Skip to content

สู่วิถีอสุรา 111

ตอนที่ 111 ตื่นมาในที่แปลกตา

ฝนตกจากท้องฟ้า เม็ดฝนกระทบลงบนใบไม้กว้างใหญ่ เกิดเป็นเสียงดังซ่าๆ น้ำฝนสะสมในใบไม้จำนวนมาก ก่อนไหลไปตามเส้นใยกองรวมเป็นสายน้ำ หยดลงพื้นจากยอดใบ

ป่าฝนผืนนี้ ภายในเต็มไปด้วยดินโคลน น้ำฝนก่อให้เกิดแอ่งโคลนจำนวนมาก ท้องฟ้ามืดมิด มีเพียงสายฟ้าแวบผ่านเป็นบางครั้ง จึงจะส่องสว่างฟ้าดินให้เด่นชัดในชั่วพริบตา

เสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้นและหายไปทันใด ก้องกังวานภายในค่ำคืนแห่งนี้

ณ ส่วนลึกของป่าฝน มีเทือกเขายาวซ่อนอยู่ในยามค่ำคืน หมู่เขาเหล่านั้นไม่สูงนัก ไม่อาจเทียบกับความแปลกและอันตรายของภูเขาทมิฬได้ เป็นเพียงภูเขาเล็กๆ ทว่ากลับมีจำนวนมาก

ยามนี้มีสายฟ้าสองเส้นวาบผ่าน ทำให้ฟ้าดินสว่างจ้าในชั่วพริบตา เห็นได้รางๆ ว่าตรงไหล่ภูเขาลูกหนึ่งราวกับมีคนนอนอยู่

บุคคลดังกล่าวอยู่ตรงนี้มานานหลายวัน ภายในสถานที่ลับตาคนเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเขามาปรากฎตัวได้อย่างไร เขาสวมเสื้อหนังขาดวิ่น ดูแล้วจนตรอกยิ่งนัก

เขานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าปี แม้ใบหน้าจะหล่อเหลา ทว่ากลับมีรอยแผลบนใบหน้า เขาหลับตา บนตัวมีบาดแผลมากมาย ภายใต้เม็ดฝน บาดแผลเหล่านี้ขาวสะอาด ไม่มีโลหิตไหล

ฝนยังคงตกต่อไป จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายวันจึงค่อยๆ หยุดลง ท้องฟ้าแจ่มใส หลังจากเมฆดำเคลื่อนตัวออกห่าง ก็ต้อนรับการมาเยือนของแสงตะวันงดงาม

ยามนี้เป็นฤดูร้อน เมื่อฝนผ่านไป ผืนดินเริ่มมีควันลอยขึ้นฟ้า ทั้งยังมีความรู้สึกร้อนแผดเผา ประหนึ่งอบสิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง

ชายหนุ่มผู้นอนอยู่ตรงกลางภูเขา ยามนี้ยังคงแน่นิ่งประดุจคนตาย

ผ่านไปอีกหลายวัน บนท้องฟ้ามีอีแร้งบินวน แววตาของพวกมันเย็นชา จ้องมองชายหนุ่มบนไหล่เขาราวกับลังเล

จนในที่สุด อีแร้งตัวหนึ่งเหมือนจะทนไม่ไหว พลันบินโฉบลงมาอยู่ข้างกายชายหนุ่ม กระพือปีกบินต่ำวนอยู่หลายรอบ ก่อนลงมาอยู่ตรงหน้าอกชายหนุ่ม มันใช้ปากแหลมจิกกินเหยื่อที่มันจ้องมานานหลายวัน

อี้แร้งตัวนี้กินไป พลางสังเกตสีหน้าเหยื่อไป ความตื่นกลัวค่อยๆ ลดน้อยลง ในความคิดของมัน เขาคงตายแล้วจริงๆ

จากนั้นอีแร้งที่เหลืออยู่บนท้องฟ้าจึงบินโฉบลงมาทีละตัว นัยน์ตาเย็นชา ทว่าในขณะที่พวกมันเพิ่งลงมาเหยียบบนตัว ชายหนุ่มพลันลืมตาขึ้น ใช้มือขวาจับอีแร้งตัวแรกที่กำลังจิกหน้าอก ส่วนอีแร้งที่เหลือตกใจพยายามบินหนี แต่ร่างกายพวกมันบินไม่ขึ้นราวกับติดอยู่กับตัวชายหนุ่ม

