Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1188

ตอนที่ 1188 การคาดเดาในสี่สมัย

“ในสามลมหายใจ สิ่งมีชีวิตเศษซากที่ล้มเหลวในการยกระดับวิญญาณอย่างพวกเจ้าจงไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

“ผู้ใดกล้าไม่ปฏิบัติตาม ข้าจะไปสังหารยันวิหารสยบวิญญาณ ทำลายล้างฐานะวิญญาณของพวกเจ้า ให้กายวิญญาณพวกเจ้าสูญสิ้นไป!”

เสียงแก่ชราแฝงไว้ด้วยความบ้าอำนาจดังกึกก้อง ไม่เพียงแค่ร่างเงาสีแดงรอบๆ กระเด็นถอย แม้แต่หมอกแดงรอบๆ ยังสั่นไหวและม้วนถอยไปเป็นชั้นๆ

เพียงสองลมหายใจ ในระยะแสนจั้งไม่มีร่างเงาสีแดงปรากฏอีก ต่อให้เป็นวิหารใหญ่บนฟ้ายังอ่อนแสงและเงียบไป ทุกอย่างกลับมาสงบเงียบ ขนาดหมอกแดงไกลๆ ยังเหมือนเกิดสีขาว คล้ายว่าจะกลายเป็นสีขาวก่อนเวลา

ซูหมิงยืนอยู่ภายในปากถ้ำ ดวงตาเขาขยับวาววับอย่างเร็วไวต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น สีหน้ายังตกตะลึงและลังเลใจ เขายืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ข้างหูยังคงดังก้องไปด้วยคำพูดแก่ชรา

ซูหมิงไม่ขยับ รอบตัวก็เข้าสู่ความเงียบอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงใดดังแว่วมาอีก ราวกับว่าซูหมิงอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำให้เสียงที่เรียกตัวเองว่าเผ่าวิญญาณสวรรค์สนใจแม้แต่น้อย

‘ยกระดับวิญญาณล้มเหลว…วิหารสยบวิญญาณ…เผ่าวิญญาณสวรรค์’ ผ่านไป ครู่หนึ่ง ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาหันไปมองตรงส่วนลึกของถ้ำแวบหนึ่ง หลังตรึกตรองชั่วครู่แล้วก็ยังไม่เข้าไป แต่เดินออกจากปากถ้ำมายืนอยู่นอกปากถ้ำ ยืนอยู่ตรงกลางยอดเขาสีขาว สายตามองทอดไกล

เขาเห็นว่าหมอกไกลๆ กำลังเปลี่ยนไปอย่างเร็วไว สีขาวเข้ามาแทนที่เกือบครึ่งแล้ว อีกไม่นานหมอกแดงในโลกนี้ก็จะหายไป ถูกสีขาวเข้ามาแทนที่และจะสงบไปอีก เจ็ดวัน

‘ร่างเงาสีแดงเหล่านี้รวมถึงศพแห้งถือหอกกระดูกนั่น เดิมทีพวกมันอยู่ที่นี่ เป็นสิ่งที่ล้มเหลวในการยกระดับวิญญาณ…เช่นนั้นในเมื่อมียกระดับวิญญาณล้มเหลว ก็ต้องมีเลื่อนชั้นสำเร็จอย่างแน่นอน…

ยกระดับวิญญาณ…หรือว่าเทพบรรพชนกับบรรพชนวิญญาณที่ว่าเหล่านั้นก็คือคนที่ยกระดับวิญญาณสำเร็จ?’ ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นคำพูดของอวี้โหรวที่เอ่ยกับตนตอนอยู่บนดาวทมิฬในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

ในตำนานกล่าวว่าตอนที่ฟ้าดิน จักรวาลและฟ้ากระจ่างดาวยังเป็นอากาศธาตุสลัว สิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่กำเนิดถูกเรียกว่า….เทพบรรพชน

เทพบรรพชนสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น ดังนั้นถึงมีหมื่นเผ่าพันธุ์ มีทุกสรรพสัตว์

ทุกสรรพสัตว์เลื่อมใสเทพบรรพชน ในกาลเวลายาวนาว ในหมื่นเผ่าพันธุ์ ที่เลื่อมใสเทพบรรพชนค่อยๆ ปรากฏสิ่งมีชีวิตที่ได้รับพลังของเทพบรรพชนขึ้นจำนวนหนึ่ง พวกเขาถูกเรียกว่าบรรพชนวิญญาณ

เกิดมหันตภัยที่ไม่ทราบแน่ครั้งหนึ่ง เหล่าวิญญาณต่างหลับใหล ไม่ว่าจะเป็น เทพบรรพชนหรือคนที่เลื่อมใสได้เป็นบรรพชนวิญญาณล้วนไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยครั้งนี้

เมื่อมหันตภัยดำเนินไป หมื่นเผ่าพันธุ์เสื่อมลง ไม่แยกย้ายก็สูญสิ้นไป จนกระทั่งสูญหายไป ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไรหลังมหันตภัย ไม่มีเทพบรรพชนและก็ไม่มีบรรพชนวิญญาณ ทว่าผู้คนเห็นฟ้าเปลี่ยนแปลง เห็นฟ้าดินและดวงดาว พวกเขารู้สึกถึงกฏและเชื่อมกับวิชาการฝึกฝนที่ยังหลงเหลืออยู่ในกาลเวลาเล็กน้อยได้อีกครั้ง จึงค่อยๆ สร้างออกมาเป็นระบบใหม่

ระบบที่ให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ ให้ระดับชีวิตสูงขึ้น ในกาลเวลา ผู้โดดเด่นในกลุ่มคนที่ฝึกระบบนี้ล้วนถูกเรียกว่าวิญญาณชนรุ่นหลัง

แต่จนถึงตอนนี้วิญญาณชนรุ่นหลังหายากยิ่ง และยิ่งเป็นเพราะเผ่าพันธุ์นับ ไม่ถ้วนแยกย้ายและสืบสายเลือดกัน คนที่ฝึกฝนจึงถูกเรียกว่าผู้ฝึกฌาน ซึ่งแท้จริงตามคำเรียกโบราณแล้วคือผู้ฝึกฌานชนรุ่นหลังวิญญาณ

นี่คือคำอธิบายของอวี้โหรวต่อซูหมิง และก็เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงได้รู้จักความหมายของคำเรียกเทพบรรพชน บรรพชนวิญญาณ วิญญาณชนรุ่นหลังและชนรุ่นหลังวิญญาณสี่คำนี้

พอซูหมิงได้ยินคำอธิบายแบบนี้แล้วก็เกิดความตกใจขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขาคิดว่านั่นเป็นเพียงอีกคำอธิบายหนึ่งจากเผ่าในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่เล่าต่อให้ ผู้ฝึกฌานฟัง ซึ่งยังไม่ครบถ้วน

แต่จนถึงตอนที่ซูหมิงอยู่โลกแท้จริงดาราสัจธรรมและได้เจอกับบรรพชนแห่งทะเลเต๋า จนกระทั่งเขาได้เห็นร่างเงาสีแดงรวมถึงแดนกำเนิดเหล่าเทพในตำนานของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาสังเกตเห็นถึงคำพูดสำคัญอยู่หลายคำในคำพูดชายชรา มันทำให้เขาใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

‘ผู้ฝึกฌาน ตามคำอธิบายของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแล้วคือผู้ฝึกฌานแห่งชนรุ่นหลังวิญญาณ…ถึงอย่างไรทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาโลกสามรกร้าง จะเป็นได้หรือไม่ว่า…มหาโลกสามรกร้างก็ผ่านมาสี่สมัยแล้ว อย่างเช่น ซุ่ยเฉินจื่อ เอ้อชางและผู้เฒ่าเมี่ยเซิง พวกเขาเป็นเพียงคนที่อยู่ในสมัยหนึ่งหรือไม่ก็มาจาก ข้างนอก

สี่สมัยนี้ นอกจากสมัยชนรุ่นหลังวิญญาณในตอนนี้แล้ว อีกสามสมัยฝังอยู่ในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์แล้ว มีเพียงข้อมูลเล็กน้อยที่ถูกสืบทอดต่อมา…อีกอย่าง ด้วยความที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตเก่าแก่และยังคงมีเผ่าพันธุ์ดำรงอยู่ในสภาพเดิม มาตลอด ที่นั่นจึงมีข้อมูลของสี่สมัยที่ค่อนข้างครบถ้วน’ ซูหมิงเงียบ นัยน์ตาฉายแววขบคิด ยิ่งคิดลงลึกเข้าไปเท่าไรก็ยิ่งตกใจ

เพราะเขาพลันนึกถึงคำถามข้อหนึ่ง นั่นคือระหว่างผู้ฝึกฌานยอดฝีมือของ มหาโลกสามรกร้างกับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน เห็นๆ อยู่ว่ามีขั้นพลังเหมือนกัน ก็น่าจะสู้กันอย่างสูสี แต่พอสู้กันแล้ว ภัยพิบัติตะวันของโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกลับเอาชนะขั้นชะตาของมหาโลกสามรกร้างได้ กระทั่งเหมือนว่ายังกล้าสู้กับขั้นเกิดด้วย

นี่มีความต่างแบบใดกันแน่ถึงไม่สอดคล้องกันแบบนี้ ก่อนหน้านี้ซูหมิงสงสัยใน ข้อนี้มาตลอด และก็เคยคิดว่าเป็นเพราะมหาโลกสามรกร้างค่อนข้างดึกดำบรรพ์ เลยสู้กับระบบการฝึกฝนของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่รู้กี่ปีไม่ได้

ถึงขั้นที่ซูหมิงยังเคยคิดอิจฉาต้นกำเนิดที่เป็นศูนย์กลางการฝึกฝนของโลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน!

โลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนฝึกฝนต้นกำเนิด โลกเงามืดรุ่งอรุณฝึกลูกกลอนภายใน หลังจากรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว ซูหมิงเคยแอบถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่ามหาโลกสามรกร้าง ฝึกอะไร ไม่มีผู้นำ เขาผู้สับสนเคยอยากฝึกพลังแห่งต้นกำเนิดตามโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวนคืน ความจริงเขาก็เดินหน้าไปหลายก้าวในด้านนี้แล้วจริงๆ แต่เขาไม่มีวันลืมเลยว่าตอนนั้นระหว่างฝึกอยู่ใต้วิหารในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ภายในแดนมายาของบรรพชนแห่งทะเลเต๋า ตอนที่บรรพชนแห่งทะเลเต๋าวิเคราะห์คำว่าต้นกำเนิด แม้น้ำเสียงจะดูปกติ ทว่าซูหมิงก็ยังเข้าใจความหมายคร่าวๆ จากในคำพูดเขา

เหมือนกับว่า…ในสายตาบรรพชนแห่งทะเลเต๋า ต้นกำเนิดมันง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อนแม้แต่น้อย ง่ายจนเพียงตรึกตรองชั่วครู่ก็ช่วยซูหมิงให้รู้สึกถึงการคงอยู่ของ ต้นกำเนิดแห่งการสั่นสะเทือนนั้นแล้ว ต้นกำเนิดไม่ลึกลับ เป็นเพียงหลักการทั่วไปง่ายๆ ขอเพียงเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็จะใช้ได้

ซูหมิงลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกาย ความสงสัยและลังเลในใจตอนแรก ยามนี้หลังได้ยินคำสำคัญหลายคำจากในเสียงแก่ชรานั้นแล้ว คำสำคัญเหล่านี้เป็นดั่งกุญแจ ชั่ววูบเดียวก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นการคาดเดาในความคิดที่แม้จะดูบ้ามาก แต่เขาก็ยังเชื่ออยู่หลายส่วน

‘ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกฌานของมหาโลกสามรกร้างไม่แกร่ง แต่เป็นเพราะผู้ฝึกฌานของมหาโลกสามรกร้างตอนนี้คือ ผู้ฝึกฌานในสมัยที่สี่ พวกเขาเสียระบบการฝึกฝนใน อดีตไป เลยต้องเปลี่ยนใหม่…แต่โลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน บางทีอาจจะเพิ่งผ่านไปไม่ กี่สมัย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า…แม้ระบบการฝึกฝนพวกเขาจะเป็นระดับผู้ฝึกฌานเหมือนกัน แต่ก็สมบูรณ์แบบกว่ามหาโลกสามรกร้าง ดังนั้นเลยเกิดความต่างกัน แบบนี้

สมัยที่สี่คือยุคของชนรุ่นหลังวิญญาณ เช่นนั้นก็คาดเดาได้ว่าสมัยที่สาม คือสมัยของวิญญาณชนรุ่นหลัง แต่วิญญาณชนรุ่นหลังมองจักรวาลเปลี่ยนแปลง มองฟ้าดินและดวงดาว รู้สึกถึงกฏและเชื่อมกับวิชาการฝึกฝนในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ในกาลเวลาเล็กน้อย จนค่อยๆ สร้างออกมาเป็นระบบการฝึกฝนใหม่

ระบบที่ให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ ให้ตัวเองยกระดับชีวิต ในสมัยที่สามผู้คนฝึกฝนระบบนี้ และถูกเรียกว่าวิญญาณชนรุ่นหลัง

ในสมัยนั้นมีซุ่ยเฉินจื่อ มีเอ้อชาง มีผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ความรุ่งเรืองในสมัยนั้นน่าจะต่อกรกับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณได้…ถึงแม้ว่าศักยภาพโดยรวมจะยังไม่พอ ทว่าในด้านกำลังรบของผู้ฝึกฌานน่าจะสูสีกัน

ทว่าสมัยที่สามล่มสลายลง พวกซุ่นเฉินจื่อตายตกไป เอ้อชางหลับใหล ดังนั้นจึงเกิดสมัยที่สี่ขึ้น สมัยนี้ผู้ฝึกฌานอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะพวกเขาเพียงแค่ฝึกฝนวิชาที่หลงเหลือจากสมัยที่สาม ฉะนั้น…แม้ขั้นพลังจะแกร่งมาก แต่ในด้านกำลังรบก็เทียบกับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณไม่ได้

อีกอย่างการล่มสลายของสมัยที่สาม บางที…อาจเป็นเพราะเพลงกลอนของ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!’ ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกรางๆ ว่าถึงตนจะคาดเดาได้ไม่แม่นยำ เต็มสิบ แต่ก็ต้องใกล้เคียงกับความจริงแน่

เขาลมหายใจกระชั้นและคาดเดาต่อไป สมัยที่สองคือยุคของบรรพชนวิญญาณ เป็นการแยกกับสมัยที่สามอย่างสมบูรณ์ ถึงขนาดที่การฝึกฝนยังต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ผู้ฝึกฌานในสมัยที่สองคือคนที่กราบไหว้เทพบรรพชนในสมัยแรกเลยได้รับ พลังแก่กล้าอย่างยิ่งมา พวกเขาค่อยๆ โดดเด่นขึ้นในกลุ่มชนเผ่า และถูกเรียกว่า บรรพชนวิญญาณ ในยุคสมัยที่เทพบรรพชนตกต่ำ พวกเขานำพาชาวเผ่าของตนสร้างความรุ่งเรือง…

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความตกต่ำและล่มสลายของสมัย การล่มสลายครั้งนั้นกลบทุกอย่างของพวกเขาไป

‘เทพบรรพชน…บรรพชนวิญญาณ…มีโอกาสสูงมากที่บรรพชนแห่งทะเลเต๋าจะเป็นบรรพชนวิญญาณจากสมัยที่สอง เพียงแต่เขายังมีชีวิตอยู่!’ ดวงตาซูหมิงเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่ายิ่งตนวิเคราะห์ต่อไปมากเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากเท่านั้น

‘ดังนั้น บรรพชนแห่งทะเลเต๋าจึงศึกษาผู้ฝึกฌานกับวิญญาณโบราณแห่งโลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนได้ตามอำเภอใจ กระทั่งยังเลียนแบบอภินิหารต่างๆ หลังจาก พวกเขาตายไปแล้วได้ออกมาในแดนมายา รวมถึง…ต้นกำเนิดซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบการฝึกฝนของโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน…

จากจุดนี้จะเห็นได้ถึงความแกร่งของบรรพชนวิญญาณของสมัยที่สอง!’

‘ถ้าอย่างนั้น…การใช้งานของวิหารเหล่าเทพ แล้วก็การยกระดับวิญญาณล้มเหลวจากในคำพูดของชายชราคนนั้นก็จะมีคำอธิบายอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือในวิหารเหล่าเทพมีการสืบทอดที่ให้ผู้คนในสมัยที่สองกลายเป็นบรรพชนวิญญาณอยู่!’ ซูหมิงตัวสั่น ขณะที่ตกตะลึงกับการคาดเดาของตัวเอง ตรงส่วนลึกในใจเขาพลันปะทุความปรารถนาอย่างรุนแรง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!