ตอนที่ 1119 หิวกระหาย
สามยอดพรสวรรค์ของเผ่ายมโลกแบ่งเป็นพลังควบคุมการย้อนเวลา ยึดร่างทุกสิ่ง และเปิดประตูยมโลก!
สามยอดพรสวรรค์นี้สร้างความแกร่งและรุ่งเรืองของเผ่ายมโลก!
เพียงแต่ว่าสามยอดพรสวรรค์นี้ไม่ใช่ชาวเผ่ายมโลกทุกคนจะมี พลังการควบคุมเวลาในนั้นง่ายที่สุด แทบในทุกพันคนในเผ่าต่างเข้าใจพรสวรรค์นี้
แต่การยึดร่างทุกสิ่งจะยากกว่าการย้อนเวลามาก ขณะเดียวกันในทุกพันคนจะปรากฏราวหนึ่งคนที่มีความสามารถนี้ เพียงแต่ว่าพันคนนี้ไม่ใช่ชาวเผ่าธรรมดา แต่เป็นผู้มีพลังควบคุมการย้อนเวลา
ชาวเผ่าที่มีพรสวรรค์สองชนิดนี้ดูเหมือนไม่มาก แต่ความจริงแล้วด้วยจำนวนของชาวเผ่ายมโลกทำให้คนแบบนี้ก็มิใช่น้อยๆ
สิ่งที่ส่งผลถึงพลังพรสวรรค์ชนิดนี้คือสายเลือด ยิ่งสายเลือดบริสุทธิ์มากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ชาวเผ่ายมโลกปลุกพรสวรรค์ได้มากเท่านั้น!
และพลังพรสวรรค์ชนิดที่สามคือเปิดประตูยมโลก เทียบกันแล้วง่ายกว่าเล็กน้อย การตื่นของมันมีอัตราสิบปรากฏหนึ่ง ทว่าสิบคนนี้เป็นชาวเผ่าที่ตระหนักรู้ในการ ยึดร่างและควบคุมเวลาได้!
ตอนซูหมิงอยู่เผ่าหมานก็เคยเกิดนิมิตหมายการปลุกตื่นแห่งยมโลก ได้รับพลังแห่งการควบคุมเวลา ระหว่างอดีตกับอนาคตรวมเป็นซู่มิ่ง ทำให้พรสวรรค์นี้สมบูรณ์แบบเรื่อยมา
จนกระทั่งออกจากเผ่าหมาน ชั่วขณะที่อยู่ในอันตรายถูกหงส์งูเหลือมแดงกิน พรสวรรค์ยึดร่างของเขาก็ถูกกระตุ้นจนตื่นขึ้น เหมือนว่าเป็นการโคจรของสัญชาตญาณบางอย่างทำให้ในตอนนั้นเขามียอดพรสวรรค์ชนิดที่สองของเผ่ายมโลก
ตอนนี้ผ่านมานานขนาดนี้ ซูหมิงอยู่บนดาวดวงนี้ อยู่ในสภาวะการดับสูญ ช่วงที่ความซับซ้อนและเศร้าในใจถูกฝัง เขาก็ใช้พืชที่มีกฏชะตาต้นนี้เปิดพรสวรรค์ที่สามของเผ่ายมโลกกับตัวเอง!
อภินิหารของเผ่ายมโลก ควบคุมเวลาให้ย้อนไปจนถึงจุดสูงสุด สามารถควบคุมการไหลเวียนของเวลา เป็นเจ้าแห่งเวลา หากพรสวรรค์ที่สองบรรลุถึงจุดสูงสุด ก็จะนำร่างแยกทั้งหมดรวมกับร่างจริงกลายเป็นจุดสูงสุดของขั้นพลัง!
ส่วนอภินิหารที่สามเปิดประตูยมโลก เป็นความลับที่สุดของเผ่า และก็เป็นพรสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของเผ่ายมโลกที่แทบจะไม่เคยมีใครฝึกจนถึงจุดสูงสุด!
นั่นคือพลังแห่งการคืนชีพ นั่นคือพลังในการสร้างหนึ่งโลกของตัวเอง เปิดประตูยมโลก นำคนตายทั้งหมดฟื้นคืนชีพกลับมา!