ชายหนุ่มจับอีแร้งมาใส่ปากตน ก่อนออกแรงกัดคอมันอย่างแรง และดื่มเลือดของมัน โลหิตคาวไหลไปตามลำคอเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดจากร่างกายที่เป็นเหน็บชาเพราะความหิวโหย

ทว่าความเจ็บปวดกลับช่วยให้ร่างกายของเขาอบอุ่น

ไม่นาน อีแร้งพยามดิ้นรนหลายครั้ง ก่อนเสียเลือดไปทั้งหมดและแน่นิ่งไป ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก นำอีแร้งในมือวางไว้ข้างกาย จากนั้นจับอีแร้งอีกตัวมาดื่มเลือดของมันอีกครั้ง จนกระทั่งอีแร้งตายไปทั้งหมดเจ็ดตัว ใบหน้าของชายหนุ่มจึงมีเลือดฝาด

เขานอนอยู่ตรงนั้น มองท้องฟ้าสีคราม แสงตะวันร้อนแผดเผา นัยน์ตาฉายแววสับสน เขาก็คือซูหมิง

ภายในค่ำคืนฝนตกเมื่อหลายวันก่อน เขาตื่นขึ้น ยังคงได้ยินเสียงแผ่วเบาร้องเรียกเขาว่าพี่ชายดังก้องอยู่ในความฝัน คอยตามติดเขาตลอด

ตอนที่เขาได้สติกลับมาครบถ้วน ก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ไม่มีแรงเหลือ กระทั่งยกมือยังไม่อาจทำได้

เขานอนอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำฝนตกใส่ เม็ดฝนกระทบบาดแผลทั้งตัวเขา เจ็บปวดจนชา ส่วนที่เหน็บชาไม่ได้มีเพียงร่างกาย แต่มีจิตใจเขาด้วย

หลายวันมานี้เขานอนอยู่ที่เดิม ในความคิดสับสนและมึนงง เขาจำได้เพียงว่าตนอยู่กลางอากาศบนภูเขาทมิฬ ฝ่ามือของคนยักษ์บนท้องฟ้าทำให้เกิดน้ำวน ในช่วงที่เขาถูกดูดเข้าไป เขาเห็นท่านปู่หลับตา ลอยตามเข้ามา เป็นตายไม่ทราบแน่ชัด

เขาไม่รู้ว่าน้ำวนนั้นคืออะไร และไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังไม่ทราบเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน ทว่าเขาเห็นตะวันบนท้องฟ้า เห็นยอดเขาแปลกตาโดยรอบ ในใจคาดเดาได้ว่าเขาไม่น่าจะอยู่บนภูเขาทมิฬแล้ว

เขาไม่อยากเชื่อว่าท่านปู่จะตายแล้ว แต่เขาเข้าใจดี บาดแผลของท่านปู่สาหัสกว่าตัวเขามาก ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นท่านปู่หลับตานอนแน่นิ่ง ทำให้ซูหมิงไม่กล้านึกต่อ เกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นในใจ คล้ายเสียญาติสนิทที่สุดไป

“ท่านปู่ จะตายไม่ได้…..” ซูหมิงหลับตา เขาค่อยๆ ปกปิดความเจ็บปวดบนใบหน้า ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขามีท่านปู่คอยปกป้องมาโดยตลอด ไม่เคยห่างไกลเพียงลำพังนานเช่นนี้ ทว่ายามนี้ ความแปลกรอบตัว ทำให้หัวใจของซูหมิงเกิดความโดดเดี่ยว ทั้งยังทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น

ยามที่เขาลืมตาอีกครั้ง จึงไม่พบกับความเศร้าโศก ความเสียใจซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขา ผู้อื่นมองไม่เห็น แววตาสงบนิ่ง กระทั่งยังเย็นชาเล็กน้อย

เขาฝืนตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิหลับตาภายใต้แสงตะวันร้อนแรง โคจรโลหิตในกายอย่างเงียบขรึม แต่เพิ่งโคจรก็กลับกลายเป็นความเจ็บปวดจนตัวสั่น ทว่าเขาก็ยังคงกัดฟันไม่ส่งเสียงร้อง

