Skip to content

สู่วิถีอสุรา 118

ตอนที่ 118 เมืองเขาหาน

“ที่ฟางมู่บอก ไม่ผิด…..เผ่าผู่เชียงเหมือนกับอูเซินจริงๆ ฝึกฝนด้วยพลังแห่งความตาย ทว่ามองดูแล้วอูเซินไม่อาจเทียบได้” ซูหมิงกล่าวพึมพำ ผ่านไปพักใหญ่จึงละสายตากลับ มองไปทางเมืองเขาหานห่างไกล ยืนขึ้นแล้วเดินลงไปทีละก้าวตามเส้นทางภูเขา มุ่งหน้าไปยังเมืองเขาหานขณะยามโพล้เพล้

“หากหลอมโอสถชิงวิญญาณได้จริงๆ จากนี้ไปข้าคงจะเหมาะกับฐานะหมานชั่วร้ายอย่างที่ผู้อื่นบอก…..” ยามโพล้เพล้ เงาซูหมิงถูกลากยาว ในนั้นมีความโดดเดี่ยว และยังแฝงไว้ด้วยความยึดมั่นและแน่วแน่

แสงตะวันยามโพล้เพล้อ่อนลง ส่องสว่างลงบนผืนดินเทือกเขาแห่งนี้ ซูหมิงมองตะวันลาลับหุบเขา เดินไปทางเมืองเขาหานแปลกตา

หากมองจากไกลๆ เมืองแห่งนี้ดูโออ่า ทว่าพอยามนี้เข้าใกล้กลับดูน่าตะลึงยิ่งกว่า ใช้ภูเขาเป็นเมือง มีความสูงระหว่างภูเขาเป็นอานุภาพ ก่อให้เกิดความรู้สึกกดดันมหาศาล ทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้เมืองล้วนสัมผัสจากตีนเขาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งหมอกสามกลุ่มที่โอบล้อมอยู่รอบเมืองยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม ด้วยเหตุฉะนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นพลังไม่ธรรมดา เมื่อมาถึงแดนแห่งนี้แล้วต้องอดตื่นตัวมิได้

ซูหมิงมองเมืองเขาหาน สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเป็นปกติ เขาก้าวเดินไปตามทางภูเขาเรื่อยๆ ภายในเมืองเขาหานมีขั้นบันไดกว้างใหญ่แปดทาง ประดุจพาทะยานขึ้นก็มิปาน มันเชื่อมกับแปดประตูเมืองตรงกลางภูเขา

หากคิดจะเข้าไปในเมืองนี้ ก็ต้องขึ้นบันไดภูเขา

แปดประตูมีเพียงสี่ประตูเปิดอ้ารับผู้อื่นจากต่างแดน ส่วนอีกสามบานสำหรับสามชนเผ่าผู้ครองเมืองแห่งนี้ หนึ่งบานที่เหลือเป็นเส้นทางสำหรับแขกพิเศษของทั้งสามชนเผ่า ความต่างเช่นนี้ก็เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทั้งสามชนเผ่า และเป็นที่ดึงดูดใจผู้แข็งแกร่งและแขกคนสำคัญของพวกเขา

ซูหมิงมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาเดินขึ้นบันไดธรรมดาไปอย่างเชื่องช้า เส้นทางบันไดตรงจุดนี้ไม่มีคนเฝ้า จนกระทั่งซูหมิงเดินมาถึงกลางเขา จึงเห็นประตูบานหนึ่งจากแปดประตูเมืองเขาหาน

ประตูเมืองบานนี้มีลักษณะโค้ง มีรูปปั้นหินยักษ์สูงราวสิบกว่าจั้งสองรูปตั้งอยู่ด้านข้าง พวกเขาเป็นชาวเผ่าหมาน ราวกับกำลังเข่นฆ่าโรมรัน แม้จะไม่เคลื่อนไหว ทว่ากลับมีจิตสังหารถาโถมใส่ใบหน้า

