Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1087

ตอนที่ 1087 คนนั้นคือองค์ชายเต้าคง

“พูดเหลวไหล!” ชายชราหน้าดำยิ้มเยาะ มองคนที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตพลางสะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“ข้ามเรื่องที่เต้าคงมีผู้ติดตามแบบนั้นไปก่อน ลำพังเพียงผู้แข็งแกร่งแบบนี้จะไปยอมเป็นผู้ติดตามได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือ ช่างน่าหัวร่อ ข้าให้เจ้าไปแดน ต้นกำเนิดจิต ไม่ใช่ให้เจ้าไปเชื่อคำพูดคนอื่นง่ายๆ หรือว่าเจ้าเป็นเด็กสามขวบกัน!

ข้าอยากรู้นักว่าครั้งนี้เจ้าไปฟังใครพูดมา หรือว่าจะเป็นบรรพบุรุษหลงไห่!” ชายชราหน้าดำไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าข้างกายซูหมิงจะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่จริงๆ ขณะเอ่ยสีหน้าดูเยาะหยัน หากบรรพบุรุษหลงไห่เป็นคนบอกมา เขาก็จะพูดได้ว่าด้วย ขั้นพลังของหลงไห่ ถึงจะเข้าใจ แต่หากเกี่ยวกับยอดฝีมือเกือบบรรลุถึงขั้นดับสูญ ด้วยฐานะเขาแล้วยังไม่พอ

เรื่องนี้อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ชายชราเป้ยปังยังขมวดคิ้ว รู้สึกว่าข่าวลือนี้เกินจริงไปเล็กน้อย เขาเองก็เป็นยอดฝีมือขั้นเกิด มีฐานะสูงส่ง มีความภูมิใจในขั้นพลังตนเอง เขาไม่คาดคิดว่าผู้แข็งแกร่งเหมือนตนกระทั่งแกร่งกว่าตนจะยอมเป็นผู้ติดตามเต้าคง

ถึงขั้นพลังเต้าคงจะไม่ธรรมดา สามารถสู้กับขั้นกุมแปดคน แต่ในสายตาเป้ยปังก็ยังไม่พอจะมียอดฝีมือขั้นเกิดติดตาม เป็นอย่างที่ชายชราหน้าดำว่าไว้ มันช่างน่าหัวร่อ!

ไม่ใช่เพียงแค่เขาที่คิดแบบนี้ ผู้ฝึกฌานรอบๆ กับองค์ชายหลายคนเกิดความสงสัยนี้ตรงส่วนลึกในใจแทบจะทุกคน

พวกเขาไม่เชื่อ!

“นี่เป็นไปไม่ได้ ถึงองค์ชายเต้าคงจะมีขั้นพลังสูง แต่เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้!”

“ไม่ผิด ลองคิดดูว่าคนขั้นเกิดที่ใกล้จะบรรลุถึงขั้นดับสูญผู้สูงส่งปานนั้น หากอยู่ในโลกแท้จริงใด นั่นแทบจะยึดโลกนั้นๆ ได้เลย เหยียบหนึ่งก้าวฟ้าเปลี่ยนสี คนแบบนี้จะเป็นผู้ติดตามได้อย่างไร?”

“เป็นเพียงข่าวลือ ดูแล้วเชื่อไม่ได้จริงๆ มันคุยโวโอ้อวดเกินไป” เสียงสนทนาดังก้อง น้ำเสียงสงสัยดังขยายออกไป ซูหมิงมีสีหน้าปกติราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเขา เพียงมองคนที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง

คนคนนี้สามารถตรวจสอบได้ขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆ นั่นอธิบายได้ว่าเขามี เส้นสายในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตกว้างขวางยิ่ง อีกทั้งยังดูออกว่านอกจากขั้นพลังเขาแล้ว ความสามารถในการจัดการของเขา โดยเฉพาะทักษะการสืบข่าวเหนือกว่าคนปกติไปมากโข

