Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1138

ตอนที่ 1138 ชีวิตมีอะไรให้น่านึกถึง….

ขณะที่กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงแหลมดังกังวาน จิตใจซูหมิงเกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเหลือเชื่อกับทุกอย่างและยากจะเชื่อลงด้วย กระทั่งส่วนลึกในใจไม่อยากจะเชื่อ

เขาไม่อยากเชื่อว่ากายเนื้อของตน…..กายเนื้อที่คิดว่าเป็นของเขามาตลอดจะเป็น ศพชั่วช้าที่ถูกสร้างขึ้นจากพันล้านศพคน!

เขาไม่อยากเชื่อว่าซูเซวียนอีจะไม่รู้ทุกอย่าง และยังไม่อยากเชื่อว่า…..เหตุใด กายเนื้อร่างจริงตนถึงเป็นแบบนี้!

นี่โค่นล้มความทรงจำทุกอย่างก่อนหน้านี้ของเขาไป กลับตาลปัตรความคิดทั้งหมด ด้วยทักษะการตัดสินใจและสติปัญญาของเขา เวลานี้จึงเกิดความสับสน

ในความสับสนมีความขมขื่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีความเสียใจ มีความเจ็บปวดในใจที่ยากจะอธิบาย ราวกับหัวใจถูกขุดทั้งเป็น ประหนึ่งสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดกลับตาลปัตรกันในเวลานี้

ตั้งแต่รู้ว่าตนเป็นเพียงวิญญาณ รู้ว่าร่างจริงตนอยู่แดนเซียน การตามหาร่างจริง ก็แทบจะกลายเป็นความฝันครั้งหนึ่งในชีวิต

แต่ตอนนี้…ตอนที่เขาเข้าใกล้ร่างจริงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คำพูดกระเรียนขนร่วงเป็นเหมือนกับกระบองตีที่หัว ทำให้เขาใจสั่นไหว ทำให้เขา…ถูกฉีกออกราวกับวิญญาณและจิตแรก…

“เพราะเหตุใด…เพราะเหตุใด…” ซูหมิงพึมพำ

“รีบไปเร็ว สมควรตาย ซูหมิงเจ้าต้องรีบออกจากกายเนื้อบัดซบนั่น นี่ไม่ใช่ กายเนื้อเจ้า นี่คือกับดักมหึมาที่ถูกสร้างขึ้น รีบไปเร็ว!” กระเรียนขนร่วงพูดเสียงแหลม น้ำเสียงมีความร้อนรนและบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทว่าซูหมิงกลับเหมือนไม่ได้ยิน เขาไม่ไป เพราะเขาไม่เชื่อทุกอย่าง ไม่เชื่อว่าร่างจริงตนเป็นเพียงการลวงหลอก ภูเขาทมิฬเป็นของปลอมก็สร้างแรงปะทะใส่เขาสาหัสยิ่งแล้ว พอเวลาผ่านไป ในที่สุดบาดแผลจากการถูกฉีกด้วยแรงปะทะก็ค่อยๆ สมานรวม แต่ตอนนี้…

“หากแม้แต่ร่างจริงข้ายังเป็นของปลอม เช่นนั้นโลกนี้มีอะไรจริงบ้าง….ภูเขาทมิฬเป็นของปลอม ความรักของไป๋หลิงก็ปลอม สหายในวัยเยาว์ก็ปลอม อะไรคือความจริง….อะไรคือความจริง!” จิตแรกซูหมิงสั่นไหว เขาไม่เชื่อทุกอย่าง เขา…รับแรงปะทะที่หนักหนาที่สุดกระทั่งเหนือกว่าตอนภูเขาทมิฬไม่ไหว!

แต่เขารู้สึกชัดจากกายเนื้อนี้ว่ามีความแปลกตาซ่อนอยู่ในความคุ้นเคย ความคุ้นเคยนี้เหมือนกับถูกคนจงใจสร้างขึ้น อีกทั้งยังเปลี่ยนความทรงจำซูหมิง ทำให้ซูหมิงแน่วแน่ไม่สั่นคลอน ถึงขั้นไม่เคยสงสัยว่านี่…เป็นกายเนื้อจริงๆ ของเขาหรือไม่!

