ตอนที่ 1125 สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับสามรกร้าง
เมื่อผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนกระจายออกพร้อมกันแล้ว ผู้ฝึกฌานห้องโถงสงครามต่างตกใจกลัวเทพโบราณผู้แกร่งกล้า ภายใต้คำส่งของสุนัขป่าผู้นำของ พวกเขา พวกเขาจึงถอยไปช้าๆ ทำให้กลางฟ้าเกิดพื้นที่กว้างโล่ง
ฟ้ากว้างโลกเป็นของซูหมิงกับเทพโบราณ
ซูหมิงมีสีหน้าเฉยชา สายตามองเทพโบราณขนาดพันจั้ง ดวงตาหรี่เล็กลง หลังเพ่งสายตามองตรงระหว่างคิ้วอีกฝ่ายแล้วก็คาดเดาจากแรงกดดันของอีกฝ่าย ได้รางๆ ว่านี่คือยอดฝีมือเทียบเท่ากับขั้นกุม
เพียงแต่คนจากโลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนไม่อาจนำกลิ่นอายพลังมาวัดกับกำลังรบได้ อย่างเช่นคนชุดคลุมดำสองคนนั้น ขั้นพลังพวกเขายังไม่ถึงขั้นกุมด้วยซ้ำ เทียบเท่าเพียงภัยพิบัติตะวันเท่านั้น
ทว่ากำลังรบของพวกเขาสองคนสังหารขั้นกุมได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นขั้นชะตาก็ยังต้องถอย
กลิ่นอายพลังเหมือนกัน แต่กลับมีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้คงไม่เท่าไร แต่นี่ไม่ใช่ความต่างของคนเดียว นี่คือความต่างระหว่างผู้ฝึกฌานของหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลกฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับมหาโลกสามรกร้าง
นี่มากพอจะอธิบายได้ว่าในด้านการใช้งานขั้นพลัง ผู้ฝึกฌานแห่งมหาโลกสามรกร้าง ดูเหมือนถึงจุดที่แกร่งมากก็จริง ทว่าความจริงความแกร่งนี้เป็นเพียงมายา มิใช่พลังจากขั้นพลังแท้จริง
‘ผู้ฝึกฌานเผ่าเซียน ขั้นพลังพวกเขาแบ่งเป็นก้าวที่สอง ก้าวที่สาม…..ก่อนหน้านี้คนชุดคลุมดำคนนั้นเคยบอกว่าข้าคือก้าวที่สามเกือบสมบูรณ์ แต่กำลังรบที่ข้าแสดงออกไปเทียบเท่ากับขั้นเกิด ดังนั้นแล้ว หรือว่าก้าวที่สามเกือบสมบูรณ์จะเท่ากับ ขั้นเกิดของมหาโลกสามรกร้าง? ทว่าก็ไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างนั้น ถึงอย่างไรข้าก็สู้กับ ขั้นเกิดของมหาโลกสามรกร้างได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเอาชนะก้าวที่สามเกือบสมบูรณ์ของโลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนได้!
เช่นนั้นขั้นดับล่ะ จะเป็นก้าวที่สามสมบูรณ์ หรือว่าเหนือกว่าระดับสมบูรณ์โดยบรรลุถึงระดับสูงอีกขั้นในขั้นพลังของหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลกฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
และยังมีผู้ยิ่งใหญ่ มันอยู่ระดับใดในฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน แล้วก็….ขั้นไม่อาจกล่าว!’ ดวงตาซูหมิงวาววับ เขานึกได้ว่าขั้นกุมชะตาเกิดดับที่ตนเคยเจอมีอ่อนแอและแข็งแกร่ง และยังนึกไปถึงตนที่เปิดห้านิ้วมือแห่งขั้นกุมได้ ทว่าคนส่วนใหญ่เปิดได้เพียงหนึ่งนิ้วหรือสองนิ้วเท่านั้น
‘เช่นนั้น คนชุดคลุมดำสองคนนั้น ขั้นพลังพวกเขาในโลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวนคืนคือก้าวที่เท่าไร?’ ระหว่างที่ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว เขามองเทพโบราณพันจั้งพลางเอ่ยขึ้น
“สู้ก็ได้ แต่ข้าอยากรู้ว่าคนชุดคลุมดำสองคนที่ข้าสังหารไปก่อนหน้านี้ ในโลกของเจ้ามีขั้นพลังระดับใด”
“อยากรู้รึ? รับการโจมตีหนึ่งครั้งของข้าก่อน เจ้าถึงจะมีสิทธิ์รู้” เทพโบราณพันจั้งเงยหน้าหัวเราะ ก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าวเข้ามาอยู่ตรงหน้าซูหมิงในพริบตา จากนั้นยก มือซ้ายขึ้นชกใส่ซูหมิงด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด
นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขาไม่ได้ใช้หมัดขวาที่แกร่งที่สุด แต่ชกหมัดซ้ายไป เมื่อปะทะกับหมัดเทพโบราณกลางอากาศแล้วพลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าดิน ซูหมิงแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่งแล้วพุ่งทะยานเข้าไป ทว่าเทพโบราณกลับกระเด็นถอยไปหลายก้าวด้วยหมัดนี้
“น่าสนใจ ในแดนป่าเถื่อนแบบนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกับผู้แข็งแกร่งที่เข้าใจ พลังต้นกำเนิดโลกนี้ มิน่าเซียนน่ารังเกียจสองคนนั้นถึงถูกเจ้าสังหาร ถือว่าตายอย่างคุ้มค่า!” เทพโบราณพันจั้งเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ไม่สนใจที่ตนถูกอัดจนถอยไปหลายก้าวแม้แต่น้อย น้ำเสียงดังก้องและแฝงไว้ด้วยความกระหายในการสู้รบ
“ขั้นพลังของกลุ่มฝ่ามือโลกเซียนของคนนั้น ในบ้านเกิดข้าขั้นพลังพวกเขาอยู่จุดสูงสุดก้าวที่สอง อีกครึ่งก้าวก็จะไปถึงก้าวที่สาม ทว่าเจ้า ถึงจะเข้าใจพลังต้นกำเนิดโลกนี้ แต่ก็ไม่ใช่เกือบบรรลุถึงจุดสูงสุดก้าวที่สามอย่างที่พวกเขาว่าไว้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ข้ารังเกียจผู้ฝึกฌานแห่งโลกเซียนเหล่านั้น ถึงจะตายไปแล้วก็ยังจะสร้างหายนะให้ คนอื่น คนแบบนี้รู้จักแต่ความสกปรก ไม่คู่ควรแก่นักรบ!
เจ้ารับการโจมตีของข้าได้ ข้าจะบอกความจริงให้ กำลังรบที่เจ้าระเบิดออกมา ที่บ้านเกิดข้าเป็นเพียงขั้นพลังทั่วไปเท่านั้น ขั้นพลังจริงๆ ของเจ้าในบ้านเกิดข้าคือ ขั้นดับนภาของก้าวที่สาม! ส่วนตัวประหลาดเกือบบรรลุถึงจุดสูงสุดก้าวที่สามจริงๆ พวกเขาเพียงแค่ใช้นิ้วมือก็บดขยี้ผู้ฝึกฌานแบบเจ้าได้เป็นพันเป็นหมื่นครั้ง!”
คำพูดจากเทพโบราณพันจั้งทำให้ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับขั้นพลังตัวเองอยู่พอดี และยังเกิดการคาดเดาว่าคนชุดคลุมดำคนนั้นจงใจ พูดขึ้น เป้าหมายคือปั่นป่วนความรู้สึกตน ดังนั้นแล้วจะเกิดเป็นการลวงขึ้นมา อย่างหนึ่ง อีกทั้งภาพลวงนี้ยังมีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นสาเหตุการตายในอนาคต!
เวลานี้ได้ยินคำพูดจากเทพโบราณพันจั้ง ในความคิดซูหมิงจึงสว่างขึ้นมามาก
“ก้าวที่สามในบ้านเกิดเจ้ามีทั้งหมดกี่ขั้นพลัง?” ซูหมิงถามขึ้นอีกครั้ง
“รับการโจมตีต่อไปของข้าก่อน เจ้าถึงจะมีสิทธิ์รู้” ดวงตาเทพโบราณเปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ เขาเดินหน้ามาหาซูหมิงอีกก้าว ครั้งนี้ยกมือขวาพลางปล่อยขวานในมือ ทว่าดาวเจ็ดดวงตรงระหว่างคิ้วกลับเปล่งแสงสว่างจ้า พลังที่แกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าปะทุมาจากในตัวเขา กลายเป็นหมัดขวาซึ่งแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นในการรบที่สามารถทำลายล้างจักรวาลชกใส่ซูหมิง
ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาววับ สายตามองเทพโบราณที่เข้ามาใกล้พร้อมพลานุภาพเหลือล้น เขาไม่ถอยแต่บุกเข้าไป ระหว่างก้าวเดินครั้งนี้ซูหมิงไม่ได้ใช้มือขวา เขายังคงใช้มือซ้ายเหมือนเดิม ทว่าไม่ได้ปะทะกับหมัดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ช่วงที่หมัดขวาเทพสงครามพุ่งเข้ามา เขาหมุนตัวกลับเอาหลังต้าน จากนั้นตบมือซ้ายตรงหน้าอก
โครม!