ประตูบานนี้ใช้รูปปั้นทั้งสองเชื่อมแขนสองข้างเป็นกรอบประตู ด้านบนยามนี้มีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเทากำลังพิงหลังนอนอยู่ ขาข้างหนึ่งห้อยลงแกว่งไกวตามใจ ตรงเอวเขาแขวนตราสีฟ้า ด้านล่างมีรอยสีแดง เขาหลับตาราวกับกำลังพักผ่อน ข้างมือมีน้ำเต้าสีดำ กลิ่นสุราฟุ้งกระจาย ราวกับสายลมก็ไม่อาจพัดเลือนหาย

ซูหมิงมองประตู แววตาเป็นกระกายวูบผ่าน นี่เป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็นตั้งแต่เกิดมา เขาจดจำรูปร่างของประตูบานนี้เอาไว้ ก่อนก้าวเดินผ่านประตูไป ในช่วงที่เขากำลังก้าวเข้าสู่เมืองเขาหาน มีเสียงเฉยเมยดังเข้ามา

“ท่านไม่รู้กฏรึ?”

คนที่กล่าวเป็นชายหนุ่มคนนั้น ยามนี้ลืมตา หยิบน้ำเต้าสีดำข้างกายขึ้นมากระดกดื่มหนึ่งครั้ง กวาดสายตาปรือมองซูหมิงแวบหนึ่ง เครื่องแต่งกายของซูหมิงทำให้เขาได้สติขึ้นมาเล็กน้อย

สีหน้าซูหมิงเรียบเฉย ในช่วงที่ชายหนุ่มกล่าว เขายกมือขวาขึ้นดีดนิ้ว พบว่ามีเหรียญหินสีขาวหนึ่งเหรียญลอยขึ้นไปตรงชายหนุ่ม เขาทราบจากฟางมู่นานแล้วว่าการจะเข้าเมืองเขาหาน ทุกคนต้องจ่ายเหรียญหิน อีกทั้งหากเป็นเวลาพักก็ต้องจ่ายแพงขึ้น

ชายหนุ่มรับเหรียญหิน แล้วโยนตราสีเทาให้ ก่อนเอนหลังแบบเดิม ดื่มสุราในน้ำเต้าแล้วพักผ่อนต่อ

เมื่อรับตรามาแล้ว ซูหมิงจึงห้อยไว้ตรงเอว ตราจะแบ่งออกเป็นสีดำ แดง และขาวรวมสามสี นอกจากชาวเผ่าทั้งสามแล้ว ผู้อื่นใช้ไม่ได้ แขกคนสำคัญเป็นสีฟ้า และจะเพิ่มอีกหนึ่งสีเพื่อแบ่งตามชนเผ่า

ส่วนคนทั่วไปจะเป็นสีเทา ไม่มีความมันวาวใดๆ หากสีอ่อนลงก็เท่ากับว่าอยู่ในเมืองไม่ได้แล้ว เว้นแต่จะจ่ายเหรียญหินเพื่อต่อเวลา มิเช่นนั้นแล้วหากยามรักษาการณ์ตรวจพบจะถูกลงโทษ นอกจากนี้คนทั่วไปส่วนใหญ่ต้องนำเหรียญตราแขวนไว้ตรงจุดที่มองเห็นได้ชัดอย่างตรงเอว

ซูหมิงยังคงเงียบขรึม แขวนตราสีเทาเดินผ่านประตูเข้าไปในเมืองเขาหาน มีเสียงดังเอะอะลอยกระทบใบหน้า ราวกับแบ่งเป็นสองโลกกับนอกประตู ในจุดนี้ทำให้ซูหมิงแปลกใจเล็กน้อย

ผู้คนในเมืองเขาหานมีจำนวนมาก ภายในเมืองที่สร้างจากยอดเขาแห่งนี้ มีร้านค้ามากมาย ดูเจริญรุ่งเรือง บ้านเรือนเหล่านั้นล้วนสร้างขึ้นจากหินภูเขา เมืองหินโคลนไม่อาจเปรียบได้

ซูหมิงเดินอยู่ในเมืองเขาหาน สอดส่องไปรอบตัว ทุกอย่างในนี้ล้วนแปลกตา ความเจริญ เสียงเอะอะ ราวกับเข้าไม่ได้กับความเงียบขรึมของเขา

