Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1191

ตอนที่ 1191 สามเผ่าสามรกร้าง

“ในตัวเจ้ายังซ่อนดวงจิตเอาไว้ดวงหนึ่ง เป็นบรรพชนที่โชคดีรอดจากมหันตภัย แต่หลังจากแตกสลายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ตอนนี้เหลือมาเพียงเศษ มีจิตสำนึกของวิญญาณอยู่เล็กน้อย แต่ก็มัวหมองใกล้จะมอดดับ

นั่นน่าจะเป็นบรรพชนวิญญาณบางคนของเผ่าดินทราย” ชายชรามองซูหมิง แวบหนึ่ง มองมาแวบเดียวเหมือนมองทะลุร่างกายเขา มองเห็นความลับทุกอย่างภายใน ตอนที่เสียงดังก้อง ใจซูหมิงสั่นสะท้าน แต่ไม่เผยมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย

หลังจากเห็นใบหน้าชายชราแห่งเผ่าวิญญาณสวรรค์ผู้ลึกลับท่านนี้แล้ว ซูหมิงฝังความตื่นตัวไว้ในก้นบึ้งหัวใจ สีหน้าเขาก่อนหน้านี้ก็ดี หรือตอนนี้ก็ดี ความจริงที่แสดงสีหน้าออกมาก็เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขามองเห็น

ถึงอย่างไรคนที่ไม่เผยอารมณ์ออกมาจริงๆ ก็มักจะถูกหยั่งเชิงออกมาได้ง่ายมาก และก็เป็นที่ระวังของคนอื่นด้วย ดังนั้นหากอยากจะซ่อนเอาไว้ก็ต้องใช้การลวงหลอก ใช้มันปกปิดการเปลี่ยนแปลงในใจ

ซูหมิงรู้ว่าคนที่ชายชราพูดถึงคือวิญญาณแห่งดินทราย คนที่เรียกตัวเองว่า เทพบรรพชนแต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงบรรพชนวิญญาณ คำพูดชายชรายังทำให้ความสงสัยอย่างหนึ่งตอนนึกถึงบรรพชนแห่งทะเลเต๋าในใจเขาก่อนหน้านี้คลายออกด้วย

ตอนที่เขานึกถึงบรรพชนแห่งทะเลเต๋าก่อนหน้านี้ ในใจก็เคยปรากฏร่างเงาของวิญญาณแห่งดินทรายและเกิดความลังเลขึ้น ตอนนี้มาดูแล้ว วิญญาณแห่งดินทรายไม่ใช่เทพบรรพชนอย่างที่เรียกตัวเองจริงๆ แต่เป็นเพียงบรรพชนวิญญาณเท่านั้น

บรรพชนวิญญาณดินทรายคนนี้หลับใหลมาตลอด ซูหมิงก็ไม่ได้เรียกอีกฝ่าย เพราะเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าหากเรียกบรรพชนวิญญาณดินทรายแล้วจะเกิดเหตุไม่คาดคิดที่ไม่ต้องการตนแล้วหรือไม่

“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกว่าผู้เยาว์มีกลิ่นอายพลังของเผ่านอก…” ซูหมิงรู้ว่าบางทีตนไม่ควรเริ่มถามก่อน แต่ควรมองข้ามมันไปเสีย หรือไม่ก็หากอีกฝ่ายไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องสำหรับการทำข้อตกลงกับอีกฝ่าย

แต่ซูหมิงก็ยังถาม หากไม่ไขทุกอย่างให้กระจ่าง โชควาสนาที่ว่านี้จะมีโอกาส สูงมากที่เขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างเงาสีแดง กลายเป็นพวกไร้มาตรฐานที่ล้มเหลวในการยกระดับวิญญาณ

“ข้าอยากรู้ว่าเผ่านอกที่ว่าคือเผ่าใด?” ซูหมิงมีสีหน้าปกติ สายตามองชายชราพลางถามขึ้นช้าๆ

สิ้นคำถามเขา ดวงตาชายชราพลันมีประกายคมกริบและเย็นชา เขาจ้องซูหมิง อยู่นานก็ยังไม่ตอบ

ซูหมิงเองก็เงียบ แต่จ้องชายชรานิ่งๆ ถึงพลังเขาจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ถึงชายชรา คนนี้จะสังหารตนได้อย่างง่ายดายยิ่ง แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น ก็ยังไม่ทำให้ซูหมิงเสียความกล้าในการมองอีกฝ่ายไป

“เผ่านอก…แน่นอนว่าเป็นเผ่าเงามืดและก็เผ่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคือเผ่านอกสำหรับทุกเผ่าสามรกร้างของเรา!” ผ่านไปชั่วประเดี๋ยว ชายชราถึงตอบกลับเสียงเย็นชา

ซูหมิงดวงตาขยับประกายวาว คำพูดชายชราแฝงไว้ด้วยข้อมูลใหญ่ยิ่ง

“มหาโลกสามรกร้าง เรียกว่าสามเพราะเหตุนี้รึ?” ซูหมิงถามต่อทันที

ชายชรามองซูหมิงด้วยสีหน้ามีความหมายลึกซึ้ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองข้างบนด้วยสีหน้าเหมือนปลงอนิจจัง

