Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1135

ตอนที่ 1135 กลองป๋องแป๋ง

‘เด็กคนนี้ไปที่ใดแล้วข้าหาตำแหน่งเขาไม่พบ นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตใกล้จะสุกแล้ว แต่เหมือนถูกพลังบางอย่างรบกวน…..ทว่า ขอเพียงไม่ส่งผลถึงแผนการแรกก็ใช้ได้ บางเรื่อง เขาไม่มีทางรู้ก่อนที่เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตจะสุก’

ซูเซวียนอีมีสีหน้าซับซ้อน เขาถอนหายใจเบา นัยน์ตามีความรู้สึกบาปวูบผ่าน เขาก้มหน้าลงมองกลองป๋องแป๋งตรงหน้า ก่อนยกมือขวาลูบเบาๆ

‘ข้าขอโทษ….แต่เจ้าไม่เหมาะกับอวี่เซวียนจริงๆ เพราะเจ้า….ไม่มีคุณสมบัตินั้น….ข้าจะใช้อีกวิธีเติมเต็มให้เจ้าเอง….’ ซูเซวียนอีหลับตาลง

ช่วงที่เขาหลับตาลง ไกลออกไปในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ภายในวิหารที่ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ใดในโลกนี้ กลางห้องหญิงสาวสีชมพูห้องหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด กลิ่นหอมนั้นไม่ใช่ธรรมดา เมื่อดมแล้วขั้นพลังจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กระทั่งวิญญาณยังได้รับการบำรุง

หากฝึกฝนในห้องนี้ตลอดปี จะได้ผลดีกว่าข้างนอกหลายเท่า สถานที่แบบนี้พบไม่มากนักในมหาโลกสามรกร้าง แต่ในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกมีอยู่ห้องหนึ่ง

ภายในห้อง อวี่เซวียนนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เหม่อมองฟ้ากระจ่างดาวนอกหน้าต่าง

ตรงหน้านางวางถาดรองเอาไว้อันหนึ่ง ภายในวางของเอาไว้สองสิ่ง หนึ่งคือ กลองป๋องแป๋ง นั่นคือของเล่นในวัยเยาว์ของนาง เดิมทีมีสองชิ้น แต่อีกชิ้นหายไป…..

ภายในถาดยังมีอีกชิ้นคือเศษหินสีดำ

หากซูหมิงอยู่ที่นี่จะต้องจำได้ในแวบแรกว่าเศษหินนี้คือ….ของแบบเดียวกับที่เคยได้จากเสี่ยวหงในอดีต

นั่นคือ…..เศษเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต!

ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม พันธมิตรเผ่าเซียนกำลังทำสงครามกับผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมอย่างดุเดือด สองฝ่ายที่กำลังรบกันใจสั่นสะท้าน แต่คนที่รู้สาเหตุแทบไม่มี

พวกเขาไม่รู้ว่ามหันตภัย….กำลังจะมาเยือนโลกแท้จริงดาราสัจธรรม พวกเขายังไม่รู้อีกว่าตอนนี้ตรงใจกลางพันธมิตรเผ่าเซียน ภายในพื้นที่เผ่าเซียน ลำแสงนั้นสว่างถึงขีดสุดแล้ว

นอกลำแสง ชายชราชุดคลุมดำยืนเอามือไพล่หลัง ไป๋เฟิ่งข้างกายมองลำแสงด้วยแววตาเฝ้าปรารถนา นางอยากขึ้นเป็นเซียน นี่คือสิ่งที่นางใฝ่ฝัน ยอมทำทุกอย่างเพื่อเรื่องนี้ได้

อีกด้าน ตี้เทียนกลับมาแล้ว เขามีสีหน้าตื่นเต้น เขารอวันนี้มานานมากๆ ตอนนี้ใกล้จะเกิดผลแล้ว ต่อให้เขาเคยมีฐานะผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังควบคุมอารมณ์ที่จะนึกถึงเรื่องผลประโยชน์หรือเสียประโยชน์ไม่ได้

เวลาผ่านไปช้าๆ เกิดเสียงดังสนั่นติดกันสองก้านธูป จนเมื่อมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทันใดนั้นมีเสี้ยวเงาหนึ่งลงมาจากที่

สูงภายในลำแสง ข้ามผ่านลำแสงนี้ด้วยความเร็วระดับตาเนื้อลงมาข้างล่าง

เห็นได้รางๆ ว่าเสี้ยวเงาที่ลงมาผ่านลำแสงนั้นคือคนหนึ่ง ตอนนี้ร่างบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลงไม่หยุด เหมือนกำลังข้ามมาจากอีกโลกหนึ่ง

