ตอนที่ 1110 นางไม่เหมาะกับเจ้า
เสียงร้องแหลมดังมาจากปากองค์ชายสามโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกที่เคลื่อนย้ายหายไปครึ่งหนึ่ง ภายในน้ำเสียงมีความตื่นกลัวและเหลือเชื่อ
เขาจำได้ว่าหนึ่งลมหายใจก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังอยู่นอกม่านแสง อีกทั้งตอนนี้ ตนเคลื่อนย้ายไปครึ่งหนึ่งแล้วด้วย กำลังอยู่ในมวลอากาศ อีกไม่กี่ลมหายใจก็จะกลับโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกแล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ช่วงที่เขาเพิ่งกรีดร้องและในความคิดลอยขึ้นมาเป็นความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาพลันรู้สึกเหมือนว่าเวลาตรงหน้ากำลังย้อนกลับ ร่างกายถูกพลังที่เขาต่อต้านไม่ได้เลยคว้าเอาไว้ตรงคอด้านหลัง ก่อนถูกกระชากออกมาจากกลางอากาศวงแหวนอาคมเคลื่อนย้าย
ในเวลาเดียวกันซูหมิงสะบัดมือขวาไป มือขวาที่พุ่งเข้าไปกลางอากาศอาคมเคลื่อนย้ายพลันมีกิ่งไม้สีแดงจำนวนมากยืดยาวออกไป พริบตาเดียวก็พุ่งไปหา อวี่เซวียนแล้วจะคว้านางเอาไว้
เดิมทีทุกอย่างสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง แต่ช่วงเวลาสำคัญที่สุด ซูหมิงกลับเรียก มือขวาซู่มิ่งของเขากลับมาแล้วทำลายม่านแสงของจักรพรรดิยมโลก ขวางการหนีไปอย่างบ้าบิ่นขององค์ชายสาม อีกทั้งยังดึงตัวอวี่เซวียนเอาไว้ ทำให้โชคชะตานางเปลี่ยนไปด้วยมือเขา
ทุกอย่างควรจะเป็นเช่นนี้….
แต่ว่า…..
ความยากจะคาดเดาของโชคชะตาในเวลานี้ เพราะความสัมพันธ์ของมนุษย์ ด้วยการเปลี่ยนเล็กน้อยของซูหมิง แทบเป็นช่วงที่มือขวาซูหมิงปล่อยกิ่งไม้ออกไปจะดึงตัวอวี่เซวียนเพื่อไม่ให้ถูกส่งกลับโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกนั้น กลับมีกลิ่นอายพลังคุ้นเคยลงมาเยือนจากมวลอากาศในพริบตา ยืดยาวเข้าไปในเส้นทางมวลอากาศ ของวงแหวนอาคมระหว่างซูหมิงกับอวี่เซวียน
พลังที่ซูหมิงคุ้นเคยไม่ได้มาช่วย แต่…..ตอนที่กิ่งไม้จากมือขวาซูหมิงจะสัมผัสอวี่เซวียน พลังนี้กลับกระจายออกไปข้างนอกแล้วระเบิดในเส้นทางมวลอากาศของวงแหวนอาคมอย่างเงียบเชียบ กระจายออกเป็นระลอกคลื่นที่ซูหมิงในตอนนี้ยังยาก จะต้านไหว
ระหว่างที่ระลอกคลื่นขยายออก กิ่งไม้จากซูหมิงที่จะคว้าอวี่เซวียนพลันสั่นสะเทือนและถอยไปทั้งหมด อีกทั้งอวี่เซวียนยังถอยไปอย่างรวดเร็วกลางระลอกคลื่น พริบตาเดียว….ก็หลอมรวมเข้าไปในมวลอากาศ ถูกส่งกลับโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก
“ท่าน!” ซูหมิงตาแดงก่ำ ความบ้าคลั่งปะทุขึ้นในความคิดอย่างรุนแรง หากพลังนี้มาจากคนนอก หรือมาจากโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก เช่นนั้นแม้เขาจะคลุ้มคลั่ง แต่ก็คงไม่โกรธขนาดนี้