“เพราะเหตุใด….ทุกอย่างเป็นเพราะเหตุใดกันแน่!” จิตแรกซูหมิงเกิดอารมณ์เดือดพล่าน จิตสัมผัสเขาไม่สนใจเสียงเตือนแหลมเล็กอย่างบ้าคลั่งจากกระเรียนขนร่วง แต่หลอมรวมเข้าไปในกายเนื้อร่างจริงโดยไม่สนสิ่งใด หมายจะหาคำตอบที่เปลี่ยนภาพจำเขาก่อนหน้านี้ ให้เขาเข้าใจว่าทุกอย่างไม่ใช่ของปลอม แต่เป็นกายเนื้อเขาจริงๆ

หรืออาจพูดได้ว่าหาคำตอบของซูหมิง หาคำตอบที่ทำให้เขาถูกหลอก กระทั่งเขายังยอมถูกหลอกเอง

ครั้นจิตสัมผัสซูหมิงหลอมรวมเข้าไป ช่วงที่เขาในกายเนื้อร่างจริงไปสัมผัสกับใจกลางกายเนื้อ จิตสัมผัสเขาพลันเกิดระลอกคลื่นที่ระงับเอาไว้ไม่อยู่…..เพราะว่าเขารู้สึกชัดยิ่งถึงความแปลกตาในความคุ้นเคยตรงใจกลางกายเนื้อ

จนกระทั่งซูหมิงหาสาเหตุที่ทำให้เขาคุ้นเคยพบ นั่นคือตรงใจกลางกายเนื้อร่างจริงนี้มีโลหิตหยดหนึ่ง นั่นคือโลหิตสด มันอัดแน่นไปทั่วกายเนื้อ ทำให้เขาเกิดความคุ้นเคย

ซูหมิงฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว ด้วยสติปัญญาของเขาตอนนี้จะไม่เข้าใจคำตอบทุกอย่างได้หรือ ทว่าคำตอบช่างโหดร้ายยิ่งนัก โหดร้ายจนแม้แต่เขาซูหมิงยังรับไม่ไหว และเป็นตอนนี้เอง…..เขาเกิดความเหนื่อยล้าจนไม่อาจบรรยายราวกับหัวใจตาย ไปแล้ว

ชีวิตนี้เขาเหนื่อยมากแล้ว หากเพียงแค่เหนื่อยคงไม่เท่าไร แต่การลวงหลอกหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเหนื่อยจนถึงขีดสุดนานแล้ว หากมิใช่เพราะความหวังที่มีมารดา หากมิใช่เพราะยังมีซูเซวียนอีที่แม้เขาจะไม่รู้จัก แต่ก็ยังอยู่ในใจคนนั้น และหาก

มิใช่เพราะเขายังมีกายเนื้อร่างจริงที่ต้องตามหา เช่นนั้นเขา….คงหลับใหลไป ชั่วนิรันดร์ตั้งนานแล้ว

ทว่ายามนี้ความคิดพลิกกลับ ความฝันพังทลาย การลวงหลอกแต่ละครั้งทำให้ ซูหมิงขมขื่น เขาเหมือนจะร้องไห้ นั่นคือการร้องไห้ที่ไม่มีกายเนื้อ นั่นคือจิตแรกและวิญญาณเขากำลังร้องไห้

นั่นคือความเสียใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้แรงกดดันทุกอย่างมาไม่รู้กี่ปี เขาในเวลานี้เหมือนคนที่เศร้าโศกที่สุดในฟ้าดิน เพราะชีวิตเขาเหมือนไม่มีความจริงเลย

สับสนอยู่ลึกๆ ขมขื่นอยู่ลึกๆ เสียใจอยู่ลึกๆ กลายเป็นการเย้ยเยาะตัวเอง ขณะเย้ยเยาะตัวเองยังคล้ายกับว่าชีวิตเขาถูกเสียงหัวเราะเยาะกดดันน้อยลงเรื่อยๆ เพลิงแห่งชีวิตก็มอดดับลงเรื่อยๆ

เขา…เลือกหนีเป็นครั้งแรกในชีวิต…เลือกหลับตาลง เลือก…ยอมรับชะตาชีวิต…

เขายอมแล้ว หากทุกอย่างเป็นของปลอม เขายอมแล้ว หากยอมรับในโชคชะตาแล้วจะไม่ต้องเหนื่อยล้าขนาดนี้ เช่นนั้นก็จบชีวิตน่าหัวร่อของตนเสีย เขายอมแล้ว…

