Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1132

SVTASR
BC

ตอนที่ 1132 ละโมบ

‘ต่อให้พวกเขาเคยใช้ข้าใช้แสงแก่นยมโลกมาก่อน แต่แล้วอย่างไร….พวกเขาคงไม่คิดว่าข้าจะกลายเป็นแสงแก่นยมโลก!

C

ถึงต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน แต่แล้วอย่างไรอีก เว้นแต่จะไม่สนใจ มิเช่นนั้นแล้ว…..’

ภายในพันธมิตรเผ่าเซียน ฟ้ากระจ่างดาวใกล้กับพื้นที่เผ่าเซียน ปรากฏมวลอากาศ บิดเบี้ยวติดต่อกันเกือบเจ็ดวัน มวลอากาศบิดเบี้ยวนี้ขยายไปจนกระทั่งสามสิบล้านจั้ง จึงดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานจำนวนมากในพันธมิตรเผ่าเซียน

โดยเฉพาะวันที่เจ็ด การบิดเบี้ยวกลายเป็นรอยแยกยักษ์ มีแสงสีดำสายหนึ่งที่เหมือนจะแช่แข็งจักรวาลได้ปรากฏขึ้น แสงนี้ส่องสว่างไปรอบๆ ไม่หยุด รวมขึ้นเป็นต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกที่สมบูรณ์!

แสงแก่นยมโลกในพื้นที่สามสิบล้านจั้งขยับวูบวาบอย่างต่อเนื่อง ภาพนี้ สร้างความตื่นตะลึงกับทั้งพันธมิตรเผ่าเซียน

ได้ในเวลาสั้นๆ กระทั่งผ่านไปอีกเจ็ดวัน ทางฝ่ายสำนักดาราสัจธรรมก็ยังรู้เรื่องนี้

ถึงขั้นที่…..สงครามของสองฝ่ายเหมือนจะค่อยๆ หยุดลงเพราะการปรากฏของ ต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกยักษ์ สายตานับไม่ถ้วนล้วนมองข้ามผ่านทะเลดารามายังพื้นที่พันธมิตรเผ่าเซียนพร้อมกัน

ทุกวันจะมีผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนจำนวนมากล้อมรอบอยู่นอกระยะ สามสิบล้านจั้ง คอยเฝ้าสังเกตแสงแก่นยมโลกที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อ ครึ่งเดือนก่อน นัยน์ตาพวกเขาฉายแววหวาดกลัว ทั้งยังมีความละโมบอยู่ลึกๆ

พวกเขารู้สึกถึงความหนาวซึ่งมากพอจะแช่แข็งจิตใจแผ่กระจายมาจากใน แสงแก่นยมโลก อีกทั้งยังรู้สึกถึงพลังน่าสะพรึงจากในแสงนี้

ทุกวันสิบสองชั่วยาม จะมีเพียงหนึ่งชั่วยามที่แสงแก่นยมโลกกลุ่มยักษ์นี้จะอ่อนตัวลง แต่เมื่อหนึ่งชั่วยามผ่านไปจะเป็นช่วงที่มันรุนแรงที่สุดในวันนั้น

อีกทั้งหนึ่งชั่วยามในทุกวันจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงนี้มีกฏบางอย่างอยู่ ทำให้คนจำนวนมากมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือต้นกำเนิดแสงที่ไม่มีจิตสำนึก

มันเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสัญชาตญาณ ถึงไม่รู้ว่าปรากฏในจักรวาลอย่างกะทันหันได้อย่างไรก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือสมบัติล้ำค่ายิ่งสำหรับผู้ฝึกฌานทุกคน

หากได้ครอบครอง หากได้หลอมรวมกับมัน จะทำให้อภินิหารวิชาของคนนั้น เพิ่มมากขึ้น กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากแสงแก่นยมโลก ทุกคนต่างรู้กันดีว่าใน สำนักดาราสัจธรรมตอนนั้นมีแสงแก่นยมโลกเพียงสายเดียวเท่านั้น จากนั้นมาก็ถูกรวมออกมาเป็นแดนฝึกฝน กระทั่งเล่าลือว่าเมื่อไม่รู้กี่หมื่นปีก่อนบรรพบุรุษเต้าเฉินในตอนนั้นต้องลงมือเองถึงจะกำราบมันได้