ความโกรธยากจะใช้คำพูดมาบรรยาย ภายใต้เพลิงโทสะ ในใจเขาเต็มไปด้วยความแค้นไม่มีสิ้นสุด อัดแน่นอยู่ทั่วร่าง ทำให้รอบตัวเขาเกิดน้ำวนสีดำขึ้น
“นางจะไม่เป็นอะไรในโลกแท้จริงมืดหม่น……แต่ว่านางไม่เหมาะกับเจ้า” เสียงถอนหายใจดังก้องอากาศ ตอนที่หายไปทีละน้อย เสียงคำรามซูหมิงดังสนั่นฟ้า แผ่นดินนกกระจอกแดงที่เขาอยู่เกิดเสียงครึกโครม สั่นสะเทือนจนอาคมเคลื่อนย้ายพังทลายลงเป็นเสี่ยงๆ ทว่าขณะเดียวกันนี้ ร่างเงาองค์ชายสามก็ถูกซูหมิงกระชาก ออกมา
เพียงแต่ว่า….แม้เขาจะกระชากองค์ชายสามออกมา แต่อวี่เซวียน…..กลับกลายเป็นเสี้ยวเงาในความทรงจำ
ซูหมิงตัวสั่น เขาเงยหน้าจ้องฟ้าพลางหัวเราะด้วยความปวดร้าว น้ำเสียงมีความเศร้าถึงขีดสุด หัวเราะเยาะฟ้า หัวเราะเยาะดิน หัวเราะเยาะสายเลือดตัวเอง และยังหัวเราะเยาะตัวเอง
เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความเสียใจมากจนหัวใจตายด้าน มีความเจ็บปวดจากการถูกฉีกในใจ
คนที่ขวางไม่ให้เขาคว้าอวี่เซวียนเอาไว้ไม่ใช่ใครอื่น…..พลังคุ้นเคยนั้นก็คือ…..ซูเซวียนอีหรือบรรพบุรุษเต้าเฉิน!
ซูหมิงยิ้มอย่างปวดร้าว สีหน้าเหี้ยมโหด ร่างกายสั่นเทา หลังคลุ้มคลั่งถึงขีดสุดแล้วพลันปรากฏกลิ่นอายแห่งการดับสูญขึ้นในตัวเขา
การดับสูญ นี่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน แต่นั่นเกิดจากหน้ากากแห่งแดนมรณะหยิน จากนั้นพอหน้ากากหายไป การดับสูญก็หายไปด้วย แต่ตอนนี้การดับสูญปรากฏขึ้น อีกครั้ง ทำให้ในนิสัยของเขา นอกจากสีทอง สีแดงฉานและสีเทาแล้ว ปรากฏมาอีก สีหนึ่ง…..สีดำ!
เส้นผมดำ ดวงตาสีดำ นี่ไม่ต่างอะไรกับร่างเดิมก่อนจะแปลงเป็นอีกสามร่าง แต่แม้จะดูคล้ายกัน ทว่าความจริง….เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ซูหมิงในตอนนี้อยู่ในร่างแห่งการดับสูญ เป็นร่างที่มีความเจ็บปวดจากหัวใจถูกฉีก มีความแค้นไม่อาจบรรยาย และมีความเศร้าที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกกลืนกิน
“ไม่เหมาะกับข้า…..” ซูหมิงพึมพำ เขาไม่ตะโกน ไม่คำรามเสียงต่ำ แต่มองฟ้าอยู่นานถึงก้มหน้าลง มือขวายังคว้าองค์ชายสามแห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก
เวลานี้องค์ชายสามตัวสั่นงันงก ในดวงตาเขา ซูหมิงกลายร่างเป็นฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิต เขาตั้งใจจะเอ่ยนามของบิดาว่าเป็นใครโดยจิตใต้สำนึก ซ้ำยังจะคิดจะใช้วิธีของตนหว่านซื้อซูหมิงหรือไม่ก็อ้อนวอนให้ยกโทษให้
บนฟ้า สามผู้เฒ่าตะวันจันทราและดาราหน้าเปลี่ยนสี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าซูหมิงจะทำลายม่านแสงได้จริงๆ ตอนนี้เห็นองค์ชายสามโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกอยู่ในมือซูหมิง สามคนนี้จึงเดินหน้าหนึ่งก้าวไปพร้อมกัน