‘นี่ก็เป็นคนมีความสามารถอีกคนหนึ่ง’ ดวงตาซูหมิงเป็นประกายบางจนตรวจไม่พบ

ชายชราที่กลับมาจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเผชิญหน้ากับความสงสัยและไม่เชื่อของคนสิบล้านคนรอบๆ จึงมีสีหน้าทะมึนทึบ ฟังเสียงอื้ออึงข้างหูพลางมอง ชายชราหน้าดำยิ้มเยาะและเย้ยหยัน

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนที่เสียงสนทนารอบๆ ดังสนั่นขึ้นอีก ชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตเอ่ยขึ้นเนิบๆ อย่างเรียบนิ่ง ประโยคนี้ทำให้ที่นี่เงียบลงอีกครั้งในทันที

“หากเป็นเซียนจื่อหลงจากโลกแท้จริงที่สี่พูดด้วยตัวเองล่ะ” นี่คือคำพูดของเขา เมื่อโดยรอบเงียบลง ชายชราหน้าดำพลันหน้าเปลี่ยนสี ขนาดลมหายใจกระชั้นขึ้น เขาไม่นึกเลยว่าคนที่พูดจะเป็น…..เซียนจื่อหลงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งในโลกแท้จริงที่สี่!

เขามีชื่อเสียงเลื่องลือในโลกแท้จริงที่สี่ ขั้นพลังครึ่งก้าวขั้นชะตาประกอบกับความพิเศษและลึกลับของโลกแท้จริงที่สี่ ทำให้เขามีชื่อเสียงในอีกสามโลกแท้จริงเช่นกัน อีกทั้ง….ยังเป็นตัวแทนโลกแท้จริงที่สี่ที่มาร่วมยืนยันในพิธีแต่งตั้งใหญ่ของสำนักดาราสัจธรรมครั้งนี้ด้วย

เขาจะพากลุ่มคนจากโลกแท้จริงที่สี่เดินทางมาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมในอีกไม่นานนี้!

“เจ้ามั่นใจรึว่าเซียนจื่อหลงเป็นคนพูดจริงๆ!” เป้ยปังมีสีหน้าขรึมขึ้นมา สายตามองชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตพลางเอ่ยทีละคำ

“เรื่องนี้จริงเท็จประการใด หากผู้อาวุโสสำนักเจอจื่อหลงแล้วถามเองก็จะรู้แต่ข้าคงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดโกหกอย่างแน่นอน” ชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตตอบกลับอย่างเด็ดขาด ความเงียบรอบๆ ถูกเสียงดังเกรียวกราวทำลายโดยพลัน ขณะเดียวกับที่เสียงสนทนากับเสียงเหลือเชื่อกระทั่งหวาดกลัวดังกังวาน ชายชรา หน้าดำมีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง ส่วนเป้ยปังหันไปมองซูหมิงบนแท่นดอกบัว

ซูหมิงยังคงหน้าขาวซีด แต่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับสบายๆ สงบนิ่ง เฉยเมย สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกหยั่งลึกไม่อาจคาดเดา

“ผู้ติดตามของเจ้ามีนามว่าอะไร บางทีอาจเป็นสหายเก่าของข้า” เป้ยปังเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นช้าๆ ตอนนี้จิตใจเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่ คำพูดของชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตสร้างความตื่นตะลึงในทุกประโยค ทำให้คนรอบๆ กระทั่งเขาตื่นตกใจและมีความรู้สึกเหลือเชื่อ

ซูหมิงเล่นทวนมุ่งสู่ชีวิตในมือ ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มและพูดขึ้นเรียบๆ

“ให้เขาพูดต่อไป แซ่เต้ารู้สึกเหมือนยังมีบางเรื่องที่เขาไม่ได้พูด พูดออกมาให้ หมดเลย” รอยยิ้มซูหมิงราบเรียบ แต่เมื่ออยู่ในสายตาคนรอบๆ ราวกับว่ารอยยิ้มนั้นซ่อนความชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูกแต่กลับเด่นชัดยิ่งเอาไว้

เป้ยปังหรี่ตาลง เขาเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ชายชราหน้าดำข้างหลังหัวใจเต้นตึกๆ ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบๆ ก็มีคนสมาธิตั้งมั่นในทันที พวกเขารู้สึกเหมือนว่าชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิต…..ยังพูดไม่จบจริงๆ!

โดยเฉพาะชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตตัวสั่นโดยจิตใต้สำนึก เขานึกถึงเรื่องหนึ่งที่มากพอจะก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ยักษ์ ซึ่งนี่เองทำให้เขาหวาดกลัวมาตลอดทางและเกิดความคิดไม่มีทางล่วงเกินอีกฝ่ายขึ้น

เทียบกับเรื่องนี้แล้ว การเข้าร่วมการเปิดเตาหลอมลำดับห้าก็ดี สังหารท่านชายเทียนอู๋ก็ดี รวมถึงยอดฝีมือเกือบบรรลุขั้นดับสูญ ทุกอย่างเหล่านี้เล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง

“ข้าไปแดนต้นกำเนิดจิตครั้งนี้ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง……” ชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตเงียบไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาเขาฉายแววหวาดกลัว และยังมีเศษเสี้ยวความตื่นกลัวอย่างน่าเหลือเชื่อหลงเหลือมาถึงตอนนี้ ลมหายใจกระชั้นขึ้นหลายทีแล้วพูดต่อ

“ขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต…. ถูกทำลายแล้ว!”

“แม้แต่ผู้ฝึกฌานทั้งหมด…..ยังตายตกไปในทะเลเพลิง!”

“ยอดฝีมือขั้นกุมสิ้นชีพกันเกือบหมด มีเพียงยอดฝีมือขั้นเกิดแห่งโลกแท้จริง หยินศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาการณ์อยู่ที่นั่นที่รอดมาได้ ทว่าที่เขารอดก็เพราะคนที่ทำลายล้างโลกคนนั้นไม่มีเจตนาสังหารก็เท่านั้น หากคิดสังหาร ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเกิดก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ วิญญาณสูญสลายไป!

เรื่องนี้พวกท่านยังไม่รู้ แต่อีกไม่นาน เรื่องนี้จะสั่นสะเทือนไปทั้งสี่มหาโลกแท้จริง ตอนนี้โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์โกรธอย่างสุดขีดแล้ว…..

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขุมอำนาจรักษาการณ์ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตตอนนี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้ มันกระจายไปทุกแห่งหนอย่างรวดเร็วแล้ว

ตอนนี้แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตไม่มี…..โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์แล้ว!” ชายชราเสียงสั่น ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ นัยน์ตาเขามีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นความทรงจำที่ประทับไว้ซึ่งไม่มีทางสูญหายไปตามกาลเวลาในแดนรกร้าง ต้นกำเนิดจิตกับตาตัวเอง

เมื่อเขาพูดออกไป รอบๆ ไม่ได้เงียบลงในทันใด แต่ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนต่างพากันเงียบเป็นเป่าสาก พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงพร้อมกัน เสียงสูดลมหายใจเข้า ดังขึ้นลง ท้ายที่สุดถึงกลายเป็นความเงียบราวกับความตาย

ความน่าตกใจของข่าวเหนือเกินกว่าจินตนาการพวกเขา ส่งผลให้ทุกคนรับไม่ได้อยู่เล็กน้อยในเวลานี้ จากนั้นเมื่อต่างนึกถึงภาพตามคำพูดในความคิดแล้ว ก็จินตนาการได้ว่านั่นคือขุมอำนาจรักษาการณ์หนึ่งโลกแท้จริง นั่นคือแดนที่มี ยอดฝีมือขั้นเกิดอยู่คนหนึ่ง นั่นคือโลกแท้จริงที่แม้แต่เผ่าประหลาดบุกเข้าไปยังต่อต้านไหว ขอเพียงมีเวลาที่มากพอก็จะเรียกกำลังเสริมมาได้

แต่ยามนี้ถูกคนทำลายไปแล้ว คนที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือจะต้องรวดเร็วอย่างยิ่งจนคนโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์มาไม่ทัน ขุมอำนาจรักษาการณ์ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตจึงกลายเป็นความว่างเปล่า

“หรือว่าเผ่าประหลาดบุก?”