ตอนนี้แสงที่ปรากฏในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมไม่ใช่สายเดียว แต่เป็นต้นกำเนิดแสงยักษ์ เปรียบได้กับแสงจันทร์กับแสงหิ่งห้อย จึงเกิดเป็นความละโมบไม่มีขอบเขตในใจผู้ฝึกฌานที่รู้เรื่องนี้ทุกคน

ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แสงแก่นยมโลกเล็กจ้อย แต่นี่คือ….ต้นกำเนิดแสงมหึมา หากหล่อหลอม ไม่ว่าอยู่กับผู้ฝึกฌานคนใด

คนนั้นจะมีนามเลื่องลือไปทั่ว หากไว้ในหนึ่งเผ่าพันธุ์ จะทำให้เผ่าพันธุ์นั้น ขยายใหญ่ขึ้น หากไว้กับสำนักดาราสัจธรรมหรือพันธมิตรเผ่าเซียน เช่นนั้นก็จะหลอมเป็นสมบัติล้ำค่าสะท้านฟ้า มีผลในการตัดสินทุกอย่างในทุกสงคราม

การปรากฏของต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานแข็งแกร่งเหล่านั้นในพันธมิตรเผ่าเซียนแล้ว ทว่าสำนักหงส์กับสำนักเผ่าเซียนที่เป็นสมาชิกหลักของพันธมิตรเผ่าเซียนกลับปิดผนึกจุดที่เกิดแสงแก่นยมโลกเอาไว้ในวันแรก

เท่ากับว่าแสงแก่นยมโลกปรากฏตรงปากทางเข้าแต่ละสำนักเผ่าเซียน ดังนั้นพวกเขาจึงพบเห็นคนแรก กระทั่งคนที่ส่งมาตรวจสอบส่วนใหญ่มาจากแต่ละสำนักเผ่าเซียน

“เป็นแสงแก่นยมโลกจริงๆ …..” เกือบวันที่ยี่สิบหลังแสงแก่นยมโลกปรากฏ วันนี้กลางฟ้ากระจ่างดาว นอกต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก ไป๋เฟิ่งในชุดคลุมขาวมอง แสงแก่นยมโลกพลางเอ่ยเสียงเย็นชา

ข้างกายยังมีตี้เทียนสวมเสื้อคลุมขาว เส้นผมสีขาว ดูแก่ชรากว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อยยืนอยู่ ดวงตามองแสงแก่นยมโลกตาไม่กะพริบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ตรงกลางสองคนนี้คือคนชุดคลุมดำแห่งแปดหัตถ์ขั้วเต๋าจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ใบหน้าเขาซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมดำ แต่กลับปกปิดประกายแววตาประหลาดใจมิได้

‘ต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก เป็นของหายากที่จะปรากฏอยู่นอกจักรวาลเพียงตอนที่มหาโลกอยู่ในการเติบโต….ในฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหายไปจนหมดสิ้นแล้ว

มีแต่ตอนที่มหาโลกเติบโตเท่านั้นถึงจะให้กำเนิดแสงแก่นยมโลก ตอนที่มหาโลกเติบโตอย่างสมบูรณ์แล้วมันก็จะหายไป! ฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ ก็มีเพียงมหาโลกสามรกร้างที่มีโอกาสเสี้ยวหนึ่งที่จะขยายออกเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบโลกอย่างฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ มีแต่โลกดึกดำบรรพ์ที่กำลังเติบโตอยู่นี้เท่านั้นถึงจะเกิดแสงพร่างพราวเช่นนี้….

สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ สำหรับสามรกร้างแห่งนี้แล้วเป็นเหมือนกับชายชรา แต่สามรกร้างยังเป็นแค่เด็ก ใครมีเด็กคนนี้จะกำราบอีกฝ่ายหนึ่งได้ แล้วกลายเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาลกว้างใหญ่!

ไม่นึกเลยว่าข้าเพิ่งลงมาโลกสามรกร้างพันกว่าปีก็ได้เห็นแสงแก่นยมโลกที่สว่างพร่างพราวของโลกสามรกร้างดึกดำบรรพ์!’ คนชุดคลุมดำดวงตาวาววับพลางพูดอย่างปลงอนิจจังอยู่ในใจ

“ส่งคนไป ทุกช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้จะต้องมีคนเข้าไปในต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก หาใจกลางต้นกำเนิดแสงให้พบ ผนึกรอบนอกห้ามใครเข้าไป ผู้ใดฝ่าฝืนตาย!” คนชุดคลุมดำดวงตาแวววาว แล้วพูดขึ้นช้าๆ