ถึงเขาจะมีพลังไม่ธรรมดา ถึงเขาจะมีจิตใจแน่วแน่และเคยผ่านประสบการณ์ที่คนมากมายไม่เคย ทว่าเขาก็ยังเป็นคนคนหนึ่ง เป็นคนธรรมดาๆ คนที่มีความเสียใจและถูกทำร้ายได้

“บัดซบ ซูหมิงเจ้าอยากตายรึ เจ้าจะยอมตายอยู่ที่นี่รึ? เจ้าจะยอมทิ้งอวี่เซวียนอย่างนั้นรึ? เจ้าจะยอมไม่ไปหาศิษย์พี่ของเจ้าแล้วรึ เจ้ายอมให้เป็นแบบนี้ได้รึ!” เสียงกระเรียนขนร่วงมีความร้อนรนและเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันติดตามซูหมิงมาตลอด ข้ามผ่านอุปสรรคหลายครั้งไปพร้อมกับเขา เคยผ่านอันตรายมาด้วยกันหลายครั้ง แต่ตอนนี้มันรู้สึกถึงกลิ่นอายมรณะจากซูหมิงอย่างชัดเจน

นั่นไม่ใช่กลิ่นอายมรณะที่เกิดจากการบาดเจ็บ แต่คือจิตวิญญาณตาย นั่นคือ กลิ่นอายมรณะเข้มข้นที่แผ่กระจายมาจากทั่วร่างเมื่อหมดหวังต่อชีวิตแล้ว

กลิ่นอายมรณะชนิดนี้ทำให้กระเรียนขนร่วงหวาดกลัว ทำให้มันเหมือนนึกถึง คนหนึ่งในความทรงจำที่มีความสำคัญต่อ

มันอย่างยิ่งแบบนี้คนหนึ่ง ท้ายที่สุดภายใต้กลิ่นอายมรณะอบอวล มันก็ได้แต่มองคนนั้นเสียจิตสำนึกไปทีละน้อย ค่อยๆ ….กลายเป็นรูปปั้น

จบชีวิต จบเค้าลางทุกอย่างในฟ้าดิน จบ….ตราประทับแห่งชีวิต

“ซูหมิง เจ้าทำแบบนี้มันคุ้มค่ารึ หากเจ้าตายที่นี่ หากเจ้าอยากตาย เจ้าก็จงไปสู้กับศัตรูจนตัวตาย ข้าจะสู้ตายไปพร้อมกับเจ้า! แต่เจ้ากลับอยู่ที่นี่ ละทิ้งชีวิต ละทิ้งทุกอย่าง เจ้าลืมอวี่เซวียนไปแล้วรึ!”

ชีวิตซูหมิงที่มอดดับลงทีละน้อย ยามนี้เหมือนเกิดการเต้นขึ้นทีหนึ่ง

“ไม่มีเจ้าแล้วใครจะปกป้องอวี่เซวียน ซูเซวียนอีสมควรตายนั่น เขาจะใช้ประโยชน์จากอวี่เซวียน เจ้ารู้หรือไม่ หากไม่มีเจ้านางจะทำอย่างไร ข้าเชื่อว่านางต้องตายแน่ ตายไปพร้อมกับเจ้า!”

จิตใจซูหมิงเกิดการเต้นขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าลืมศิษย์พี่สามแล้วรึ เจ้าหู่จื่อนั่น หากเขารู้ว่าเจ้าตาย เขาจะเสียใจขนาดไหน เขาจะคลุ้มคลั่ง เขาจะพลิกโลกสร้างฝันที่มีเจ้า! เพราะเจ้าคือศิษย์น้องเล็กของเขา!”

“เจ้าลืมศิษย์พี่รองแล้วรึ ย่ากระเรียนมันเถอะ ซูหมิง เจ้าก็รู้ว่าหากเจ้าตาย ศิษย์พี่รองจะเป็นอย่างไร เขาจะบ้าคลั่ง เขาจะเสียใจ นี่จะเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเขา! เพราะเจ้าคือศิษย์น้องเล็กของเขา

เจ้าลืมศิษย์พี่ใหญ่ไปแล้วรึ เขาไม่มีหัวแล้ว หรือเจ้าอยากให้เขาไม่มีหัวใจเพราะเจ้าด้วย!