“เจ้าเห็นประวัติศาสตร์โบราณบางส่วนที่ข้าเป็นคนบันทึกเอาไว้แล้วใช่หรือไม่ ก็ดี ตอบรับข้อตกลงของเรา ข้าจะบอกทุกอย่างกับเจ้า นั่นคือเรื่องที่ฝังอยู่ในอดีต เป็นเรื่องราว…ที่ข้าประสบมาด้วยตัวเอง” ชายชราตอบกลับนิ่งๆ น้ำเสียงผ่านโลก มานาน ดังก้องอยู่ภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยกระดูกราวกับสายลมแห่งกาลเวลาพัดผ่าน

ซูหมิงเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งดวงตาขยับวาววับแล้วพยักหน้าช้าๆ

“ผู้เยาว์ยอมรับข้อตกลงของผู้อาวุโส แต่ผู้เยาว์ต้องการคำอธิบายอย่างกระจ่าง!”

“สามรกร้าง ที่เรียกว่าสามเป็นเพราะยุคสมัยโบราณ ตอนที่เทพบรรพชนสร้างจักรวาลของทุกสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ในฟ้าดินมีอยู่สามเผ่า สามเผ่านี้คือ เงามืด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และรกร้าง!

สามเผ่านี้ล้วนมีชนเผ่าของตัวเองอยู่จำนวนมาก” ชายชรามีสีหน้าหวนคะนึงคิด เสียงลอยล่องราวกับยืดยาวมาจากกาลเวลาที่ไม่รู้ว่าเมื่อใด

“เช่นนั้นแคว้นอู๋โบราณ สู่โบราณและเว่ยโบราณแห่งมหาโลกสามรกร้าง…” ซูหมิงถามต่อ

“ข้าไม่รู้จักแคว้นโบราณที่เจ้าว่า แต่ข้ารู้ว่าทุกเผ่าของเงามืดดำเนินมาจนถึง ช่วงปลายของสมัยเทพบรรพชน ชนเผ่าทั้งหมดของพวกเขาถูกเรียกรวมกันโดย เทพบรรพชนพวกเขาว่า…อู๋!

ขณะเดียวกัน เผ่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเรียกโดยเทพบรรพชนว่าสู่

และเผ่ารกร้างของเราก็คือเว่ยที่เจ้าพูดถึง!” ขณะที่เสียงชายชราดังกังวาน แม้ซูหมิงจะมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ คำพูดชายชราไขข้อสงสัยของเขาออก แต่ขณะเดียวกันยังทำให้เขานึกถึงท่านชายเทียนอู๋ที่เขาพบตอนอยู่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

ถึงยอดฝีมือคนนั้นจะสิ้นชีพในเตาหลอมลำดับห้า แต่ซูหมิงก็ยังไม่ลืมที่อีกฝ่ายกระตุ้นสายเลือดอู๋โบราณในการต่อสู้กันช่วงสุดท้าย อีกทั้งตอนที่เขานึกเชื่อมไปถึงตอนที่ร่างอีกฝ่ายเป็นตะขาบใหญ่ ความคิดในหัวพลันเปิดโล่ง

สายเลือดเงามืดรุ่งอรุณฝึกฝนภาวะภายใน ความจริงคนจากฝ่ายนี้เหมือนผู้ฝึกฌาน แต่แท้จริงแล้วแปลงมาจากตัวประหลาดหลากชนิด จุดนี้เหมือนกับท่านชายเทียนอู๋ทุกประการ!

“ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่ใช่เผ่าเงามืดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเรียกตัวเองว่าเงามืด รุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน…” ซูหมิงเพิ่งเอ่ยถึงตรงนี้ก็เงียบไป สายตามองชายชรา

ชายชราเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งถึงถอนหายใจเบา

“ระหว่างเทพบรรพชนก็มีฝ่ายเหมือนกัน…ถ้าไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงปรากฏอู๋สู่เว่ย…แต่ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ในเคราะห์ภัยที่มาเยือนอย่างกะทันหันซึ่งตอนนั้นข้ายังไม่รู้แต่ตอนนี้รู้บ้างแล้วนั้น พวกเขา…ส่วนใหญ่สิ้นชีพไป

สมัยที่เหล่าเทพตกต่ำ มรดกถูกตัดขาด บรรพชนวิญญาณผงาดขึ้นและมีน้อยมาก วิหารใหญ่แห่งการสืบทอดแตกหัก ความโหดร้ายต่อคนที่ล้มเหลวในการยกระดับวิญญาณ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดมหาสงครามระหว่างสามฝ่ายขึ้น