“หรือว่านี่จะเป็นมหาสงครามแดนต้นกำเนิดจิตอีกครั้ง!”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หนึ่งโลกในขุมอำนาจรักษาการณ์ถูกคนทำลายล้างจนสิ้นไป เรื่องนี้….เรื่องนี้…..”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หากกองทัพเผ่าประหลาดบุก เช่นนั้นอีกสามโลกแท้จริงรวมถึงขุมอำนาจของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมของเราตอนนี้จะเป็นอย่างไร”

“หรือว่าจะต้องเปิดสงครามกับเผ่าประหลาดจริงๆ!”

หลังเงียบไปครู่หนึ่งก็ระเบิดเป็นเสียงดังสนั่นที่เหนือกว่าก่อนหน้านี้ทั้งปวง ชายชราหน้าดำพลันหน้าเปลี่ยนสี ชายชราเป้ยปังตรงหน้าสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ

“เป็นเผ่าประหลาดใด อีกฝ่ายเคลื่อนไหวกี่คน เคลื่อนไหวกี่ชนเผ่า ผู้นำเป็นใคร?” เขาถามขึ้นอย่างไม่ลังเล เรื่องนี้ใหญ่มาก เขาต้องเข้าใจก่อนแล้วต้องรีบรายงาน ห้องโถงผู้อาวุโสสำนักทันที นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว หากเผ่าประหลาดเปิดสงคราม นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับสี่มหาโลกแท้จริง

เทียบกับเรื่องนี้แล้ว แม้เขาจะไม่ชอบเต้าคงซ้ำยังคิดว่าจะจัดการทีหลัง ทว่าพอถามขึ้นโดยสัญชาตญาณแล้วในใจกลับเต้นดังตึกๆ หน้าพลันขาวซีด เขานึกออกในฉับพลันว่าก่อนหน้านี้ชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตพูดว่าจะบอกเรื่องเกี่ยวกับเต้าคง…..

“ไม่เกี่ยวกับเผ่าประหลาด…..” ชายชราที่กลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตมองซูหมิงด้วยความหวาดกลัวแวบหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวเสียงดังกึกก้อง

“ไม่ใช่เผ่าประหลาด คนที่ทำลายล้างรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธ์มีเพียงคนเดียว…..เป็นเพราะว่าผู้ฝึกฌานคนหนึ่งแห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์นำของของ คนนี้ไป แต่โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กลับปกป้อง จนสุดท้ายเขาโกรธขึ้นมา จึงอัญเชิญเตาหลอมลำดับห้ามาทำลายโลกนั้น…..ทำลายล้างจนหมดสิ้น!” เสียงชายชราดังกังวานไป ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างเกิดกลัวอย่างน่าเหลือเชื่อรุนแรงถึงขีดสุด ซ้ำยังตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คนเดียว…คนเดียวทำลายล้างหนึ่งโลก!”

“เขาเป็นใคร!”

“ในฟ้าดินแห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งแบบนี้ด้วยรึ แล้วเตาหลอมลำดับห้าเป็นของ ไร้เจ้าของในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตไม่ใช่รึ เหตุใดถึง…..อืม? เตาหลอมลำดับห้า?” ช่วงที่เสียงสนทนารอบๆ ดังสนั่น ทันใดนั้นมีเสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นไม่น้อย ผู้ฝึกฌานที่ตั้งสติได้เร็วจำนวนหนึ่งจิตใจเกิดเสียงครึกโครม ราวกับหัวใจหยุดเต้น พวกเขาต่างหันหน้ามองไป สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องซูหมิงที่มีสีหน้าเฉยเมยในพริบตา

องค์ชายเก้าคนตรงหน้าซูหมิงตอนนี้สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนพากันถอยไปพร้อมกันอย่างหวาดกลัว ราวกับอยากจะออกห่างจากซูหมิงในทันที

“คนนั้นก็คือ…..องค์ชายเต้าคง!” ทันทีที่ชายชราเอ่ยคำพูดสุดท้าย ช่วงที่ฟ้าดินพลันเงียบสงัดจนเกือบจะบ้าคลั่ง เขามองซูหมิงแล้วคุกเข่าคารวะกับพื้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!