ตอนที่ 1109 มือขวาข้า 7
ฝ่ามือนี้คือพลังทั้งหมดของซูหมิงตอนนี้ เป็นพลังจากขั้นพลังที่แกร่งที่สุด หลังฝ่ามือนี้ ซูหมิงก็ห้อเหยียดเข้าไปพลางยกมือขวาขึ้น พุ่งเข้าไปพร้อมกับฝ่ามือ ดวงตะวันภัยพิบัติ
นี่คือการใช้พละกำลังที่แกร่งที่สุดของเขา หลังขั้นพลังหลอมรวมกับพละกำลังแล้ว จึงออกมาเป็นพลังที่แกร่งที่สุดในชีวิตเขาตอนนี้!
ขณะเดียวกันข้างหลังเขายังมีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่กระจายมา ความชั่วร้ายของกลิ่นอายพลังนี้เหมือนมาจากวิญญาณร้ายโบราณ อบอวลไปรอบๆ ไม่ชัดเจน ทว่ามีเพียงซูหมิงคนเดียวที่รู้ว่านี่คือ…..กลิ่นอายพลังของเอ้อชาง
ทั้งเก่าแก่และชั่วร้าย กลิ่นอายพลังนี้เป็นตัวแทนการปะทุหลังร่างเอ้อชางสมบูรณ์แบบของเขา
การโจมตีครั้งนี้ฟ้าเปลี่ยนสี การโจมตีครั้งนี้ยังทำให้มวลอากาศเหมือนหยุดนิ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้ซูหมิงห้อเหยียดไป ลากเป็นรอยแยกหนึ่งที่เหมือนไม่อาจ สมานรวม
การโจมตีครั้งนี้ยังทำให้ผู้มองทุกคนโดยรอบพากันตรึงดวงตา ใจสั่นสะท้าน เพราะการโจมตีครั้งนี้…..ไม่ใช่ขั้นพลังของขั้นกุมอีก และก็ไม่ใช่ของยอดฝีมือขั้นชะตา นี่เหนือกว่าขั้นกุม เหนือกว่าขั้นชะตา บรรลุถึง….ขั้นเกิด!
แม้จะยังไม่ใช่ขั้นเกิดสมบูรณ์ แต่กลับเป็นการโจมตีของขั้นเกิดตอนกลาง!
บางทีนี่อาจไม่ใช่จุดที่น่ากลัว ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีผู้ฝึกฌานขั้นดับสูญหลายคน แต่สิ่งที่พวกเขาตื่นกลัวคือขั้นพลังจริงๆ ของซูหมิงเพียงแค่…..เพิ่งก้าวสู่ขั้นกุมเท่านั้น!
เพียงแต่ว่าที่พวกเขาตกใจก็เพราะว่าไม่เข้าใจซูหมิง หากเข้าใจ ก็คงจะไม่ตกใจ แต่หวาดกลัว!
เพราะหากซูหมิงควบคุมกฏชะตาได้ เช่นนั้นเขาจะให้การโจมตีครั้งนี้บรรลุถึงขั้นเกิดตอนปลายได้ หากเขาได้ร่างจริงกลับมา เขาที่เข้าใจกฏชะตาจะให้การโจมตีครั้งนี้…..มีพลังใกล้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับขั้นดับสูญ!
ความแกร่ง ตอนนั้นที่ก้าวสู่ขั้นกุมกลายเป็นยอดฝีมือ ซูหมิงก็เพิ่งจะถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาไม่ใช่ผู้อ่อนแออีก ไม่ใช่ผู้ฝึกฌานอ่อนแอที่ถูกใครคุกคามอีก
ไม่ว่าใครที่คิดจะควบคุมดวงชะตาเขาจะต้องจ่ายในราคาที่มากพอ บางทีพวกเขาอาจจ่ายไม่ไหว
หนึ่งการโจมตีพุ่งไปยังม่านแสงนอกแผ่นดินนกกระจอกแดง องค์ชายสามภายในมีสีหน้าเสียสติ เขามีความมั่นใจในม่านแสง ตอนนี้ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลาง บีบคออวี่เซวียนแน่น ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นวงแหวนอาคมที่ใกล้จะรวมเสร็จแล้ว ส่องแสงสว่างพร่างพราว ส่วนองค์ชายสามเงยหน้าตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ตรงนี้ เข้ามา!”