เขาทราบดี หลังจากฝืนทะลวงขั้นพลังและต่อสู้เป็นเวลานาน อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ภัยแฝงที่ฝังลึกอยู่ภายในร่างกายเขา ยามนี้ปะทุขึ้นมาแล้ว

“เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นของลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิตยังอยู่ แต่ก็ยังไม่หายเป็นปกติ ข้ายังแสดงพลังได้…” ซูหมิงหอบหายใจแรง ยกมือขวาพลันกำหมัด ความเจ็บปวดแล่นผ่าน สีหน้ากลับยังคงเรียบเฉย ตอนนี้เขาเรียนรู้การทนต่อความเจ็บปวดแล้ว

“น่าจะแสดงพลังได้หนึ่งร้อยเส้นเลือด เท่ากับปลายลำดับห้าขั้นรวมโลหิต เพียงแต่ว่าภัยแฝงกลับอันตรายขึ้นตามกาลเวลา ทำให้ข้าอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งตาย” ซูหมิงเงียบขรึม โคจรเส้นเลือดในร่างภายใต้ความเจ็บปวด เวลาผ่านไปช้าๆ เมื่อท้องฟ้ามืดลงดวงจันทร์ปรากฎ ซูหมิงแหงนหน้ามองดวงจันทร์ ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เส้นแสงจันทร์เข้าโอบล้อมตัวเขา ค่อยๆ มุดเข้าไปในร่างกายเพื่อรักษาบาดแผลทั้งตัว

หนึ่งคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแสงตะวันยามเช้าตรู่กระทบสู่พื้น ขับไล่ความหนาวเหน็บในยามค่ำคืน ถูกความร้อนเข้ามาแทนที่ ซูหมิงลืมตา พ่นลมหายใจ

สีหน้าของเขาดูดีกว่าเมื่อวานมาก ทว่ายังมีความอ่อนแอปรากฎให้เห็น ซูหมิงขมวดคิ้ว หลังจากตรวจสอบร่างกายแล้ว จึงถอนหายใจเบา

“หากไม่ใช่เพราะข้าเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนและมีแสงจันทร์คอยรักษา เกรงว่าค่ำคืนที่ผ่านมา พลังจากเส้นเลือดคงไม่ใช่เพียงหนึ่งร้อยเส้น แม้จะเป็นเช่นนั้น พลังเส้นเลือดที่ข้าใช้ได้ตอนนี้ก็เหลือเพียงเก้าสิบแปดเส้น ต้องแก้ปัญหาภัยแฝงโดยเร็วที่สุด ข้าต้องการเม็ดโอสถที่เพียงพอเพื่อมารักษา”

ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด เขาลูบบางสิ่งกลางอกเสื้อตัวเอง แม้ก่อนหน้านี้จะถูกดูดเข้ามาในหลุมดำ ไม่ทราบว่าอยู่มานานแค่ไหนแล้ว ทว่าสิ่งของในอกเสื้อยังอยู่

ถุงชำรุดหนึ่งใบ กระดูกเล็กในมือซานเหินก่อนตาย และยังมีกระดูกสัตว์ที่ส่งสัญญาณเมื่อชนเผ่าปลอดภัยจากจ้าวเผ่าตอนแยกกันครั้งก่อน

นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ยังมีสวินกระดูก เศษแตกของเทวรูปหมานเขาทมิฬ และขวดชำรุดทว่ายังไม่แตกอีกหนึ่งขวด ด้านในบรรจุโลหิตหมานสองหยด

ซูหมิงมองสิ่งของเหล่านี้ ก่อนหยิบเศษแตกของเทวรูปหมานเขาทมิฬขึ้น เพราะเศษแตกนี้ ใบหน้าเขาจึงเป็นรอบแผลเป็นจากการระเบิดของมัน

เขามองเจ้าสิ่งนี้แล้วหลับตาลง ผ่านไปนาน จึงนำสิ่งของทุกอย่างใส่เข้าไปในถุงชำรุด สิ่งนี้บางทีอาจจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง ทว่ายามนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสิทธิการเลือกของเขาเพียงผู้เดียว