ซูหมิง เจ้ามันบัดซบ เจ้าไม่อยากรู้คำตอบทุกอย่างรึ เจ้าไม่อยากหาคนที่ควบคุมชีวิตเจ้ารึ เจ้าไม่ควรตายตอนนี้ เจ้ามันขี้ขลาด เจ้ามันอ่อนแอ เจ้าทิ้งพวกเขา และยังทิ้งท่านกระเรียนผู้นี้ เจ้าเจ้าเจ้า….เจ้าอยากตายจริงๆ รึ เช่นนั้นท่านกระเรียนจะตายไปพร้อมกับเจ้า!” กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงเล็ก นัยน์ตามันฉายแววเศร้าเสียใจอยู่ลึกๆ มันพูดไม่หยุด แต่ในขณะที่มันพูดนั้น จิตใจซูหมิงเกิดการเต้นรัวขึ้นทีละนิด

จนกระทั่ง….กลิ่นอายมรณะของชีวิตเขาถูกแทนที่ด้วยความบ้าคลั่งอย่างรุนแรง ถูกความคิดแน่วแน่ที่แค้นต่อฟ้าดินและแค้นทุกอย่างในจักรวาลกระตุ้นขึ้นมา!

“ใช่ ต้องแบบนี้ จงไปหาความจริงของทุกอย่าง จงสังหาร สังหารจนจักรวาลเป็นสีเลือด สังหารจนแกร่งสุดในมหาโลกสามรกร้าง สังหารจนฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณต้องหวาดกลัว ต้องหนีไปอย่างบ้าคลั่ง!

ซูหมิง เจ้า…จะตายไม่ได้!”

ตอนนี้จิตแรกซูหมิงเกิดความคลุ้มคลั่งขึ้นมาถึงขีดสุด จิตสัมผัสเขาเกิดเสียงสนั่นนั่นราวเกิดคลื่นยักษ์ กลิ่นอายมรณะของเขาถูกแทนที่ด้วยความบ้าคลั่ง เขาหลับตาลง ก่อนถูกความคิดแน่วแน่ราวเกิดใหม่ค้ำยันให้ลืมตาขึ้น

วิญญาณเขาเหมือนเกิดใหม่ ตอนนี้เหมือนตื่นขึ้น ในเสี้ยวพริบตานี้ประหนึ่งว่า…..เกิดการผลัดเปลี่ยนจากยมโลก!

ความเจ็บปวดแล่นอยู่กลางวิญญาณเขา ทำให้ความบ้าคลั่งมากกว่าเดิม เขาไม่สนใจความเจ็บปวดจากการถูกฉีกใน

วิญญาณ ในเมื่อเขาลืมตาแล้ว เช่นนั้นเขาจะผงาดขึ้นกลางความเจ็บปวด

อีกทั้งเวลานี้ เขาเห็นว่าขณะอยู่ในความเจ็บปวดถูกฉีก วิญญาณเขาแตกออกโดยพลัน จากนั้นภาพที่ชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นซึ่งซ่อนอยู่ในวิญญาณก็ลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยความเจ็บปวดรุนแรง

เขาเห็นฟ้ากระจ่างดาวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เห็นกลุ่มคนนับไม่ถ้วนกำลังสังหารอย่างเสียสติ เห็นศพลอยอยู่เต็มไปหมด เห็นคนหลายร้อยคนแผ่กลิ่นอายพลังขั้นเกิด กระทั่งในนั้นมีบางส่วนแผ่แรงกดดันของขั้นดับกำลังปิดล้อมชายวัยกลางคนเส้นผมดำคนหนึ่ง

ชายวัยกลางคนคนนั้นในมืออุ้มเด็กทารกคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือดาบยาว รอบตัวเขามีศพนับไม่ถ้วน ทุกศพตอนยังมีชีวิตล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเกิด กระทั่งยังมีศพขั้นดับ!

ชายวัยกลางคนนั้นมีพลังลมปราณมหาศาล และยังมีจิตใจแน่วแน่ที่เหมือนว่าต่อให้ฟ้าดินถล่มทลายก็ไม่ยอมศิโรราบ เขาสังหารไปพลางเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง บนตัวเขามีบาดแผล

เหลือคณานับ ขั้นพลังกำลังอ่อนแอลงอย่างเร็วไว แต่กลิ่นอายพลังเขากลับมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!