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องแก้วหู ทำให้ผู้ฝึกฌานทุกคนโดยรอบที่เห็นภาพนี้ต่างใจสั่นสะท้านและถอยกันไปทั้งหมด สีหน้าพากันเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
กลางฟ้า ซูหมิงตัวสั่น ตอนที่หมุนตัวกลับยังมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทว่าเทพสงครามพันจั้งกลับตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ซ้ำยังกระอักเลือด ร่างถอยไป ไม่หยุดจนหลายร้อยจั้งแล้วถึงหยุดลง ตอนที่เงยหน้าขึ้นเขามีสีหน้าเหี้ยมโหด แต่ถึงกระนั้นความเหี้ยมโหดกลับซ่อนความกลัวเอาไว้เสี้ยวหนึ่ง
“ต้นกำเนิดแห่งการสั่นสะเทือน!”
“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้า” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ
“ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเห็นๆ อยู่กลิ่นอายพลังเจ้าคือก้าวที่สามดับนภา เห็นๆ อยู่ว่ากลิ่นอายพลังแบบนี้มีอยู่กับคนจำนวนมากที่นี่ ทว่าพวกเขาล้วนมิใช่ของจริง แต่เจ้ากลับมีขั้นพลังแบบนี้ตรงตามจริง นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายเจ้าเทียบเคียงกับเผ่าข้าได้ ขั้นพลังเจ้าก็เทียบเคียงกับเซียน ดังนั้นจึงเท่ากับว่าเจ้ามีพลังต้นกำเนิดโลกนี้ อีกทั้งยังปะทุพลังที่เหนือกว่าขั้นพลังตัวเองออกมาได้!
แม้เจ้าจะอยู่ขั้นดับนภา แต่กลับระเบิดพลังเกือบเหมือนขั้นวิญญาณนภา” เทพโบราณพันจั้งเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก ตอนที่มองซูหมิง ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ในดวงตามีความคลุ้มคลั่งเพิ่มเข้ามา
“ที่บ้านเกิดข้าก้าวที่สามมีสี่ขั้นพลัง บอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ขั้นพลัง ดับวิญญาณทมิฬมหันตภัยกับกุมชะตาเกิดดับของโลกนี้ แม้จะมีนามต่างกัน แต่มันสอดคล้องกัน!
แต่เหมือนว่าขั้นดับของโลกนี้จะมีความมหัศจรรย์อยู่เล็กน้อย เลยไม่ตรงกันอย่างสมบูรณ์แบบ” เทพโบราณพันจั้งพูดโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อยตามคำสัญญา
ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ตอนนี้ในความคิดเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่
‘เป็นเช่นนี้จริงๆ กุมชะตาเกิดดับตรงกับสี่ขั้นพลังใหญ่ในก้าวที่สามของฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ส่วนขั้นดับ…..เป็นขั้นพลังสุดท้ายของกุมชะตาเกิดดับได้ย่อมมีความมหัศจรรย์อยู่!
ทว่ากุมชะตาเกิดดับต้องมีกำลังรบที่คู่ควรอย่างแท้จริงก่อน ต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริงก่อน มิน่าคนจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนถึงเรียกที่นี่ว่าเป็นคนเถื่อน
มิน่าพวกเขามาที่นี่แล้วก็ต่างอวดดี กระทั่งตอนสังหารยอดฝีมือยังสื่อความหมายว่าอยากรีบจบด้วย เพราะในโลกของพวกเขา คนที่มีพลังระดับยอดฝีมือล้วนทำให้พวกเขาตัวสั่นจนต้องกราบไหว้ แต่พอมาที่นี่ คนจำนวนมากมีขั้นพลังแบบนี้เหมือนกัน ทว่าพวกเขากลับสังหารได้อย่างง่ายดายมาก!
ข้าเข้าใจแล้ว มิน่าข้าถึงสังหารยอดฝีมือข้ามขั้นได้ นี่ไม่ใช่เพราะข้าแกร่ง แต่เพราะพวกเขาอ่อนแอต่างหาก!