แรงกดดันมหาศาลแฝงอยู่ในเสี้ยวเงานั้น ทั้งยังข้ามผ่านลำแสงกระจายออกมาอย่างรุนแรง กระทั่งมวลอากาศรอบๆ ยังเกิดเค้าลางพังทลายจากแรงกดดันนี้ ซ้ำยังมีพลังที่เหมือนแฝงไว้ด้วยการเปลี่ยนมิติขยายออกมา

ตี้เทียนหรี่ตาลง เขายืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่าเส้นผมกับอาภรณ์ถูกลมพัดดังพึ่บพั่บ ไป๋เฟิ่งหน้าขาวซีด จนนางถอยไปเรื่อยๆ เหมือนว่ากำลังฝืนต้านการแผ่กระจายของแรงกดดัน

“มีขั้นพลังที่แกร่งมาก” ไป๋เฟิ่งสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ

ชายชราชุดคลุมดำมีสีหน้าปกติ เอามือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้น เวลานี้ยิ้มเยาะ

“นี่ไม่ใช่ขั้นพลังเขา นี่คือพลังโลกที่เกิดจากการเสียดสีตอนข้ามผ่านสองโลก และนี่ยังเป็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น คนที่เพิ่งลงมาจะมีพลังโลกแบบนี้เหมือนกัน จนตอนออกมาจากลำแสงพลังโลกจะหายไป

ทว่าพูดถึงขั้นพลังจริงๆ ของเขา แกร่งกว่าที่เจ้ารู้สึกตอนนี้อีก….น่าเสียดายลำแสงเชื่อมสวรรค์ของมหาโลกสามรกร้างยังมีมลทินอยู่ มิเช่นนั้นหากพวกข้า แปดขั้วเต๋าส่งร่างจริงมาเยือนได้ มิใช่ใช้วิญญาณสร้างร่างขึ้นมาใหม่ก็คงจะดี”

“ซิงจี๋เต้า เจ้ากับข้าไม่ได้เจอกันนาน”

ทันทีที่ชายชราชุดคลุมดำกล่าว เสี้ยวเงาบิดเบี้ยวในลำแสงพลันมีแสงหม่นสองสายขยับวูบตรงส่วนศีรษะ เผยประกายคมกริบดุจเปิดดวงตาสองข้างมองชายชราชุดคลุมดำ

“จ่างจี๋เต้า ไม่ได้เจอกันแค่พันกว่าปี ก็เรียกว่าไม่ได้เจอกันนานได้แล้วรึ” เสียงไม่ได้แหบแห้งเหมือนชายชราชุดคลุมดำ แต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มลึก ตอนที่ดังแว่วมาเนิบๆ ไป๋เฟิ่งใจสั่นสะท้าน ก่อนถอยหลังไปอีกหลายก้าว

มีเพียงตี้เทียนที่ยังยืนมองลำแสงอยู่ตรงนั้น

“ท่านนี้คงจะเป็นสหายตี้เทียน” เสี้ยวเงาในลำแสงบิดเบี้ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น กลับให้ความรู้สึกเหมือนสมจริงขึ้นเรื่อยๆ สายตาข้างในเบนจาก ชายชราชุดคลุมดำไปมองตี้เทียน

“เป็นข้าเอง” ตี้เทียนยิ้มพลางตอบกลับ

ตอนนี้เอง เสี้ยวเงาในลำแสงพลันหยุดบิดเบี้ยวครู่หนึ่ง ก่อนมีศีรษะเส้นผมยาวปรากฏในลำแสง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หน้ำตาหล่อเหลายิ่ง สีหน้าเรียบเฉยแต่น่าเกรงขาม ดวงตาสองข้างเหมือนแฝงไว้ด้วยผืนฟ้า ภายใต้ดารานับไม่ถ้วนตัดสลับกันจึงเกิดเป็นตราประทับอักขระเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ชายชราชุดคลุมดำมองเสี้ยวเงาในลำแสง ซูหมิงก็มองอยู่เช่นกัน เขามองศีรษะที่โผล่มา ยืนยันได้แล้วว่าร่างเงาที่เคยเห็นผ่านคนชุดคลุมดำคนหนึ่งก่อนหน้านี้ก็คือเขา

แต่จิตสัมผัสซูหมิงสั่นไหว คนนี้กับคนที่เขาเห็นผ่านดวงตาคนชุดคลุมดำมีขั้นพลังต่างกันมากเกินไปราวฟ้าดิน แต่พอนึกถึงคำพูดชายชราชุดคลุมดำก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ยิ้มเยาะ ดูท่าคนที่มาจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเหล่านี้คงจะมาเยือนโดยคงร่างสมบูรณ์ไว้ไม่ได้ ต้องสร้างร่างขึ้นมาใหม่ แต่การสร้างร่างใหม่เหมือนกับร่างแยก ขั้นพลังจึงลดลงมาก ทว่าน่าจะช่วงเวลาหนึ่งก็จะฟื้นกลับไปทีละน้อย