เพียงแต่ว่าการจะเปิดประตูยมโลกนั้นยากเกินไป ตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้ แม้แต่บรรพบุรุษเผ่ายมโลกที่เก่งกล้าก็ยังทำไม่ได้อย่างสมบูรณ์
เปิดประตูยมโลกเป็นเพียงแค่ขั้นแรกของอภินิหารนี้ ข้างหลังยังมีอีกมาก เพียงแค่เปิดประตูยมโลก สำหรับซูหมิงแล้ว นี่เหมือนกับเปิดประตูไปยังระดับขั้นที่สูงกว่า
น้ำวนวนเวียนข้างกายซูหมิง ภายในน้ำวนแฝงไว้ด้วยอักขระนับไม่ถ้วน ทุกอักขระล้วนหมายถึงวิญญาณของหนึ่งเผ่าพันธุ์ในมหาโลกสามรกร้าง
ซูหมิงหลับตาอยู่กลางน้ำวน เส้นผมปลิวไสว ถึงก่อนหน้านี้ตัวเขาจะไม่ถือว่าร่างกำยำ ทว่าก็ไม่ได้ผอมแห้ง แต่เวลานี้ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว เหมือนว่า เลือดเนื้อทั้งหมดถูกบางอย่างไร้รูปในร่างกายสูบไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันมรดกหลากชนิดของเผ่ายมโลกที่ซ่อนอยู่กลางวิญญาณลอยขึ้นมาในความคิดเขา ทำให้เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวเขาก็รู้สภาวะของตนตอนนี้อย่างชัดเจน
นั่นคือความกระหายต่อเลือดเนื้อและวิญญาณ นั่นคือสภาวะแบบเดียวกันทั้งหมดหลังจากชาวเผ่ายมโลกทุกคนเปิดประตูยมโลกแล้ว เขาต้องการเลือดเนื้อและวิญญาณบริสุทธ์จำนวนมากถึงจะทำให้ประตูยมโลกเปิดออกอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้เพียงแค่เปิด ยังไม่ได้เปิดอย่างสมบูรณ์ ซูหมิงรู้สึกชัดว่าในร่างกายตนเหมือนกับมีหลุมดำไร้ก้นอยู่ ตรงส่วนลึกของหลุมดำไร้ก้นเหมือนมีประตูบานหนึ่ง
กลิ่นอายยมโลกแผ่มาจากในประตูนั้น เขาจึงเข้าใจว่าหากเปิดประตูนี้ ขั้นพลังเขาจะเพิ่มขึ้นตามด้วย!
ตอนที่ซูหมิงเกิดความคิดเหล่านี้รวมถึงการตระหนักรู้แห่งมรดกในสายเลือดลอยขึ้นมาในความคิด น้ำวนนอกตัวเขาพลันหายไป ทุกอย่างรอบตัวกลับมาเป็นปกติ ไม่มีกลิ่นอายพลังใดๆ แผ่กระจายมาอีก แต่ร่างซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาตอนนี้แห้งเหี่ยวลงทั้งหมด เปลี่ยนไปมากจากก่อนหน้านี้ อีกทั้งการผอมแห้งยังดำเนินต่อไป เหมือนว่าจะกินเลือดเนื้อทุกอย่างของเขาให้หมด กระทั่งวิญญาณเขายังเกิดการสั่นคลอนภายใต้การสูบของหลุมดำไร้ก้นในร่าง
ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น ภายในดวงตามีแสงหม่น ทันทีที่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเห็นดวงตาซูหมิงเขาก็ตัวสั่นไปทั่วร่าง ทั้งยัง
มีหมอกขาวไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด คล้ายกับว่าจะยืดยาวไปหาซูหมิงอย่างไร้การควบคุม
ภาพนี้ทำให้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตกใจกลัวจึงรีบถอยไปอย่างว่องไว ทว่าก็ยังหยุดพลังชีวิตกับวิญญาณในร่างให้กระจายออกมิได้ เป็นที่รู้ว่านี่เพียงแค่สายตาซูหมิงเท่านั้น แล้วจะไม่ให้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตกตะลึงได้อย่างไร