สิ่งที่ตอบเขาคือเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนผู้ฝึกฌานรอบๆ ถูกกระเทือนจนหูสองข้างมีโลหิตไหล และยังมีแรงปะทะรุนแรงระเบิดออกเป็นวงกว้าง
ฝ่ามือขั้นพลังซูหมิงปะทะกับม่านแสงที่จักรพรรดิแห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกมอบให้บุตรชายเขา การโจมตีครั้งนี้ทำให้ม่านแสงบิดเบี้ยว อีกทั้งด้านบนสุดกับตรงจุดที่ปะทะกับฝ่ามือซูหมิงเกิดรอยร้าวจำนวนมากลุกลามไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ภายใต้การลุกลาม ม่านแสงด้านบนสุดยังเว้าลงมา
เหมือนกับม่านแสงมีแรงยืดหยุ่น จึงถูกฝ่ามือขั้นพลังซูหมิงบีบอัดเข้าไปไม่หยุดจนเข้าไปหาองค์ชายสามบนแผ่นดินนกกระจอกแดง
ภาพเหตุการณ์น่าตะลึงทำให้องค์ชายสามหน้าเปลี่ยนสี เสียงหัวเราะบ้าคลั่งเงียบลง นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ ตอนนี้เองเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นอีกครั้ง หลังจาก ฝ่ามือขั้นพลังซูหมิงบีบม่านแสงเข้าไปราวพันจั้งแล้ว ฝ่ามือก็หายไปกลางรอยร้าวจำนวนบนม่านแสง
มันใช้พลังทั้งหมดแล้วก็ทำได้เพียงเท่านี้ ยังไม่อาจทำลายม่านแสงลง แต่ว่า…..ช่วงที่ฝ่ามือขั้นพลังจากดวงตะวันภัยพิบัติของซูหมิงหายไป ซูหมิงข้างหลังฝ่ามือยักษ์ก็พุ่งออกมา ก่อนกดมือขวาไปยังจุดเว้าของม่านแสง
เกิดเสียงโครมดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาซูหมิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยมาพร้อมความบ้าคลั่ง พละกำลังบรรลุถึงจุดสูงสุด กลิ่นอายพลังชั่วร้ายนอกร่างสะเทือนนภา ช่วงที่ปะทะกับม่านแสงเว้าลงไปก็เกิดเสียงดังครึกโครม ม่านแสงไม่ดีดตัวออก แต่ถูกมือขวาเขาดันลงไปยังแผ่นดินมากกว่าเดิม
องค์ชายสามพลันหน้าขาวซีด สายตาหวาดผวามองฟ้าซูหมิงบนฟ้าที่ผลักม่านแสงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวความคิดเขาขาวโพลน ร่างสั่นไหว มือคว้า อวี่เซวียนพาเดินเข้าไปในวงแหวนอาคมอย่างไม่ลังเล ก่อนตบมือซ้ายบนวงแหวนอาคมด้วยสีหน้าหวาดกลัวและขาวซีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“สมควรตาย รีบเปิดเร็ว เจ้ารีบเปิดให้ข้าเดี๋ยวนี้!” องค์ชายสามเหงื่อซึมตรงหน้าผาก อันตรายถึงชีวิตเด่นชัดลอยขึ้นมาในร่างเขา เขาตะโกนเสียงต่ำพลางตบมือซ้ายบนวงแหวนอาคม ฉับพลันนั้นวงแหวนอาคมเปล่งแสงสว่างพร่างพราวก่อน หมุนโคจรช้าๆ
ดวงตาซูหมิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย การผลักรอยเว้าม่านแสงลงไปดูเหมือนไม่ได้ยากมาก แต่เป็นที่รู้กันว่าม่านแสงนี้คือจักรพรรดิแห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกประทับไว้ในตัวบุตรชาย เป้าหมายถือขวางการสังหารของคนนอก