“ผู้ยิ่งใหญ่ตี้เทียน หากข้าครอบครองแสงแก่นยมโลกนี้ ถึงจะหล่อหลอมมันไม่ได้ในเวลาสั้นๆ แต่ขอเพียงประทับจิตสัมผัสลงไปยังต้นกำเนิด ก็จะเป็นการเร่งรัดมันอย่างง่ายดาย และยังทำให้วิชาแลกชีวิตของเจ้ามีโอกาสสำเร็จเพิ่มมาอีกสองส่วน”

นัยน์ตาตี้เทียนพลันเป็นสมาธิ เขามองคนชุดคลุมดำแวบหนึ่งแล้วก็ยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง จากนั้นบีบมัน แผ่นหยกจึงกลายเป็นควันเก้าสายบินไกลออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นการบอกกับสำนักเซียนทั้งหมดว่าให้ทำการผนึกที่นี่อย่างแน่นหนา

“สหายไป๋เฟิ่ง ถึงเจ้าจะมีอาจารย์รับรอง แต่หากอยากเป็นผู้ฝึกฌานแห่ง สิ่งสักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ยังต้องมีอุปสรรคอีกไม่น้อย อย่างน้อยสุดร่างกายเจ้าไม่อาจรับวิชาย้อนหวนคืนได้ แต่หากข้าได้แสงแก่นยมโลกนี้ ข้าจะรับรองเพิ่มให้กับเจ้า ดังนั้นแล้ว ด้วยฐานะของข้า โอกาสที่เจ้าจะได้เป็นผู้ฝึกฌานสิ่งสักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะเพิ่มมาอีกสองส่วน!”

ไป๋เฟิ่งมีสีหน้าปกติ นางมองต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกอย่างเย็นชาเงียบๆ

“ผู้อาวุโสไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดต้นกำเนิดแสงถึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ผู้เยาว์รู้ว่าเต้าคงคนที่ถูกบีบเข้าไปนอกจักรวาลก็มีแสงแก่นยมโลกเหมือนกัน”

“เป็นเพราะเขามีแสงแก่นยมโลก ต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกถึงปรากฏในที่นี้ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ ความกังวลของสหายไป๋เฟิ่งก็มีความเป็นไปได้” คนชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดัง แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ดูแล้วเขากลับไม่คิดเช่นนั้น ในมุมมองเขา เต้าคงเพียงมีแสงแก่นยมโลก แต่ต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกตรงหน้าต่างกับอีกฝ่ายราวฟ้าดิน

“ทว่าก็จำเป็นต้องตรวจสอบ” ขณะคนชุดคลุมดำหัวเราะเสียงแหบแห้ง เขาก็ขยับวูบไหวตัวไปปรากฏอยู่นอกแสงแก่นยมโลก ก่อนยกมือขวาตบตรงระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นดวงจิตมหึมาปรากฏขึ้นแล้วกลายเป็นสายลมไร้รูปพุ่งไปยังแสงแก่นยมโลก

ครู่ต่อมาคนชุดคลุมดำตัวสั่นสะท้าน เขาดึงดวงจิตกลับมา ดวงตาในเสื้อคลุมฉายแววตื่นเต้น

“เป็นต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกจริงๆ ไม่มีจิตสำนึกแม้แต่น้อย ไม่ผิดแน่!” คนชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดังพลางถอยหลังไปหลายก้าว เขาไม่ได้ผลีผลามในทันที เขารู้ว่าในแสงแก่นยมโลกมีอันตรายต่อจิตแรกและตัวเขาอย่างรุนแรง แต่เพราะมันไม่มีจิตสำนึก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงมากมายจึงมีกฏอยู่ จะต้องหาเส้นทางมุ่งสู่ใจกลางให้พบ หลังทิ้งตราประทับของตนเอาไว้แล้วก็จะครอบครองมันได้

อีกทั้งเมื่อครู่ตอนที่เขาขยายจิตสัมผัสไป ขยายไปถึงเกือบสามส่วนของระยะทางก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนและความมหึมาในแสงแก่นยมโลกแล้ว มันกระจายออกมาตอนที่แสงตัดสลับกันทำให้เขาไม่กล้าฝืนเข้าไป กระทั่งในใจยังเกิดความรู้สึกถึงอันตรายเสี้ยวหนึ่ง ทว่ายิ่งอันตรายก็ยิ่งทำให้คนชุดคลุมดำละโมบ อีกทั้งเขายังรีบร้อนเพราะรู้ว่าอีกหนึ่งเดือนซิงจี๋เต้าจะมาแล้ว หากถึงตอนนั้นเขายังไม่ได้แสงแก่นยมโลกนี้ ก็จะมีผู้แย่งชิงเพิ่มมาอีกหนึ่ง