อาคารบ้านเรือน ร้านค้าจำนวนมาก กระทั่งยังมีสิ่งก่อสร้างใหญ่ยักษ์สูงสิบกว่าจั้ง ผู้คนเดินถนน เขาแทบไม่เห็นใครสวมเสื้อหนังสัตว์ อย่างน้อยสุดก็ต้องสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ อีกทั้งยังมีสีสันหลากหลาย มีหลายคนที่สวมเสื้อเหมือนกับเขา เป็นเสื้อคลุมโด่งดังและล้ำค่าอย่างเห็นได้ชัด

“มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองหินโคลนราวสิบเมือง” ซูหมิงเดินอยู่บนถนนในเมืองเขาหานอย่างสงบนิ่ง กวาดสายตามองผู้คนสัญจรไปมา

“คนธรรมดาในนี้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นนักรบหมาน…อีกทั้งขั้นพลังยังไม่ธรรมดา”

ขณะเดิน ซูหมิงสังเกตไม่หยุด ไม่นานท้องฟ้าเริ่มมืด ทว่าความคึกคักกลับไม่ลดลง ด้วยประสบการณ์ในเมืองหินโคลนร่องลม บวกกับข้อมูลจากฟางมู่ แม้ว่าซูหมิงจะมาเมืองเขาหานเป็นครั้งแรก ทว่าก็ไม่ได้มึนงงจนเกินไป แต่เลือกสังเกตหาสถานที่จากที่ได้ยินมาจากฟางมู่ มันเป็นโรงเตี๊ยมสำหรับผู้มาจากต่างแดนโดยเฉพาะ

ยามนี้ภายในโรงเตี๊ยมคึกคักยิ่งนัก ซูหมิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา เมื่อเข้ามาแล้วกวาดสายตามอง ด้านในมีโต๊ะเก้าอี้จำนวนมาก เขาจึงเดินไปหาที่ว่างอย่างสงบนิ่ง เมื่อนั่งลงแล้วมีคนตรงเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

พอพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยค ซูหมิงก็เข้าใจที่นี่มากขึ้น เมื่อจองห้องพักแล้วจึงสั่งอาหารมาทานเล็กน้อย ทั้งยังสั่งสุราเหมือนโต๊ะส่วนใหญ่ข้างๆ นั่งอยู่อย่างนั้นมองไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังขบคิด

ทว่าหูของเขากำลังฟังเสียงสนทนาของผู้คนรอบตัว ประโยคเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์กับเขา แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่สนทนาถึงเรื่องยิบย่อยในเมือง

“เร็วๆ นี้อีกสองสามเดือนเมืองเขาหานน่าจะคึกคักกว่านี้ ผู่เชียง เหยียนฉือ และบูรพาสงบสามชาวเผ่า ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้เพิ่มสิ่งน่าสนใจเพื่อดึงดูดแขกพิเศษ”

“เจ้ามานี่ได้ไม่นานคงจะไม่รู้ สามชนเผ่ารบราชิงดีกันเองภายใน พวกเขาจะสร้างสิ่งน่าสนใจเพื่อดึงดูดแขกพิเศษตลอด อยากจะเป็นเหมือนเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น”

“แต่ว่านี่ก็ถือเป็นโอกาสของพวกเรา ได้ยินมาว่าเผ่าเหยียนฉือเลือกสตรีในเผ่าสิบคน และใช้วิธีแต่งงานเพื่อดึงดูดแขก เป็นที่รู้กันดีว่าสตรีเผ่าเหยียนฉือมีส่วนช่วยในการฝึกฝนของพวกเรา ครั้งนี้เผ่าเหยียนฉือลงทุนจริงๆ”

“น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่ขั้นชำระล้าง มิเช่นนั้นแล้วผลประโยชน์คงมากมาย ข้าได้ยินว่าตอนท่านเสวียนหลุนเข้าร่วมเผ่าผู่เชียงในตอนนั้น เผ่าผู่เชียงมอบเทวรูปหมานให้!”