ความแกร่งของม่านแสงนี้ หากถูกทำลายง่ายๆ เช่นนั้นจักรพรรดิโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกก็คงตายตกไปนานแล้ว ถึงตอนนี้ซูหมิงจะอยู่ในสภาพแกร่งที่สุดก็ยังไม่อาจทำลายม่านแสง และยิ่งผลักเข้าไปมันก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ
เขาผลักม่านแสงเข้าไปใกล้แผ่นดินอย่างต่อเนื่อง เขาเห็นอวี่เซวียน เห็นองค์ชายสามที่เขาจะต้องสังหาร เห็นสีหน้าพวกเขา เห็นความหวาดกลัวในแววตาองค์ชายสาม
จากการเข้าไปใกล้ของซูหมิง จากระยะห่างจากแผ่นดินไม่รู้เท่าไรก็เปลี่ยนเป็นหมื่นจั้ง เป็นพันจั้ง สุดท้ายกลายเป็นร้อยจั้ง ซูหมิงในดวงตาองค์ชายสามเข้ามาแล้ว แต่วงแหวนอาคมใต้เท้าเขาเพิ่งจะทำการเคลื่อนย้ายไปครึ่งเดียว ยังต้องใช้เวลาอีกราวสิบกว่าลมหายใจถึงจะเคลื่อนย้ายไปได้ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายธรรมดา แต่เป็นการข้ามผ่านระหว่างโลกแท้จริง ดังนั้นความเร็วจึงช้าลงเล็กน้อย
เห็นซูหมิงจะเข้ามาใกล้ องค์ชายสามหน้าเหยเกย เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้าแล้วใช้มือคว้าอวี่เซวียนเอาไว้ ชั่วขณะที่กำลังจะไม่สนใจสิ่งใด เขาพลันตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะมีความบ้าบิ่น และยังมีการเย้ยเยาะไม่รู้จบสิ้น
“ซูหมิง เจ้าจะทำอะไรข้าได้ เจ้าทำลายม่านแสงไม่ได้ ระยะร้อยจั้งก็ดีแล้ว เจ้าจะได้เห็นว่าข้าจากไปอย่างไรได้ชัดเจนขึ้น” ขณะองค์ชายสามหัวเราะเสียงดังก็ ถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน เขาเห็นว่าซูหมิงบนฟ้าที่ห่างไปร้อยจั้งมาถึงขีดจำกัด ม่านแสงเว้าตรงนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ลงมาต่อ แต่กลับเกิดเค้าลางถูกดีดถอยไป
เส้นเลือดดำปูดนูนบนใบหน้าซูหมิง ความแกร่งของม่านแสงนี้ ถึงเขาจะใช้พลังทั้งหมดก็ทำได้เท่านี้ ยังไม่อาจทำลายม่านแสงลง จึงพาอวี่เซวียนออกมาไม่ได้ เป็นอย่างที่องค์ชายสามว่าไว้ ทำได้แค่มองเท่านั้น
แสงโลหิตในดวงตาซูหมิงสว่างวาบ แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีม่านแสงอย่างไรก็ยังหยุดการยืดกลับอย่างช้าๆ ของมันไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาผลักม่านแสง แต่ตอนนี้ถูกม่านแสงผลักกลับ ระยะห่างจากวงแหวนอาคมที่องค์ชายสามอยู่จากร้อยจั้งก่อนหน้านี้กลายเป็นสองร้อยจั้ง และยังคงต่อเนื่องไป
เสียงหัวเราะเยาะจากองค์ชายสามดังเข้าถึงหูซูหมิง ทำให้ในใจเขาเกิดความเจ็บปวดจนตัวสั่น มือขวาที่ใช้ค้ำยันม่านแสงเวลานี้เกิดความเจ็บปวดแล้ว เห็นเปิดเป็นแผลเหวอะหวะ กระดูกยังแตกหักไม่หยุด เทียบกับม่านแสงแล้ว พลังเขาคงจะต่อต้านได้ไม่นานนัก
“ข้ายังแกร่งได้มากกว่านี้อีก ขอเพียงข้าได้ร่างจริงกลับมา ข้ายังแกร่งได้อีก!”
