮั่นถ่าคนนี้ก็อยู่อันดับสิบเหมือนกัน!”

ช่วงที่เสียงสนทนาจากข้างนอกดังแว่วมา ซูหมิงมองชายร่างกำยำตรงหน้า สีหน้าหวนคะนึงคิดโดยไม่รู้ตัว สายตามองอีกฝ่ายพลางนึกถึงศิษย์พี่สามของตน หู่จื่อ

หู่จื่อก็เป็นชายร่างกำยำเหมือนกัน ในความซื่อตรงมีความเหี้ยมโหดอยู่

‘หู่จื่อ ท่านอยู่ที่ใด….’ ซูหมิงส่ายหน้า

ชายร่างกำยำแสยะยิ้มมุมปาก เขามั่นใจในรอยยิ้มตัวเองมาก รู้ว่าทุกครั้งที่ตนยิ้มแบบนี้จะสร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกคน ยามนี้แสยะยิ้มพร้อมเดินหน้าไปหาซูหมิง ก่อนยกมือขวาชกเข้าไปหนึ่งหมัด

เขามีขั้นพลังกุม ซ้ำยังเป็นขั้นกุมที่ไม่ใช้อภินิหาร มีความคิดเพียงใช้กำลังสูงสุดเขย่าจักรวาล การลงมือคือใช้กำลังจากร่างกาย ท่ามกลางเสียงดัง หมัดเขาเหมือนแยกอากาศออก ฉีกเป็นรอยแยกอากาศยักษ์เส้นหนึ่งพุ่งตรงไปหาซูหมิง

‘หู่จื่อเห็นชายร่างกำยำคล้ายๆ กับเขาจะต้องดีใจมากแน่’ ซูหมิงยิ้มและเดินหน้าไป เขาก็ชกหมัดด้วยพละกำลังเช่นกัน หลังปะทะหมัดกับชายร่างกำยำแล้วจึงเกิดเสียงดังกึกก้อง ชายร่างกำยำเซถอยไปหลายก้าว ส่วนซูหมิงเพียงตัวสั่นและถอยไปหนึ่งก้าว มุมปากมีโลหิตไหล ซึ่งมันไม่ได้เกิดจากชายร่างกำยำ แต่เป็นเพราะบาดแผลในร่างเขา

ทางด้านชายร่างกำยำ ช่วงที่เขาถอยไป พลังโลหิตทั่วร่างถูกกระเทือนจนปั่นป่วนอย่างรุนแรง ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ในเสี้ยวพริบตานี้

ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก สายตามองม่านแสงที่ปกคลุมรอบแท่นดอกบัว ดวงตาขยับวาววับ ทันใดนั้นมีแสงสีดำสายหนึ่งขยับวิบวับมาจากในร่างกาย นี่ก็คือแสงแก่นยมโลก ตอนที่มันปะทะกับม่านแสง ม่านแสงพลันบิดเบี้ยวและพังพินาศลง ส่งผลให้คนนอกเห็นทุกอย่างบนแท่นดอกบัวอย่างชัดเจน

“ยังมีผู้ท้าประลองอีกเท่าไร มาพร้อมกันเลย เข้ามา พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้าหรอก!” เสียงซูหมิงดังออกจากแท่นดอกบัว ดังก้องอยู่ในหูผู้ฝึกฌานทุกคน

หลังเงียบไปชั่วครู่ก็มีสายรุ้งยาวบินขึ้นทีละสาย รวมทั้งหมดเจ็ดคนต่างพุ่งทะยานไปยังแท่นดอกบัวของซูหมิงด้วยความเร็วสูงยิ่ง

เจ็ดคนนี้มีสตรีสอง ที่เหลือเป็นบุรุษ อายุมากสุดก็แก่ชราผมขาว อายุน้อยสุด ก็เด็กหัวโล้น ขั้นพลังเจ็ดคนนี้ปะทุขึ้นขณะพุ่งทะยานเข้ามา ทั้งหมดล้วนเป็น… พลังของขั้นกุม!