ดีที่ซูหมิงเบนสายตาออกโดยพลัน ถึงทำให้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเร่งโคจร ขั้นพลังเพื่อนำพลังชีวิตกับวิญญาณที่กระจายออกเข้าสู่ร่างอีกครั้ง ใบหน้าเขาพลัน ซีดขาว สายตามองซูหมิงด้วยความกลัว
จูโหย่วไฉสูดลมหายใจเข้าลึก กระเรียนขนร่วงตัวสั่นอยู่ข้างๆ ภายในดวงตา มีความมึนงง เหมือนมีความทรงจำยุ่งเหยิงมากมายกำลังชนกันในสมองไม่หยุด
“กลิ่นอายพลังแห่งยมโลก…..ความตายของทุกสิ่งมีชีวิต….หนึ่งความคิดแสงสว่าง หนึ่งความคิดพลังแห่งเงามืด….ไม่อนุญาตให้ปรากฏ…..” กระเรียนขนร่วงตาเหลือกล้มลงกับพื้น ก่อนรีบลุกขึ้นมาแล้วใช้กงเล็บบีบหัวแรงๆ อีกครั้ง จากนั้นตามด้วยพ่นลมหายใจยาว
“ย่ากระเรียนมันเถอะ มันช่างกวนบาทาจริงๆ มา มา ศิษย์น้องมังกรยมโลกทุบตีข้าที” กระเรียนขนร่วงตัวงอ มีจุดสีดำหนึ่งบินออกมาจาจากตัวมันแล้วกลายเป็นมังกรยมโลกทันที ขณะกำลังจะทุบตีกระเรียนขนร่วงนั้น กระเรียนขนร่วงกลับรีบเดินเข้าไปเตะมังกรยมโลกทีหนึ่ง…..
ซูหมิงอยู่ไม่ไกล แม้จะลืมตาอยู่ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ร่างกายเขาจะแห้งเหี่ยวเช่นนี้สักระยะ ตอนนี้ทั่วร่างไม่ต่างอะไรกับหนังหุ้มกระดูก ทว่าเขาในสภาพแบบนี้กลับไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย แต่กลับมีขั้นพลังมหาศาลกำลังสั่งสมไม่หยุดในร่างกาย
‘ต้องใช้เลือดเนื้อและวิญญาณที่มากพอถึงจะเปิดประตูยมโลกได้ ถึงจะทำให้ประตูยมโลกไม่สูบกินพลังชีวิตข้า’ ดวงตาซูหมิงแวววาว ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย เขาอยากรู้ว่าเมื่อเปิดประตูยมโลกซึ่งเป็นหนึ่งในสามยอดพรสวรรค์ เผ่ายมโลกแล้วสุดท้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
การย้อนเวลา ซูหมิงรู้สึกถึงความแกร่งของมันแล้ว การยึดร่างทุกสิ่งยิ่งทำให้เขามีความสามารถที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง ความแกร่งของสองอภินิหารนี้มากพอจะทำให้ทุกคนคลุ้มคลั่ง
ตอนนี้พรสวรรค์ที่สามเปิดขึ้น เพียงตระหนักรู้เล็กน้อยจากมรดกของวิญญาณก็ทำให้เขาตกตะลึงขนาดนี้แล้ว เวลาขณะดวงตาแวววาว เขาก็มองไปบนฟ้าที่มี หมอกหมุนวน ตอนนี้เขาเกิดการเฝ้าปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…..นั่นคืออยากให้สงครามมาถึงเร็วกว่านี้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาลงแล้วระงับความตื่นเต้นในใจ อีกทั้งยังยับยั้งหลุมดำไร้ก้นในร่างไม่หยุด ขณะยับยั้ง ในใจเขามีเสียงพึมพำของจิตใจตัวเองดังก้อง