“เต้าคง อย่าฆ่าเขา!” ผู้เฒ่าจันทราในสามคนรีบเอ่ยขึ้น สามคนนี้มีขั้นพลังเหลือล้น เพียงเคลื่อนไหววูบเดียวก็เข้าใกล้แล้ว แต่ถึงพวกเขาจะเร็ว แต่การที่ซูหมิงจะสังหารหนึ่งคนย่อมเร็วกว่า
สำหรับซูหมิงในตอนนี้แล้ว องค์ชายสามเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่ง ระหว่างที่เขาก้มหน้าลงและสามผู้เฒ่าตะวันจันทราและดาราเข้ามาใกล้นั้น
เขาบีบมือขวาอย่างแรง ฉับพลันนั้นมีระลอกคลื่นเจ็ดวงไหลเข้าสู่ร่างกายองค์ชายสามติดต่อกัน ระลอกคลื่นแรกทำลายกระดูกทั่วร่างในพริบตาจึงเกิดความเจ็บปวด ทันทีที่องค์ชายสามจะกรีดร้องซูหมิงกลับใช้มือซ้ายกดปากอีกฝ่ายเอาไว้ เสียงร้องจึงไม่ดังออกไป แต่ก็กลายเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
ระลอกคลื่นที่สอง หลังจากกระดูกทั่วร่างแตกหักแล้วก็ถูกบดละเอียดจนสิ้นไป องค์ชายสามจึงเหมือนกับเนื้อมนุษย์กองหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะซูหมิงจับเอาไว้เขาคงจะลงไปกองกับพื้นแล้ว
ส่วนระลอกคลื่นที่สาม ระลอกคลื่นที่สี่และห้าทำลายหนังองค์ชายสาม ละลายเนื้อ…และระเหยเลือดเป็นไอ
ระลอกคลื่นที่หก ระลอกคลื่นที่เจ็ดบดทำลายวิญญาณ วิญญาณเขาถูกฉีกออกอย่างแรง ทำให้ไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ ก่อนตายต้องผ่านความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบาย มิหนำซ้ำซูหมิงยังใช้มือซ้ายบีบปากเขาเอาไว้ ทำให้เขาส่งเสียงไม่ได้แม้แต่น้อย จนกระทั่ง…..เมื่อซูหมิงปล่อยมือ องค์ชายสามหายไปแล้ว ทั่วร่างเขากลายเป็นเถ้าธุลีหายไปในมือซูหมิง
ดวงตาซูหมิงมืดหม่น เงียบไม่กล่าวใดๆ ผู้ฝึกฌานรอบๆ ตอนนี้ต่างลมหายใจกระชั้น สายตาเพ่งมองซูหมิง
ผ่านไปพักใหญ่ซูหมิงถึงมองมือขวาตัวเองด้วยสีหน้าขมขื่น มือขวาเขาสามารถใช้พลังที่ใกล้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับขั้นเกิด ดังนั้นจึงฉีกม่านแสงที่เดิมทีสั่นไหวออกได้ ทว่า…..ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังไม่อาจขวางพลังของซูเซวียนอี ครั้งที่สองแล้ว…..ที่คว้ามืออวี่เซวียนไว้ไม่ได้
“ไม่เหมาะกับข้า…ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้” ซูหมิงพูดเบาๆ สีหน้ามัวหมองยิ่งขึ้น แต่กลับมีพลังชีวิตมหาศาล กลิ่นอายพลังประหนึ่งเกิดใหม่แผ่มาจากมือขวา กลิ่นอายพลังนี้ผ่านโลกมานานยิ่งราวกับอยู่ในกาลเวลามาไม่รู้เท่าไรแล้ว
ซูหมิงยกเท้าขึ้นอย่างเนิบช้าเดินขึ้นฟ้าไป เดินออกจากแผ่นดินนกกระจอกแดง ตลอดทางเขาไม่มองรอบๆ เขามีที่ที่อยากไป เขาจะกลับไปแดนนั่งฌานของเต้าเฉิน เขาอยากถามซูเซวียนอีว่าเพราะเหตุใด!
บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่อยู่ตรงหน้าซูหมิงรีบถอยหลังไปหลายก้าวทันที ดวงตาสองข้างหรี่ลงพลางมองซูหมิงด้วยความกลัว เขาสังเกตเห็นว่าซูหมิงในตอนนี้แปลกไปยิ่งนัก จึงไม่มีทางยอมล่วงเกินแม้แต่น้อย แม้จะเพียงแค่ขวางทางอีกฝ่ายก็ตาม และถึงเขาจะเป็นผู้ติดตามซูหมิง แต่ในเวลานี้กลับต้องรีบถอยไป
คนที่ถอยไปไม่ได้มีเพียงเขา ยังมีศิษย์สำนักดาราสัจธรรมโดยรอบ รวมถึงผู้ฝึกฌานโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ยามนี้พากันเปิดทางให้ซูหมิง
“ไม่เหมาะกับข้า…..” ดวงตาซูหมิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเข้ม ภายใต้การเสริมจุดเด่นของผมดำ ความรู้สึกคลุ้มคลั่งจนคนห้ามเข้าใกล้แผ่กระจายมาจากตัวซูหมิง อย่างไร้รูป
“นี่คือการต้อนรับแขกของสำนักดาราสัจธรรมอย่างนั้นรึ? องค์ชายสามแห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกมาอวรพรให้ใต้เท้าแห่งสำนักดาราสัจธรรม อีกทั้งเขายังเอาของขวัญมาด้วย แต่เต้าคงกลับสังหารเขา ทว่าพวกเจ้ากลับเอาแต่มอง ไม่มีใคร ห้ามเลย
ดีจริงๆ สำนักดาราสัจธรรม ข้าอยากรู้นักว่าหากท่านหมิงหวงรู้ทุกอย่างแล้วจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร” สองผู้เฒ่าโยวหมิงมองตากันและกัน จากนั้นผู้เฒ่าโยวจึงกล่าวขึ้นเนิบๆ พลางหัวเราะอยู่ในใจ
สามผู้เฒ่าตะวันจันทราและดาราแห่งสำนักดาราสัจธรรมมีสีหน้าทะมึนทึบ แม้พวกเขาจะตัดสินใจไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่าจะโหดร้ายไปเล็กน้อย อีกทั้งเมื่อครู่นี้ ซูหมิงยังลงมือสังหารรวดเร็วเกินไป เดิมทีพวกเขาคิดว่าซูหมิงเปิดม่านแสงไม่ได้ ดังนั้นทุกอย่างจึงง่ายขึ้นมาก ทว่าซูหมิงดันไม่เพียงแต่เปิดม่านแสง ซ้ำยังสังหาร องค์ชายสาม
นี่ทำให้เรื่องนี้ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
“เต้าคง เรื่องนี้เจ้าทำเกินไปแล้ว….มีคนนอกอยู่….ช่างเถอะ เจ้าไปอยู่ทะเลเต๋าห้าร้อยปี นี่ถือเป็นการลงโทษเจ้า ส่วนทางโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก…..” สามผู้เฒ่าตะวันจันทราและดาราลอบถอนหายใจ ก่อนขยับวูบไหวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิงเพื่อขวางทางเอาไว้
สามคนมองกันและกัน ต่างกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่ไม่รู้ว่าต้องจ่ายไปเท่าไร หากที่นี่ไม่มีคนนอก เช่นนั้นจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ ส่วนคนอื่นมีวิธีจัดการอีกมาก
แต่จะเห็นได้ว่าสองผู้เฒ่าโยวหมิงจะจุดไฟส่งเสริมเรื่องนี้ นี่จึงทำให้เรื่องนี้ยากจะจัดการเอามากๆ ทว่าเทียบกับราคาที่จะต้องจ่ายเหล่านี้แล้ว ซูหมิงเปิดห้านิ้วมือได้ สำหรับสำนักดาราสัจธรรมแล้ว นี่ถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าอย่างยิ่ง
ทรัพยากรชนิดนี้เท่ากับยอดฝีมือขั้นดับสูญในภายภาคหน้า ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความคิดในตอนแรกสุดไป
“หากไม่มีคนนอกอยู่…..” ซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย แต่กลับมัวหมองและมีความคลุ้มคลั่ง