“เช่นนั้นข้าจะให้ผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนสู้กับสำนักดาราสัจธรรมต่อ ให้พวกเขาแบ่งความสนใจมายังต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกที่นี่ไม่ได้ ส่วนคำสัญญาของผู้อาวุโส ผู้เยาว์ขอบคุณมาก” ไป๋เฟิ่งกล่าวอย่างเย็นชาแล้วโค้งตัวคารวะคนชุดคลุมดำ

“พูดดีๆ” คนชุดคลุมดำหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น ก่อนหมุนตัวกลับหายไปจากที่นี่ เขากลับไปอยู่นอกลำแสงในเขตเผ่าเซียน ตอนที่ตัวเขามาอยู่นอกลำแสง รอยยิ้มบนใบหน้าเขาหายไปกลายเป็นจริงจัง แล้วยังยกมือขวาตบบนลำแสง ทันใดนั้นภายในลำแสงเกิดสีคละปนกัน ก่อนมีร่างเงาเจ็ดคนโผล่ขึ้นกลางความบิดเบี้ยว

“เจ็ดนิ้วมือของข้า พวกเจ้าเข้าไปในแสงแก่นยมโลกนั้น ไปตรวจสอบให้ชัดว่า ต้นกำเนิดแสงนี้เกิดจากคนสร้างขึ้นหรือไม่ ตรวจให้ดีว่าต้นกำเนิดแสงนี้ไม่มีจิตสำนึกตามตำนานจริงๆ หรือไม่!

ให้เวลาพวกเจ้าสิบวันภารกิจต้องสำเร็จ!” คนชุดคลุมดำเอ่ยเรียบๆ ร่างเงาเจ็ดคนในลำแสงพลันขยับวูบวาบแล้วกลายเป็นคนชุดคลุมดำเจ็ดคน หลังโค้งคารวะแล้วก็หายไปพร้อมกัน

พันธมิตรเผ่าเซียนเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ทุกวันจะมีผู้ฝึกฌานจำนวนมากเข้าไปตรวจสอบในแสงแก่นยมโลก และมักจะมีคนโชคดีหนึ่งในสิบรอดมาได้ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป การบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น ทางฝั่งสำนักดาราสัจธรรมก็เริ่มทำการตรวจสอบกันมากขึ้น เพียงแต่ว่าต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกปรากฏตรงใจกลางพันธมิตรเผ่าเซียน ดังนั้นจึงเกินอำนาจสำนักดาราสัจธรรมไป

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีขั้นตอน กระทั่งในแสงแก่นยมโลก ร่างเงาคนชุดคลุมดำเจ็ดคนนั้นยังเข้าไปอย่างเงียบเชียบเมื่อหลายวันก่อน กำลังตรวจสอบอย่างละเอียด

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาซูหมิง เขาเห็นจิตสึมผัสคนชุดคลุมดำคนนั้นเข้ามา เห็นกลิ่นอายพลังคนชุดคลุมดำเจ็ดคนที่อ่อนกว่าคนก่อนหน้านี้มากกำลังตรวจสอบในแสงของตน เห็นตี้เทียน เห็นไป๋เฟิ่งที่มีหน้ำตาเหมือนกับไป๋หลิงทุกประการ…..

เพราะเขาคือต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก ดังนั้นไม่ว่าคนอื่นจะตรวจสอบอย่างไรเขาก็ยังเป็นแสงแก่นยมโลก แต่สิ่งที่เขาต้องทำเพียงอย่างเดียวคือซ่อนจิตสำนึกตนเอาไว้ เผยออกมาเพียงสภาวะไร้จิตสำนึก

แต่จุดนี้มีกระเรียนขนร่วงช่วยด้วย ทุกอย่างจึงง่าย

นี่คือกับดักของซูหมิง ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เขากำลังรอ รอคนมารับเขา รอคนมาพาเขา….ไปในพื้นที่เผ่าเซียนที่มีการป้องกันหนาแน่น

และวันนั้นใกล้มาถึงเรื่อยๆ แล้ว

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!