“ข้าไม่ยอม ด้วยขั้นพลังข้า ด้วยการฝึกฝนของข้า แม้แต่ม่านแสงจากอภินิหารของจักรพรรดิยมโลกยังทำลายไม่ได้ ข้าไม่ยอม!” ซูหมิงเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า เปล่งเสียงคำรามที่ดังที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่เขามาถึงสำนักดาราสัจธรรม
ในเสียงคำรามแฝงไว้ด้วยความสับสนของภูเขาทมิฬบนเผ่าหมาน แฝงไว้ด้วยความขมขื่นในการลาจากยอดเขาลำดับเก้าไปยังแดนต้นกำเนิดจิต แฝงไว้ด้วยความบ้าบิ่นที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต และยังแฝงไว้ด้วยความแค้นไม่มีสิ้นสุดต่อชีวิตและต่อซูเซวียนอี
เวลานี้ทุกอย่างของทุกอย่างปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งกลางเสียงคำราม ภายในยังมีความเจ็บปวดและไม่ยอมที่ตนช่วยอวี่เซวียนไม่ได้
ภายใต้เสียงคำรามดังกึกก้อง มันส่งไปถึงแผ่นดินใหญ่เก้าแห่งโลกข้างบน ส่งไปถึงแผ่นดินใหญ่เก้าสิบเก้าแห่งโลกตรงกลาง และยังไปถึงแผ่นดินใหญ่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าแห่งโลกข้างล่าง เข้าไปยังทะเลเต๋า เข้าไปในทุกมิติของสำนักดาราสัจธรรม กระทั่งแดนนั่งฌานของซูเซวียนอียังเหมือนมีเสียงคำรามของซูหมิงดังสนั่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซูเซวียนอีที่กำลังนั่งฌานตัวสั่น แต่ไม่นานก็หลับตาลงอีกครั้ง…..พร้อมกันนั้นมีเสียงถอนหายใจดังแว่วไปเบาๆ
นอกจากนี้เสียงคำรามยังกึกก้องฟ้า ทำให้ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนแก้วหูสั่นสะเทือน ในใจเกิดความตื่นกลัว ทางด้านพันธมิตรเซียน ร่างจริงซูหมิงเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะมือขวาเปล่งแสงสามสี ขณะเดียวกันพลังที่หลับใหลมาตลอดในร่างจริงยังเหมือนถูกเสียงคำรามนี้ร้องเรียก!
“ข้าต้องแข็งแกร่ง!” ทันทีที่ซูหมิงตะโกนประโยคนี้ออกไป มือขวาร่างจริงเขาในพันธมิตรเซียนพลันเปล่งแสงสว่างจ้าแสบตา ทันใดนั้นรอบตัวร่างจริงปรากฏร่างเงาขึ้นจำนวนมาก ทว่าร่างเงาเหล่านี้เพิ่งปรากฏและยังไม่ทันทำอะไร มือขวาร่างจริง ซูหมิง…..กลับหายไปกลางแสงสว่างแล้ว!
สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีแขนขวาทั้งแขน!
ขณะเดียวกันในสำนักดาราสัจธรรม มือขวาที่ปะทะกับม่านแสงตอนนี้เป็น แผลเหวอะหวะ ซ้ำยังพลันระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ว่าช่วงที่มือขวาระเบิดออก กลับมีแขนใหม่ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวเขาด้วยความเร็วไม่อาจบรรยาย เข้ามาแทนที่มือขวาระเบิดข้างนั้น ต่อมามีพลังที่แกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แผ่ระบายมาจากมือขวาใหม่อย่างบ้าคลั่งท่ามกลางเสียงครึกโครมดังสนั่น
สายฟ้าส่งเสียงเปรี้ยงปร้าง เมฆลมหมุนย้อนกลับ ความหนาวแห่งฤดูหนาวสุดขั้ว แสงแห่งสีแดงฤดูใบไม้ร่วง เพลิงแห่งฤดูร้อน สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นพร้อมกัน หลังตัดสลับเข้าด้วยกันแล้ว มือขวาข้างนี้ปรากฏ….กลิ่นอายพลังของฤดูใบไม้ผลิขึ้นเป็น ครั้งแรก!
ฤดูใบไม้ผลิแห่งการฟื้นคืนชีพทุกสรรพสิ่ง หนึ่งก้าวสุดท้ายที่เดินจากความตายสู่ความเป็น มันปรากฏสัญญาณขึ้นในพริบตานี้!
ในเวลาเดียวกัน มือขวาใหม่ของซูหมิงยังคว้าไปข้างหน้า ฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึก ยามนี้เองช่วงที่แสงสว่างจากวงแหวนอาคมนอกตัวองค์ชายสามกับอวี่เซวียนหมุนวนและกำลังจะหาพวกเขาเคลื่อนย้ายไปนั้น ม่านแสงที่ขวางซูหมิงอยู่ถูกมือขวาใหม่ฉีกออกจนพังลง จากนั้นเขาก็พุ่งลงมาด้วยความเร็วสุดบรรยาย ชั่ววูบเดียวก็เข้ามาใกล้แล้วยกมือขวาทะลวงผ่านแสงอาคมเคลื่อนย้าย ทะลวงผ่านโลกแท้จริงเข้าไปคว้าองค์ชายสามที่กำลังเคลื่อนย้ายไปครึ่งหนึ่ง แล้วกระชากออกมาอย่างแรงด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด!