Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1180

ตอนที่ 1180 วิหารเหล่าเทพ 2

‘สมควรตาย เหตุใดเขายังตามมาได้อีก!’นัยน์ตาร่างแยกกลืนนภาเผยจิตสังหาร เขาเดินอยู่ในพายุหมุนด้วยสีหน้าทะมึนทึบ พายุหมุนถาโถมใส่ร่างเขาจนเริ่มเจ็บแล้ว

เขารู้ว่าตนอยู่ในพายุได้ไม่นานนัก ด้วยระดับความแกร่งของร่างกายตนจะยืนหยัด ได้สักระยะ แต่หากนานไป เขาจะมีจุดจบอนาถนาแบบเทพโบราณตนนั้น

เดิมทีเขาคิดว่าสลัดซูหมิงหลุดแล้วโดยการบีบเส้นสีเงินออก ซูหมิงก็จะตามรอยมาไม่ได้อีก หาไม่พบจนต้องล้มเลิกไป นี่จะมอบเวลาให้เขามากพอ แต่เขาไม่นึกเลยว่าซูหมิงที่ไม่มีเส้นสีเงินนำทางแล้วกลับเข้ามาใกล้ตนขึ้นเรื่อยๆ

ร่างแยกกลืนนภามีสีหน้าทะมึนทึบ หลังเปล่งเสียงในลำคอแล้วผ่านไปไม่ถึง ครึ่งก้านธูป เขาพลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง มวลอากาศในพายุหมุนข้างหลังเกิดการบิดเบี้ยวก่อนมีร่างเงาหนึ่งเดินออกมา พายุหมุนที่ขวางอยู่ตรงหน้าร่างแยกกลืนนภากับร่างเงานี้ฉีกออกจากการที่ร่างเงานี้ยกมือขวาขึ้น พายุหมุนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตามด้วยร่างเงานั้นเดินผ่านพายุหมุนแตกสลายมา เผยเป็นร่างซูหมิงที่ไล่ตามมา

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ร่างแยกกลืนนภาของข้า” ซูหมิงเหมือนรู้ความคิดร่างแยกกลืนนภา เมื่อเดินออกมาแล้วก็เอ่ยเสียงเรียบพลางยกมือขวาขึ้นชี้ไป

“เคลื่อนย้ายภูผา!” สิ้นเสียงผืนฟ้าเกิดเสียงดังอึกทึก พายุหมุนสั่นสะท้านพร้อมกัน ตามด้วยภูเขานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบตัว นี่คือการลงมือของเขา เป็นหนึ่งในไม่กี่อภินิหารที่แกร่งที่สุดของเขา

ร่างแยกกลืนนภาหน้าเปลี่ยนสี เขาถอยไปพร้อมด้วยดวงตารวดเร็วและดุดัน แล้วยกมือขวาขึ้นชี้อากาศไปเช่นกัน

“เคลื่อนย้ายภูผา!” อภินิหารแบบเดียวกัน วิชาแบบเดียวกัน ซูหมิงใช้โดยพลังเขา แต่ร่างแยกกลืนนภาใช้โดยพลังจากร่างกาย

ที่ต่างกันคือซูหมิงเรียกยอดเขาเป็นพันเป็นร้อยลูกออกมารอบตัว แต่ร่างแยกกลืนนภาปรากฏภูเขามายาลูกเดียวนอกตัวเขา นั่นคือการใช้ร่างกายเป็นภูเขาเพื่อต่อต้านวิชาของซูหมิง

นัยน์ตาซูหมิงเป็นสมาธิ เขาไม่แปลกใจที่ร่างแยกกลืนนภาใช้วิชาเคลื่อนย้ายภูผาได้ แต่ที่เขาแปลกใจคือวิชานี้เปลี่ยนไปเมื่ออยู่ในมืออีกฝ่าย นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เข้าใจ

“ดูท่าเจ้าคงไม่ได้แค่มีจิตสำนึกขึ้นเอง แต่ยังได้โชควาสนาเล็กน้อยด้วย” ซูหมิงพูดอย่างเย็นชาพร้อมลดมือขวาลง พริบตาเดียวยอดเขานับไม่ถ้วนซึ่งแฝงไว้ด้วยพลังทั้งหมดของเขาก็พุ่งไปหาร่างแยกกลืนนภา

ยามนี้ร่างยอดเขานอกตัวร่างแยกกลืนนภารวมออกมาอย่างสมบูรณ์กลายเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งเข้าปะทะกับยอดเขาจากโดยรอบ เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ยอดเขาทั้งหมดระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะทางร่างแยกกลืนนภา เมื่อยอดเขา นอกตัวเขาแตกออก เขากระอักเลือด แต่มือขวากลับยกขึ้นตบหน้าอกตัวเองทีหนึ่ง

เมื่อตบไป เขาเงยหน้าเปล่งเสียงคำราม ร่างกายแห้งเหี่ยวลงในชั่ววูบเดียว ระหว่างที่ซูหมิงหรี่ตาลง ร่างกายเขาเหมือนเปลี่ยนไป ซูหมิงเห็นกับตาว่าร่างแยก กลืนนภากลายเป็น…หงส์งูเพลิงยักษ์ตัวหนึ่ง!

ร่างกายมหึมา มีแสงหลากสี หงส์งูเพลิงตัวนี้พลันพุ่งทะลวงผ่านอากาศ ใช้ความเร็วเหนือกว่าก่อนหน้านี้บินไกลออกไป

เห็นมันจะหนีไปแล้ว ซูหมิงจึงแค่นเสียงหึเย็นชา แล้วยกมือขวาขึ้นทำสองนิ้วเป็นมีดฟันลงไปพร้อมกับเดินหน้า

“เคล็ดวิชาสังหารเทพ!”

วิชาสังหารเทพคือความเข้าใจแห่งกฏชะตา ตอนนั้นที่เขายังไม่บรรลุถึงขั้นชะตาก็ใช้วิชานี้ได้แกร่งมากแล้ว ตอนนี้ควบคุมชะตาส่วนนอกได้ แน่นอนว่าวิชานี้จะต้อง น่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม

อันดับแรกที่เขาตัดคือกฏรอบตัว จากนั้นถึงจะใช้พลังที่กำหนดเป้าไว้แล้วว่าต้องโดน ท่ามกลางเสียงดังสนั่น หงส์งูเพลิงจากร่างแยกกลืนนภาที่หนีไปไกลเปล่งเสียงร้องโหยหวน ร่างมันแตกออก แต่ยังไม่ถึงขั้นแหลกเป็นเสี่ยงๆ มันยังคงห้อทะยานหนีไปโดยไม่สนสิ่งใด แต่จากนั้นอภินิหารระลอกที่สามจากวิชาสังหารเทพหรือก็คือแรงสั่นสะเทือนตามเข้ามา ครั้งนี้เกิดเสียงดังอึกทึกยิ่งกว่าเดิม ทำให้ร่างหงส์งูเพลิงแตกกระจายออก เนื้อตัวเป็นแผลเหวอะ ก่อนกลับมาเป็นร่างแยกกลืนนภาอีกครั้ง ใบหน้าเขาซีดขาว ทว่าก็ยังมุดหนีหายไปในอากาศ

หากเป็นผู้ฝึกฌานคนอื่น เจอกับวิชาสังหารต่อเนื่องกันของซูหมิงแบบนี้คงต้องตายแน่ๆ แต่ถึงอย่างไรร่างแยกกลืนนภาก็มีร่างกายแข็งแกร่งที่แม้แต่ซูหมิงในยามนี้ยังไม่มี ความแกร่งของร่างกายนี้มากพอจะเดินทางไปพายุหมุนได้ แน่นอนว่าไม่มีทางถูกสังหารง่ายขนาดนั้น

“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าน่าจะนึกถึงจุดนั้นอยู่ใช่หรือไม่!” ซูหมิงยิ้มเยาะ เขาไม่คิดจะจับร่างแยกกลืนนภาในครั้งนี้ เพราะพูดได้ว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจร่างแยกนี้มากที่สุด รู้ว่ายากจะจัดการกับร่างกายอีกฝ่าย ดังนั้นถึงบอกกับหู่จื่อไปก่อนหน้านี้ว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ทว่าความจริง หากเขาจะสังหารร่างแยกกลืนนภาก็ไม่ยาก แต่เขาไม่ต้องการสังหาร แต่เป็นยึดร่างครั้งที่สอง

ตอนนี้เขาขยับวูบไหวตัวไล่ตามร่องรอยไปอีกครั้ง

‘ยิ่งเจ้าบาดเจ็บหนักเท่าไร ก็ยิ่งเดินทางในพายุหมุนไม่ได้ ครั้งหน้าที่ไล่ตามทัน ข้าจะจับเจ้า!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาพุ่งทะลวงผ่านพายุหมุนด้วยความเร็วสูงยิ่ง

‘สมควรตาย สมควรตาย…ในตัวข้าจะต้องมีร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้อยู่อีกแน่’ ร่างแยกกลืนนภาหน้าซีดขาวยิ่ง และยังมีความทะมึน อภินิหารสองครั้งจาก ซูหมิงก่อนหน้านี้ทำให้เขาบาดเจ็บหนัก หากไม่ใช่เพราะถูกล่าสังหารอยู่ เขาคงหาที่พักรักษาแล้ว

โดยเฉพาะวิชาสังหารเทพตอนท้ายของซูหมิง ทำเอาร่างกายเกือบถูกฟันขาด นี่ยิ่งส่งผลให้เขาบาดเจ็บหนักยิ่ง ก่อนหน้านี้เดินทางในพายุหมุนเพียงแค่รู้สึกเจ็บเล็กน้อย และก็รู้ว่าจะอยู่นานไม่ได้ ทว่าตอนนี้เดินทางในพายุหมุน เขาไม่ได้รู้สึกแค่เจ็บตรงผิวหนังแล้ว แม้แต่ในร่างกายยังสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ กลางพายุหมุน เขาเข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของตนส่งผลให้ความสามารถในการต่อต้านพายุหมุนอ่อนลงเรื่อยๆ ทำให้เขาเดินทางในพายุหมุนได้ในเวลาที่น้อยลง

อีกทั้งซูหมิงจะต้องคิดใช้วิธีนี้บีบเขาจนถึงทางตันแน่…ร่างแยกกลืนนภา ห้อเหยียดไปด้วยดวงตาวาววับ โดยเฉพาะตอนที่สังเกตเห็นว่าซูหมิงข้างหลังใช้ การเคลื่อนย้ายพริบตามาอยู่ใกล้ตน ดวงตาเขามีความบ้าคลั่ง

‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่สนใจความผูกพันในอดีต!’ ร่างแยกกลืนนภาขยับวูบไหวตัวเปลี่ยนทิศทางไป เขาไม่ทะยานไปข้างหน้าอีก แต่ต้านพายุหมุนไปทางขวา

‘ธูปสวรรค์เปิดจิต ไม่เพียงให้ข้ามีสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังให้ข้าสูบความทรงจำจากผู้ฝึกฌานในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจำนวนไม่น้อยในตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ จากในวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ด้วย ในนั้นเอ่ยถึงสามแดนลึกลับในโลกแท้จริงดารา สัจธรรม แดนลับที่สามนอกจากแดนมรณะหยินกับวงแหวนอาคมธูปสวรรค์แล้วก็คือ ยันต์กดตะวัน!

ฟ้ากระจ่างดาวที่นั่นมืดมิดตลอดปี จิตสัมผัสขยายออกจากตัวไม่ได้ ผู้ฝึกฌานอยู่ที่นั่นจะเท่ากับถูกผนึกสัมผัสทั้งห้า กระทั่งพลังยังถูกยับยั้งเอาไว้

ซูหมิง ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะกินเจ้ากลางฟ้าของยันต์กดตะวัน ต่อให้กินไม่ได้ จิตสัมผัสก็ต้องถูกจำกัด พลังในร่างกายถูกยับยั้ง ข้าอยากนักรู้ว่าเจ้าจะหาข้าเจอได้อย่างไรอีก!’ ร่างแยกกลืนนภามีสีหน้าดื้อรั้น หลังเปลี่ยนทิศทางแล้วก็ มุ่งหน้าไปยังยันต์กดตะวันซึ่งห่างจากที่นี่ไปราวห้าวัน

‘เจ้ากับข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่บุญคุณความแค้น แต่คืออิสระ! มีแต่ต้องสังหารเจ้าเท่านั้นข้าถึงจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง จากนี้ไปข้าก็คือซูหมิง!’ ร่างแยกกลืนนภาหน้าเหยเกย ขณะห้อเหยียดยังกังวลว่าจะถูกซูหมิงไล่ตามมาทันก่อนระหว่างทาง จึงต่อสู้ดิ้นรนกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงกัดฟัน ร่างเกิดเสียงดังสนั่น ผิวหนัง ทั่วร่างเขาเป็นสีแดงฉานพร้อมกัน ผิวหนังค่อยๆ หลุดออกทีละแผ่นจนเผยเป็น เลือดเนื้อสีโลหิต

ขณะเดียวกันเลือดเนื้อเหล่านี้หดตัวลงอีกครั้งราวกับว่าจะหายเข้าไปในกระดูก ความเจ็บปวดไม่อาจบรรยายทำให้เขากัดฟันและคลุ้มคลั่งขึ้นมา

‘เจ็บปวด มีแต่ความเจ็บปวดถึงขีดสุดเท่านั้นถึงทำให้ข้ากระตุ้นศักยภาพทั้งหมดในร่างกายออกมาได้!’ เขากัดฟันมุ่งหน้าไปยังยันต์กดตะวัน ความเร็วพลันเพิ่มขึ้นไม่มีสิ้นสุด อีกทั้งระหว่างทาง เลือดเนื้อของเขาที่ส่งความเจ็บปวดมายังค่อยๆ ซึมเข้าไปในกระดูก ดูแล้วยากจะอธิบายเล็กน้อย แต่ความจริงนี่คือวิชาต้องห้ามที่ให้กระดูกอยู่ข้างนอก ให้เลือดเนื้ออยู่ภายใน

‘วิชากระดูกสร้างเนื้อ นี่คือวิชาต้องห้ามที่ข้าสัมผัสได้จากในวงแหวอาคม ธูปสวรรค์ มันจะกระตุ้นจิตใต้สำนึกเพื่อให้ความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่าได้ในช่วงเวลาสั้นๆ’ ใบหน้าร่างแยกกลืนนภาไม่ใช่ใบหน้าอีก แต่เป็นกระดูกขาว ภายในกระดูกขาวเป็นเลือดเนื้อกลุ่มหนึ่ง ดูแล้วไม่ใช่คนอีก แต่สิ่งที่แลกกลับมาคือความเร็วที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าในพริบตา ชั่ววูบเดียวก็ทิ้งห่างจากซูหมิงที่ไล่ตามมาข้างหลังไป

ขณะซูหมิงไล่ตามก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเป็นประกายวาวพลางสังเกตเห็นความเร็วของร่างแยกกลืนนภาเหนือความคาดหมายของตน แทบพริบตาเดียวก็ใกล้จะหลุดออกจากพื้นที่ที่สังเกตเห็นได้แล้ว

ซูหมิงกระโดดลอยขึ้นพร้อมใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุอย่างไม่ลังเล ครั้นส่งจิตสื่อสารไปแล้วก็มีเสียงคำรามดังก้อง ร่างย่วนเว่ยปรากฏกายขึ้น หลังมันหลับใหลมา กลิ่นอายพลังก็แกร่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ทว่าพลังไม่ใช่จุดเด่นของมัน แต่สิ่งที่ชำนาญมากที่สุดคือความเร็ว

เมื่อย่วนเว่ยปรากฏกาย ซูหมิงก็ขึ้นบนยืนบนหลังมัน ชั่ววูบเดียวก็ข้ามผ่านมวลอากาศไล่ตามร่างแยกกลืนนภาไป

ร่างแยกกลืนนภาหนีไปโดยใช้วิชาลับ ส่วนซูหมิงอาศัยย่วนเว่ยไล่ตามไป สามวันต่อมา ร่างแยกกลืนนภาพุ่งเข้าไปกลางฟ้าอันมืดมิด

ฟ้ามืดมิดแห่งนี้ไม่มีพายุหมุน คล้ายกับว่าพายุหมุนหลอมรวมเข้าสู่ที่นี่จนกลายเป็นความมืดมิดเหมือนกัน ผืนฟ้าแห่งนี้ดูใหญ่ยักษ์มาก ราวกับทะเลสีดำซ่อนแสงสว่างและทุกอย่างเอาไว้ภายใน

ชั่วยามที่สามหลังร่างแยกกลืนนภาเข้ามาในผืนฟ้ามืดมิด ร่างย่วนเว่ยเผาไหม้ปรากฏกายขึ้น มันไม่หยุดแม้แต่น้อย แต่ยังคงพาซูหมิงพุ่งเข้าไปในฟ้ามืดมิด

ตอนที่ย่วนเว่ยเข้ามาในฟ้ามืดมิด ซูหมิงยืนอยู่บนหลังย่วนเว่ย สายตามองผืนฟ้ามืดมิดด้วยดวงตาวาววับ

‘มาแดนแห่งยันต์กดตะวันอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ การสังหารร่างแยกกลืนนภาก็ไม่ยาก จะยากก็ยากที่ต้องยึดร่างรอบสอง แต่ที่นี่ก็เป็นจุดที่ยึดร่างที่ดี’ ซูหมิงยิ้มมุมปาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!