เมื่อในลำแสงปรากฏศีรษะขึ้น ก็ค่อยๆ ปรากฏร่างกาย ร่างนั้นไม่ได้สวมเสื้อคลุม แต่เปลือยกายท่อนบนเหมือนกำลังงอกออกมาอย่างรวดเร็ว จนปรากฏตัวมาอย่างสมบูรณ์

นั่นคือร่างงดงามที่เด็กสาวเห็นแล้วยังต้องใจสั่น ไป๋เฟิ่งมองตาไม่กะพริบ ใบหน้ำเย็นชาไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ มันเกิดเป็นสีแดงเลือดฝาดตรงกันอย่างเหมาะเจาะ ทำให้ใบหน้านางงดงามยิ่งกว่าเดิม

“สหายงามท่านนี้ หรือว่าจะเป็นไป๋เฟิ่งแห่งสำนักหงส์?” ชายวัยกลางคนที่ร่างปรากฏออกมาจากในลำแสงแล้ว แต่สองมือกำลังงอกอย่างรวดเร็วยิ้มมองไป๋เฟิ่ง

“ไป๋เฟิ่งคารวะผู้อาวุโสซิงจี๋เต้า” ไป๋เฟิ่งก้มหน้าลงทันทีเป็นการโค้งตัวคารวะ

ขณะเดียวกับที่นางคารวะ ซิงจี๋เต้าในลำแสงรวมร่างกายออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาขยับไหวตัว พลันปรากฏเสื้อคลุมยาวสีฟ้าขึ้นบนตัว ร่างกายสูงยาวหัวไหล่กว้างทำให้เขาเต็มไปด้วยแรงดึงดูดรุนแรงอย่างน่าประหลาด

ชายวัยกลางคนเดินหนึ่งก้าวออกมาจากลำแสง ทันใดนั้นเองแรงกดดันรอบๆ หายไป เป็นอย่างที่ชายชราชุดคลุมดำว่าไว้ แรงกดดันก่อนหน้านี้มาจากพลังโลก ตอนนี้เมื่อพลังโลกหายไป ขั้นพลังเกิดหรือขั้นลึกล้ำนภาของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็แผ่กระจายมาจากตัวชายวัยกลางคน มีพลังพอๆ กับชายชราชุดคลุมดำ

ชายชราชุดคลุมดำยิ้ม ในตัวเขาปรากฏแสงสีดำขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นคือแสงแก่นยมโลก ถึงจะส่องแสงเพียงพริบตาเดียว แต่ก็ทำให้ซิงจี๋เต้าหรี่ตาแคบลง

“ดูท่าข้าคงมาช้าไปก้าวหนึ่ง เจ้าเอาแสงแก่นยมโลกนั่นไปแล้ว แต่เหมือนยังต้องบำรุงอีก” ซิงจี๋เต้าส่ายศีรษะ เขาไม่ได้ปกปิดความเสียดายในใจ ขณะกล่าวดวงตายังเผยประกายคมกริบ

“โลกสามรกร้างดึกดำบรรพ์ ทุกอย่างกำลังเติบโต สมบัติมหัศจรรย์ก็มักจะปรากฏขึ้น” ชายชราชุดคลุมดำพูดเรียบๆ

“เช่นนั้นครั้งหน้า…..” ดวงตาซิงจี๋เต้าขยับประกาย สายตามองชายชราชุดคลุมดำ

“ให้เจ้า” ชายชราชุดคลุมดำยิ้มน้อยๆ

ซิงจี๋เต้ายิ้มเช่นกัน รอยยิ้มกว้างมากขึ้น จนสุดท้ายหัวเราะเสียงดังพร้อมกับชายชราชุดคลุมดำ

“ในที่สุดก็ออกจากโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ข้าชอบที่นี่ ที่นี่ไม่มีแรงกดดัน ทุกอย่างที่นี่ช่วงชิงได้” ซิงจี๋เต้ามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าปลงอนิจจัง ก่อนยกมือขวาคว้าไปทางไป๋เฟิ่ง ไป๋เฟิ่งหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย เมื่อถูก ซิงจี๋เต้าคว้าตัวเอาไว้แล้ว เขาก็สูดลมหายใจดมตัวนำงไปเฮือกใหญ่