เว้นแต่จะเป็นส่วนน้อยยิ่งที่มีกำลังรบตรงตามขั้นพลังตัวเองจริงๆ แต่ยอดฝีมือส่วนใหญ่ ขั้นกุมเทียบเท่าเพียงก้าวที่สองของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเท่านั้น กระทั่งขั้นชะตาก็เช่นกัน ดังนั้นคนชุดคลุมดำถึงสังหารขั้นกุมได้ ส่วนขั้นชะตาก็ต้องจริงจังขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพราะขั้นชะตาที่ไม่มีพลังต้นกำเนิดโลกแท้จริงแล้วมีขั้นพลังเท่ากับพวกเขา เพียงแต่คนชุดคลุมดำมีอภินิหารประหลาดต่างๆ เลยอยู่เหนือกว่า
ส่วนขั้นเกิดที่ไม่มีพลังต้นกำเนิดโลก หรือระดับกำลังรบในมหาโลกสามรกร้างที่ข้าบรรลุถึงก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วคือขั้นดับนภาเกือบถึงขั้นวิญญาณนภา ดังนั้น คนชุดคลุมดำเหล่านี้จึงไม่ล่วงเกินยอดฝีมือขั้นเกิดของมหาโลกสามรกร้าง
เพราะพวกเขาเอาชนะไม่ได้! เพราะขั้นพลังของพวกเขาเพียงแค่อีกครึ่งก้าวจะบรรลุถึงก้าวที่สามเท่านั้น ยังไม่เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นดับนภาอย่างสมบูรณ์!
หนึ่งร้อยแปดสิบโลกฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนช่างน่ากลัวนัก พวกเขามียอดฝีมือก้าวที่สามกี่คนกันแน่….ตอนนี้คนที่ลงมาเยือนไม่ใช่ก้าวที่สามก็แกร่งขนาดนี้แล้ว…..’ ซูหมิงหรี่ตาลง เขานึกถึงขั้นพลังตัวเอง เดิมทีคิดว่าแกร่งแล้ว แต่ยามนี้ก็เพิ่งพบว่า ขั้นพลังตนในมหาโลกสามรกร้างยังเรียกได้ว่าแข็งแกร่ง ทว่าหากไปถึงในฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน เขาจะเป็นเพียงฐานของก้าวที่สามเท่านั้น เหนือกว่าเขายังมีตัวประหลาดอีกไม่น้อยที่สังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
‘แต่ในเมื่อเป็นอย่างนั้น การวิเคราะห์ขั้นพลังกับกำลังรบของผู้ฝึกฌานฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็จะง่ายขึ้นมากแล้ว กลิ่นอายพลังของเทพโบราณคือขั้นกุม เช่นนั้นเขาก็จะเป็นขั้นกุมอย่างแท้จริง หรือก็คือขั้นดับนภาก้าวที่สามในฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน และเทียบเท่ากับขั้นเกิดของคนที่ไม่มีพลังต้นกำเนิดโลกนี้!
เหมือนกับขั้นพลังข้า แต่ในด้านกำลังรบ เพราะเขาเป็นเผ่าเทพโบราณ ดังนั้นเลยแกร่งกว่า ทว่าศึกครั้งนี้…..เขาชนะข้าไม่ได้ เพราะพลังแห่งมือขวาข้าสามารถระเบิดพลังที่เกือบจะเหนือกว่าขั้นเกิดที่ไม่มีต้นกำเนิดโลก หรือก็คือขั้นนภาวิญญาณใน ก้าวที่สามอย่างที่เทพโบราณพูดมา!
ข้าเข้าใจข้อสงสัยเหล่านี้แล้ว เช่นนั้นเทพโบราณนี้จะต้องเข้าใจอยู่ก่อนแล้วแน่ๆ ดังนั้นถึงเขาจะถูกข้าโจมตีจนถอยไปสองครั้งก็ยังกล้าสู้กับข้าอีก…..’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาวและเผยความมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างแรงกล้าเช่นกัน
“หากเจ้าอยากสู้ เช่นนั้นก็สู้!” ช่วงที่ดวงตาซูหมิงเผยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ เทพโบราณกำขวานสงครามในมือขวา เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ร่างกายขยายใหญ่อีกครั้งจนมีขนาดหลายพันจั้ง ก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าว ขวานสงครามในมือแยกฟ้าออก ตรงดิ่งไปหาซูหมิงพร้อมด้วยเสียงลากยาวแหลม