เมื่อเก็บทุกอย่างเข้าไปเรียบร้อย ซูหมิงยันกายขึ้น ใช้มือขวาแตะไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว สีหน้ากำลังขบคิด ตอนนี้เขาต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไรต้องระวัดระวัง จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้

‘ที่นี่แปลกตา ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ รวมถึงขั้นพลังยังไม่ฟื้นกลับมาดังเดิม ยังไม่ควรออกไปจากป่าฝน ด้านในมีต้นไม้เขียวชอุ่ม อาจจะมีสมุนไพรที่ข้าต้องการอยู่’ ขณะขบคิดแววตาซูหมิงเป็นประกาย พาร่างกายอ่อนล้าค่อยๆ ลงจากเขา เขาต้องใช้เวลาหลายวันจากเทือกเขาไปยังป่าฝน

“ท่านปู่…ไม่อยู่ที่นี่” หลายวันต่อมา ณ ริมแม่น้ำหุบเขา ซูหมิงนั่งอยู่ริมน้ำ กุมหน้าอก ความเจ็บปวดจากข้างในทำให้เขาไม่อาจปดปิกความเศร้าโศกบนใบหน้าได้

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงใช้ความเย็นชาและสงบนิ่งกลบความเศร้า ชำระร่างกายอยู่ริมแม่น้ำ มองเห็นใบหน้าตัวเองสะท้อนเงาบนผิวน้ำ บนนั้นไม่มีความอ่อนเยาว์วัยสิบหกอีกต่อไป แต่เป็นรอยแผลเป็นจางๆ ที่คล้ายผ่านกาลเวลามานาน

“ข้าอยู่ในหลุมดำมานานเท่าไรแล้ว…” ซูหมิงคลำรอยแผลเป็นจากเทวรูปหมานเขาทมิฬ เขาเงียบขรึม หลังจากชำระร่างกายแล้วจึงสวมเสื้อผ้า ก่อนมัดผม นั่งอยู่ริมแม่น้ำ มองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

“ตราที่คนเสื้อคลุมดำหยิบออกมา เหตุใดถึงทำให้ท่านปู่สีหน้าเปลี่ยน ในคำพูดของเขาที่ว่า…พวกเราเป็นคนพวกนั้น…”

“แม้ว่าปี้ถูจะตาย แต่จากคำพูดของคนเสื้อคลุมดำ การเกิดสงครามครั้งนี้มีความหมายแฝงอยู่……”

“ช่วงสุดท้ายธงใหญ่ที่ลอยมาจากตัวท่านปู่ กลายเป็นท้องฟ้ากระจ่างดาว ตอนที่คนเสื้อคลุมดำหลุดเสียงมาว่าท้องฟ้าจากต่างแดน มันหมายความว่าอย่างไร…..”

“ท่านปู่ให้ข้าจำท้องฟ้าประกายดาวนั้นเอาไว้ หรือจะบอกเบื้องหลังชีวิตของข้า…”

ซูหมิงเงียบขรึม สีหน้าสับสน สิ่งที่เขาจำได้มากที่สุดคือ เงาคนจากการรวมของแสงดาว เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาคล้ายตัวเขาหลายส่วน เขา…เป็นใครกัน

ซูหมิงมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ ทว่าก็ยังมั่นใจไม่ได้

“เขา…เป็นบิดาของข้าหรือไม่…” จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซูหมิงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก ปริศนาบดบังรอบตัวจนทำให้เขามองเห็นไม่ชัด

“ว่าแต่ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน ห่างจากภูเขาทมิฬไปไกลเท่าไร…”

“ไป๋หลิง…..ข้ายังจำสัญญาได้อยู่….ทว่าข้าไปไม่ได้” ซูหมิงหลับตา

“เสี่ยวหง เจ้ายังอยู่ดีหรือไม่…..” เมื่อท้องฟ้าเข้าสู่ยามโพล้เพล้ ซูหมิงออกจากแม่น้ำ มุ่งหน้าไปยังป่าฝน เงาแผ่นหลังของเขาดูโดดเดี่ยว ทั้งยังเดินกะเผลกอย่างเงียบเหงา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!