การปรากฏตัวของเจ็ดคนนี้ก่อให้เกิดเสียงดังอึกทึกและเสียงเกรียวกราวเด่นชัดของผู้ฝึกฌานรอบๆ

“เป็นพวกเขาเจ็ดคน แปดคนในสิบผู้แข็งแกร่ง ตอนนี้ปรากฏตัวมาหมดแล้ว…”

“นอกจากอันดับหนึ่งเต้าเสวียนที่ออกไปข้างนอกยังไม่กลับมาแล้ว ก็มีอันดับสองติงจิ่วเซียวที่ห้องโถงสงครามรับตัวไป ตอนนี้เฝ้ารักษาการณ์อยู่ข้างนอกตลอดปียังไม่กลับมา ตอนนี้สิบผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักดาราสัจธรรมปรากฏตัวมาหมดแล้ว!”

“หลังจากศึกครั้งนี้จะไม่มีผู้ท้าประลองอีก คนที่มีสติปัญญาทุกคนจะไม่มีใคร ท้าประลององค์ชายเต้าคงอีก!”

“ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ องค์ชายเต้าคงต้องแพ้แน่ๆ คนเดียวสู้กับแปดคน ต่อให้เขามีขั้นพลังสูงกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ องค์ชายเต้าคงดูจะบ้าระห่ำเกินไปหน่อย…แต่ถึงจะพ่ายแพ้ เขาก็ได้สร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งแล้ว ชื่อเสียงเขาเป็นรองเพียงเต้าเสวียนกับติงจิ่วเซียวเท่านั้น!”

เจ็ดคนนี้ล้วนติดอันดับสิบผู้แข็งแกร่ง เดิมทีพวกเขาจะท้าประลองซูหมิงทีละคน ไม่ใช่ว่าอยากได้ฐานะองค์ชาย แต่เพราะอยากจะทดสอบซูหมิง ขณะเดียวกันก็อยากทดสอบขั้นพลังตัวเองด้วย

ตอนนี้พอได้ยินคำพูดซูหมิง เจ็ดคนนี้จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนปรากฏตัวทั้งหมด ขณะห้อเหยียดไป เจ็ดคนนี้กลายเป็นสายรุ้งยาวเข้าไปใกล้แท่นดอกบัวซูหมิงในพริบตา พวกเขาบินลงทีละคนข้างชายร่างกำยำที่พลังโลหิตในร่างเพิ่งฟื้นกลับมา และสายตาที่มองซูหมิงมีความจริงจังอยู่ลึกๆ

“องค์ชายโปรดช่วยชี้แนะด้วย!” เจ็ดคนนี้มีสีหน้าจริงจัง พวกเขาประสานมือคารวะซูหมิง แทบเป็นทันทีที่คารวะ ชายร่างกำยำเหมือนกับหู่จื่อตะโกนเสียงต่ำ เขากระโดดลอยขึ้นชกอีกหมัดใส่ซูหมิง ระหว่างที่ชกหมัดไปทั่วร่างเขาสั่นสะท้าน พละกำลังระเบิดถึงขีดสุด ทั่วตัวมีเส้นเลือดดำปูดโปน เกิดเสียงกึกๆ ดังรวมกันในหมัด หมัดนี้ชกออกไป พลันรวมขึ้นเป็นร่างเงามายาหมัดยักษ์ตรงหน้าเขา

ในเวลาเดียวกัน เด็กชายหัวโล้นในเจ็ดคนที่เหลือถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาสองข้างวาววับ ฉับพลันนั้นในดวงตาสองข้างปรากฏลูกตาดำสองลูก!

ชั่วขณะที่เกิดแสงอ่อนขยับแสงในดวงตาเขา บนแท่นดอกบัวปรากฏเส้นถี่นับไม่ถ้วน เส้นเหล่านี้เกิดขึ้นจากกฎ หลังอยู่ในสายตาเขาอย่างแจ่มชัดแล้ว เขายกสองมือขึ้นขยับไปทางมวลอากาศอย่างรวดเร็ว นี่คือการเปลี่ยนกฎของที่นี่ ทำให้ซูหมิงรู้สึกถึงแรงขับไล่โผล่มาจากอากาศ ราวกับว่าในตอนนี้เขาเข้ากับมวลอากาศและฟ้าแห่งนี้ไม่ได้

ต่อมาชายหนึ่งหญิงหนึ่งในอีกหกคนที่เหลือขยับวูบไหวหายวับไป แล้วมาปรากฏตัวอยู่สองข้างซ้ายขวาของซูหมิงในพริบตา สองคนนี้วิชาเหมือนกัน ร่างพวกเขาเลือนราง ประหนึ่งอยู่ระหว่างความจริงกับมายา มีผลให้พวกเขาหลบหลีกอภินิหารส่วนใหญ่ได้ ประกอบกับมีขั้นพลังแข็งแกร่ง ตอนสู้กับพันธมิตรเซียนมีผู้แข็งแกร่งสิ้นชีพด้วยมือพวกเขาจำนวนมาก

และยังมีชายชราที่อายุมากสุดในสี่คนที่เหลือ เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนมีแสงหลากสีเปล่งวาบขึ้น นั่นคือแสงเกือบร้อยสาย พอมันเปล่งมาแล้วจึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าจำนวนมาก เหมือนกับว่าในตัวเขามีสมบัติใช้ไม่ขาดสาย จากนั้นสมบัติเหล่านี้ต่างแผ่กระจายความรู้สึกคมกริบเด่นชัดแล้วพุ่งไปหาซูหมิง

สามคนสุดท้าย หญิงหนึ่งคนในนั้นส่งเสียงร้องแหลม พร้อมกันนั้นร่างนางแยกออกเป็นเกือบร้อยร่างล้อมรอบแท่นดอกบัว ภายใต้เสียงกรีดร้องพร้อมกัน ประหนึ่งว่ามีเสียงดังวนไปมารอบๆ ไม่หยุด พอคนได้ยินเสียงนี้แล้วจะปวดใจและเกิดความรู้สึกจะหมดสติ

อีกสองคนที่เหลือ หนึ่งคนในนั้นก้าวเดินมาพร้อมกับร่างขยายใหญ่ ร่างหนาขึ้นหลายเท่ากลายเป็นคนยักษ์สูงสิบจั้งพุ่งเข้าไปหาซูหมิงพร้อมกับฮั่นถ่า

ส่วนอีกคนสวมเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่ ตอนนี้เสื้อคลุมขยับแสง ส่งเสียงวิ้งพร้อมกับมีตะขาบมีปีกจำนวนมากบินออกมา ตะขาบเหล่านี้ต่างส่งเสียงร้องและพุ่งไปหา ซูหมิงแบบมืดฟ้ามัวดิน

แปดคนลงมือพร้อมกันก่อเป็นพลังมหาศาล แต่ซูหมิงกลับเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

“ขั้นกุม เป็นจุดสูงสุดของพละกำลัง นอกจากสองคนนี้แล้ว พวกเจ้าหกคนเดินผิดทาง บรรลุถึงขั้นกุมแล้ว แต่พวกเจ้ายังมองตัวเองเป็นผู้ฝึกฌาน เอาชนะพวกเจ้า….ใช้เพียงแค่แปดหมัดก็พอ!” ซูหมิงเดินหน้าไปเผชิญหน้ากับฮั่นถ่ากับคนยักษ์ที่พุ่งเข้ามาก่อน พริบตาที่เข้าใกล้ เขายกสองมือเหวี่ยงไปสองหมัดพร้อมกัน

เสียงกึกก้องดังสนั่น ฮั่นถ่ากระอักเลือด ร่างกระเด็นถอยไป ส่วนคนยักษ์ร่างสั่นสะท้านก่อนระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลับมาเป็นร่างเดิมแล้วถึงกระอักเลือดออกมา

ซูหมิงไม่หยุดเดิน เขาปล่อยให้เส้นถี่จากกฎรอบๆ พันรอบตน เพียงแค่ชกหมัดขวาใส่อากาศ มวลอากาศพลันสั่นสะท้าน เส้นถี่จากกฎทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา

“จุดสูงสุดของพละกำลังสามารถเขย่าจักรวาล ทำลายมวลอากาศ ไฉนต้องใช้กฎ?” ซูหมิงกล่าวประโยคนี้พร้อมหนึ่งหมัดตามไปทันที เขาไม่ได้ทำลายเพียงเส้นถี่กฎ แต่ยังมีเด็กชายสองลูกตาดำ ร่างเขาสั่นไหว โลหิตไหลมาจากดวงตาสองข้าง ซ้ำยังกระอักเลือดและกระเด็นถอยไป

ในเวลาเดียวกัน เขาขยับตัวไปซ้ายและขวา หลังปล่อยให้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งสองข้างลงมือแล้ว เขาจึงยื่นสองมือชกใส่อากาศไปสองข้าง ระลอกคลื่นกระจายออก ร่างเงาสองคนที่อยู่ระหว่างความจริงกับมายาถูกบีบออกมาแล้วกระเด็นถอยไป

“แล้วยังมีเจ้า…” ซูหมิงมองคนที่ปล่อยสัตว์พิษจำนวนมากออกมา จากนั้น กำหมัดขวา ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก เกิดพายุคลั่งลากผ่านแล้วหมุนตลบไปรอบๆ สัตว์พิษเหล่านั้นต่างส่งเสียงร้องด้วยความตื่นกลัว รวมถึงคนที่ปล่อยสัตว์เหล่านี้ก็ยังกระอักเลือดและถอยไปหลายก้าว

“แล้วก็เจ้า….” ขณะที่ซูหมิงหมุนตัวกลับ เขาเอามือขวาคว้าอากาศ ของวิเศษเกือบร้อยที่พุ่งเข้ามาแตกกระจายออกทั้งหมด ชายชราที่ใช้ของวิเศษมีโลหิตไหลตรงมุมปาก ร่างถอยไปทันที

“สุดท้ายก็เจ้า!” ซูหมิงยกมือขวาชกใส่แท่นดอกบัวใต้ร่าง คลื่นยักษ์ม้วนกระจายออกจากหมัดไปรอบๆ ทำให้ร่างแยกสตรีหลายร้อยคนรอบๆ สลายหายไปทั้งหมด จนเผยร่างจริงอยู่ไกลๆ นางกระอักเลือด ร่างถูกม้วนถอยไป

“ยังไม่ถึงอกถึงใจเลย พวกเจ้าเข้ามาอีก!” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง มุมปากมีโลหิตไหล การทำแบบนี้ส่งผลกระทบต่ออาการบาดเจ็บเขา ทว่าดวงตากลับมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างแรงกล้า

แปดคนรอบๆ มีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต่างฝ่ายต่างมองตากันและกันแล้วก็พุ่งเข้าใส่ซูหมิงอีกครั้ง

ขณะเดียวกับที่ซูหมิงกำลังสู้กับแปดคนนี้ บนแผ่นดินใหญ่แห่งหนึ่งของโลกข้างล่างสำนักดาราสัจธรรม มีอาคมเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่งขยับแสงวิบวับ แล้วตามด้วยชายชราที่กลับมาจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเดินออกมาอย่างว่องไว เขาหน้าขาวซีด พอเดินมาแล้วก็พุ่งทะยานไปโลกข้างบนอย่างเร่งรีบ

เขาจะเอาข่าวที่ได้มาบอกกับผู้อาวุโสสำนัก ข่าวนั้น…ทำให้เขาหวาดกลัวมาตลอดทาง หากไม่ใช่ว่ามั่นใจ เขาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าใต้เต้าเท้าคงจะก่อเรื่องน่าตกตะลึงขึ้นในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต!

โดยเฉพาะเขานึกถึงผู้อาวุโสสำนักที่ให้ตนไปแดนต้นกำเนิดจิต เหมือนว่าจะมีเจตนาร้ายกับเต้าคงเล็กน้อย นี่ยิ่งทำให้เขาใจสั่นไหว ต่อให้ต้องล่วงเกินผู้อาวุโสสำนัก เขาก็ไม่มีทางล่วงเกินเต้าคงอย่างเด็ดขาด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!