“สตรีในพวกป่าเถื่อนเหมาะจะเป็นหม้อหลอมอย่างยิ่ง แต่เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำเจ้าเป็นหม้อหลอม เจ้าเป็นของเขา อาจารย์เจ้าต่างหากที่เป็นของข้า” ซิงจี๋เต้ามองชายชราชุดคลุมดำ

ที่แววตาเป็นปกติมาตลอดแล้วยิ้มเล็กน้อย ก่อนปล่อยมือไป๋เฟิ่ง ไป๋เฟิ่งจึงรีบถอยไปหลายก้าวด้วยใบหน้าขาวซีด ตอนที่ยืนอยู่ข้างชายชราชุดคลุมดำโดยจิตใต้สำนึกนั้น ดวงตาซิงจี๋เต้าขยับประกายวาวแล้วมองไปทางตี้เทียน

“สหายตี้เทียน ข้ามาเยือนแล้ว มาพร้อมกับความประสงค์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน จะช่วยเจ้าแลกชีวิตเป็นเผ่ายมโลกอย่างสุดกำลัง รีบไปเอากายเนื้อนั้นมา แล้วส่งเข้าไปในลำแสงเชื่อมสวรรค์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน!”

ดวงตาตี้เทียนขยับวาววับ เขายกมือขวาขึ้นสะบัดไป ทันใดนั้นปรากฏ แท่นบวงสรวงยักษ์ขึ้น บนแท่นบวงสรวงมีกายเนื้อร่างจริงซูหมิงนอนอยู่!

ทันทีที่ปรากฏแท่นบวงสรวง มันก็พุ่งไปยังลำแสงแล้วหลอมรวมเข้าไปโดยพลัน ลอยอยู่กลางลำแสง ถูกแสงนับไม่ถ้วนโอบล้อม

ซูหมิงซ่อนตัวอยู่กลางอักขระ ถึงอักขระจะอยู่ในร่างชายชราชุดคลุมดำ แต่เขาก็ยังมองเห็นโลกภายนอก เขาเห็นภาพตอนไป๋เฟิ่ง แต่ในใจไม่มีความเจ็บปวดใดๆ มีเพียงความเฉยชา

หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว อีกฝ่ายเลือกเส้นทางทุกอย่างเอง การไล่ตามผู้แข็งแกร่งคือการเลือกของผู้อ่อนแอ ไม่มีถูกผิด

ขณะเดียวกันซูหมิงยังเห็นร่างจริงบนแท่นบวงสรวงหลอมรวมเข้าไปในลำแสง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใกล้กายเนื้อตัวเอง!

“ข้านำสมบัติล้ำค่าที่ท่านผู้สูงส่งหวนคืนหลอมมาเพื่อช่วยเจ้าแลกชีวิตโดยเฉพาะด้วย สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้จะทำให้เจ้ามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นสองส่วน รวมกับข้าและจ่างจี๋เต้า จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าได้อีกครึ่งส่วน

ส่วนโอกาสสำเร็จมีเท่าไรเจ้าก็คำนวณเอาเอง แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้ดี เจ้ามีโอกาส….ล้มเหลว หากล้มเหลว มีสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้อยู่วิญญาณเจ้าจะไม่ดับสูญไป แต่ก็เท่ากับว่าเจ้าเสียสิทธิ์ในการแลกชีวิตไป พวกเราจะหาคนอื่นมาทดลองต่อ” ซิงจี๋เต้ามองตี้เทียนด้วยสีหน้าจริงจัง

ตี้เทียนพยักหน้า ดวงตาแวววาวมองชายชราชุดคลุมดำ

ชายชราชุดคลุมดำกระแอมไอทีหนึ่ง

“มีแสงแก่นยมโลกของข้าระงับวิญญาณอยู่ จะเพิ่มโอกาสให้อีกสองส่วน”

‘เกือบแปดส่วน ข้ามีอัตราทั้งหมดเกือบแปดส่วนที่จะแลกชีวิตสำเร็จ! ถึงพวกเขาจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ลดไปสองส่วนแล้วก็ยังเหลือเกือบหกส่วน นั่นก็เพียงพอแล้ว!’ ดวงตาตี้เทียนเปล่งประกาย

“ฟังคำสั่งข้า หลอมรวมวิญญาณเข้าสู่ร่าง ปรับเปลี่ยนชีวิต พลิกจักรวาล ขอเชิญสมบัติล้ำค่าแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน!” ซิงจี๋เต้าตะโกนเสียงต่ำ ก่อนยกมือขวาขึ้น ชี้ลำแสง ทันใดนั้นแหวนสีขาววงหนึ่งลอยออกนิ้วมือตรงไปยังลำแสง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!