‘สร้างครอบครัวเพื่อเต๋าของข้า….ข้าซูหมิง….ถึงจะต้องโค่นล้มจักรวาล ถึงต้องทำลายล้างทุกสิ่งมีชีวิต ข้าก็ต้องทำให้สำเร็จ!’ ซูหมิงลมหายใจกระชั้น ภายในดวงตาที่ปิดลงซ่อนประกายแสงบ้าคลั่งในความแน่วแน่เอาไว้ บนตัวเขาเกิดสีเทา สีแดง สีทองและสีดำเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้อารมณ์ความคิดเขาค่อยๆ ถูกเผาไปตามจิตใจแน่วแน่บางอย่างในใจ สุดท้ายกลายเป็นประกายแสงที่ถูกดวงตาบดบังเอาไว้ แม้ประกายแสงจะถูกบดบัง แต่ในใจเขา….กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงในความแน่วแน่
เวลาผ่านไปช้าๆ จนผ่านไปหนึ่งเดือน เดือนนี้ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา ร่างกายแห้งเหี่ยวเหมือนโครงกระดูก
ราวกับว่าสายลมก็พัดสลายร่างเขาไปได้ ทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากตัวเขากลับน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
ข้างกายมีกระเรียนขนร่วง มีบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกับจูโหย่วไฉ พวกเขาต่างมองซูหมิงบางครั้ง สำหรับพวกเขาแล้ว หนึ่งเดือนนี้ไม่ได้ผ่านไปสบายนัก แม้แต่จูโหย่วไฉที่หากเข้าใกล้ซูหมิงเล็กน้อยก็ยังเกิดความรู้สึกว่าพลังชีวิตกับวิญญาณทั่วร่างจะถูกดูดออกจากร่างไป
ในหนึ่งเดือนนี้ ชายวัยกลางคนนามสุนัขป่าเคยมาครั้งหนึ่ง แต่พอเข้าใกล้ซูหมิงแล้วเขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันที ก่อนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้กลับมาอีกเลย
จนกระทั่งวันนี้พลันเกิดเสียงโครมดังมาจากฟ้ากระจ่างดาว ท่ามกลางเสียง เข่นฆ่าดังก้อง พายุสงครามพลันเข้ามา นี่คือสงครามแรกที่ขั้วแห่งดินต้องเจอ
นอกดาว ตรงหน้าผู้ฝึกฌานห้าล้านคนห้องโถงสงครามขั้วแห่งดิน มีม่านแสงสีเทาขยับวิบวับอย่างเร็วไว ข้างหลังม่านแสงมีผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนเกือบล้านคนกำลังหน้าซีดขาว สายตามองกองทัพห้องโถงสงครามนอกม่านแสงด้วยความหวาดผวา
ข้างหลังพวกเขาเป็นดาวที่มีลักษณะช้อนเก้าดวง นี่…..คือจุดเคลื่อนย้ายของพันธมิตรเผ่าเซียน และก็เป็นถิ่นของเผ่าพันธุ์น้ำค้างธุลี
เผ่าพันธุ์นน้ำค้างธุลีเป็นหนึ่งในสมาชิกของพันธมิตรเผ่าเซียน ตอนนี้จ้าวเผ่ารวมถึง ผู้อาวุโสใหญ่ต่างมีสีหน้าจริงจังและร้อนรนอยู่บนฟ้ากระจ่างดาวเหนือดาวเก้าดวง สายตามองผ่านม่านแสงมายังผู้ฝึกฌานห้าล้านคนที่มีกลิ่นอายมารเหลือล้นอยู่ไกลๆ
“ห้องโถงสงครามผ่านไป…..” ตอนนี้เอง เสียงนุ่มนวลดังแว่วมาจากบนดาวที่ ซูหมิงอยู่ข้างหลังผู้ฝึกฌานห้องโถงสงคราม แทบเป็นช่วงที่เสียงดังแว่วมา ผู้ฝึกฌานห้าล้านคนต่างคำรามเสียงต่ำพร้อมกัน
“ฆ่าไม่ให้เหลือ!” ช่วงที่ผู้ฝึกฌานห้าล้านคนตะโกนออกไป ห้าล้านคนนี้ต่างพุ่งออกไปพร้อมกัน แผ่กระจายขั้นพลังพลางทะยานไปทางม่านแสงนั้น
เป็นตอนนี้เองซูหมิงร่างดังโครงกระดูกที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนดาวเงยหน้าขึ้น ลืมตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแต่กลับยังมีสติ เพียงแค่กระหายในเลือดเนื้อและวิญญาณเท่านั้น