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซูหมิงนั่งอยู่ตรงนั้น การดื่มสุราทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มันมีรสเผ็ดยิ่งนัก ทำให้เขาไม่คุ้นชินอย่างมาก ทว่าดื่มไปดื่มมากลับเกิดความรู้สึกดี จึงค่อยๆ ปรับตัวได้

เขาทราบดีว่าทุกอย่างที่นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับตน ฉะนั้นหลังจากเข้าเมืองมาแล้ว จึงสังเกตและตั้งใจฟังมาโดยตลอด ยามนี้เขานั่งอยู่ที่เดิมมาเกือบสองชั่วยามแล้ว ทัองฟ้าด้านนอกเป็นสีดำมืด เมืองเขาหานกลับมีแสงไฟเชื่อมไปทุกที่ แม้แต่ในโรงเตี๊ยมก็ยังมีแสงไฟสว่างจากเชิงเทียนด้านบน

เขาดื่มไปพลาง ฟังเสียงสนทนาจากคนรอบข้างไปพลาง ความเข้าใจในเมืองเขาหานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

‘ฟางมู่เคยบอกเป็นนัยบ่อยครั้งว่า หากข้าเข้าร่วมเป็นแขกพิเศษของเผ่าบูรพาสงบจะมีผลประโยชน์ให้มากกว่านี้ และจะทำตามทุกเงื่อนไข การดึงดูดแขกพิเศษเช่นนี้ต้องมีสาเหตุบางอย่าง’

ซูหมิงเม้มปากดื่มสุรา พลางฟังเสียงสนทนารอบตัวอย่างเงียบๆ จนกระทั่งยามเที่ยงคืนผู้คนเริ่มน้อย ขณะกำลังจะยืนขึ้นเพื่อกลับห้องไปพักผ่อน สีหน้าพลันเปลี่ยน ก่อนหยิบสุราขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

ยามนี้มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก เขาเป็นชายฉกรรจ์อายุราวสามสิบปี แตกต่างจากคนรอบข้าง สาเหตุที่ซูหมิงไม่ยอมลุกขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเขาคนนี้สวมเสื้อหนังสัตว์

ตั้งแต่ซูหมิงเข้ามาในเมืองเขาหานวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเสื้อที่คุ้นเคย ใบหน้าชายฉกรรจ์ขาวซีดเล็กน้อย ขมวดคิ้วเป็นปม หลังจากเดินเข้ามาแล้วก็นั่งโต๊ะห่างจากซูหมิงค่อนข้างไกล สั่งสุรามาดื่มเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูลังเล และยังแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก

‘อย่างต่ำเขาน่าจะอยู่ลำดับสิบขั้นรวมโลหิต กระทั่งอาจทะลวงถึงขีดสุดของขั้นรวมโลหิต ห่างจากขั้นชำระล้างเพียงก้าวเดียว’ ใบหน้าซูหมิงเรียบเฉย แม้ชายฉกรรจ์จะไม่เผยพลังโลหิต ทว่าแรงกดดันกลับทำให้ซูหมิงสัมผัสได้อย่างชัดเจน

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ชายฉกรรจ์ดื่มสุราเข้าไปหลายอึก ไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าความร้อนรนในแววตากลับเด่นชัดขึ้น กระทั่งบางครั้งยังแหงนหน้ามองบานประตู ราวกับกำลังรอใครสักคน

แต่เวลาผ่านไปจนเหลือแค่เขากับซูหมิง แม้แต่คนต้อนรับยังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ สีหน้าชายฉกรรจ์ดูผิดหวัง หลังจากกวาดสายตามองซูหมิงแวบหนึ่งแล้ว จึงดื่มสุราต่ออย่างเงียบๆ สีหน้าลังเลใจค่อยๆ กลายเป็นเด็ดขาด

ซูหมิงไม่อยากล่วงเกินด้วยสายตา จึงยันกายขึ้นแล้วเดินไปยังลานด้านหลัง จากการสังเกต เขาเข้าใจที่นี่อย่างถ่องแท้ ทราบดีว่าด้านหลังเป็นห้องพักสำหรับแขกต่างแดนโดยเฉพาะ อีกอย่างเขาจองห้องพักไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงที่เดินไปเหมือนมีลมพัดผ่านมาจากประตู แสงไฟจากเชิงเทียนจึงพลันกะพริบอ่อนแสง

ขณะเดียวกัน มีสตรีสวมเสื้อขาวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ดูแล้วอายุยังไม่มาก บนใบหน้ามีผ้าขาวหนึ่งชั้น ทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างของนางที่ราวกับท้องฟ้าประกายดาว มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!