มหาสงครามครั้งนี้ เว่ยหายไป เผ่ารกร้างที่เป็นตัวแทนเว่ยกระจายจากกัน ทว่าอู๋กับสู่ก็จ่ายไปในราคาสาหัส มหาสงครามครั้งนั้นหมายถึงจุดสิ้นสุดของยุคชนเผ่าหลังสมัยเทพบรรพชนสิ้นสุดลง และก็หมายถึงว่าสามรกร้างไม่เหมาะจะคงอยู่ครบทุกเผ่าอีก ดังนั้นในเผ่าอู๋กับสู่ นอกจากชาวเผ่าส่วนน้อยที่เลือกอยู่ต่อแล้ว ชาวเผ่าจาก สองเผ่าที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ออกจากมหาโลกสามรกร้าง ต้องไปหาที่ที่เหมาะกับการสร้างที่อยู่อาศัยพวกเขา

จนกระทั่งผ่านไปหลายปี มีเจ้าหนูคนหนึ่งบุกเข้ามาที่นี่ มาแตะต้องผนึกของที่นี่ ข้าเลยตื่นขึ้นจากการหลับใหล ข้าตรวจความทรงจำเจ้าหนูคนนั้นก่อนตาย เลยรู้ว่าหลังจากสมัยชนเผ่าก็ปรากฏสมัยที่สามขึ้น ปรากฏเก้าโลกแท้จริง และข้ายังรู้จัก เงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจากในความทรงจำเขาอีกด้วย…” ชายชรากล่าวถึงตรงนี้ก็มองซูหมิง

ซูหมิงเงียบ ความจริงทุกอย่างทำให้ในใจเขาสั่นสะท้านและก็ยืนยันการคาดเดาของเขา เพียงแต่ว่าแม้จะเดาออกส่วนใหญ่ แต่ส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณที่ยังไม่รู้ก็ยังทำให้เขายากจะสงบใจลง

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าขั้นพลังเหมือนกัน แต่กำลังรบต่างกันถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็แบบนี้เอง…’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาพลันขยับประกายวาว

“วิหารเหล่าเทพถูกสร้างร่วมกันโดยเทพบรรพชนของสามเผ่าหรือว่า…”

“สร้างโดยเทพบรรพชนของเผ่าเว่ยของข้า ขณะเดียวกัน ในอู๋กับสู่ก็มีของคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน” ชายชราตอบกลับช้าๆ

“เช่นนั้นผู้เยาว์มีคำถามสุดท้าย อู๋ก็ดี สู่ก็ดี แล้วก็เว่ยของพวกเรา เทพบรรพชนที่สร้างสิ่งเหล่านี้เป็นใครกันแน่ พวกเขามาจากที่ใด พวกเขา…เหตุใดถึงสร้างจักรวาลที่นี่ สร้างสามเผ่าขึ้น!” ขณะเดียวกับที่ซูหมิงถามขึ้น ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นตอนอยู่ภูเขาทมิฬ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มทึ่มทื่อบนภูเขาทมิฬ กำลังอ่านประโยคหนึ่งที่บรรยายไว้ในตำราหนังสัตว์เกี่ยวกับตำนานเผ่าหมาน

‘เผ่าหมานมีบรรพบุรุษ เบิกสวรรค์สร้างสายเลือด…’

‘ที่แท้ ตำนานก็ไม่ใช่เพียงตำนาน คำพูดนั้นที่ดูเหมือนปกติและให้ข้าคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล มัน…คือความจริง!’ ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสีติดกันหลายครั้ง สายตามองชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ตรงหน้า

“บางที…ก่อนหน้าสมัยของเทพบรรพชนอาจจะมียุคสมัยใหญ่อยู่” ชายชราเงียบไปชั่วขณะก่อนถอนหายใจเบา ภายในเสียงถอนหายใจแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมานาน เมื่อใครได้ยินแล้วจะรู้สึกเหมือนวิญญาณมีฝุ่นละอองเกาะ

“สิ่งมีชีวิตในยุคนั้น ขั้นพลังพวกเขาเหนือกว่าจินตนาการพวกเรา พวกเขาแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ภายใต้เคราะห์ภัยที่ไม่ทราบครั้งนั้น ทั้งยุคสมัยล่มสลายลง มีบางส่วนที่เหลือรอด พวกเขาสร้างสามรกร้างขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีพ้นชะตา พวกเขาเลยต้องสิ้นชีพไป

ข้าก็เคยคิดแบบเดียวกับที่เจ้าถาม ข้าไม่คาดเดาว่าพวกเขามาจากที่ใด แต่ข้านึกถึงตัวเอง ข้ากำลังคิดว่าหากข้ามีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแต่ละ ยุคสมัย จนกระทั่งวันหนึ่งมหาโลกสามรกร้างที่พวกเขาอยู่ก็ดี ฟ้ากระจ่างดาว กว้างใหญ่ข้างนอกก็ดี หากถูกทำลายล้างจากมหันตภัยที่ไม่อาจต่อต้าน…

หากข้ายังรอดไปได้ ข้าจะทำอย่างไร…หากเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?” ชายชราพูดพึมพำ

“ข้าจะใช้ความสามารถของข้าสร้างจักรวาลขึ้นอีกแห่ง…ให้เกิดมรดกสืบทอดต่อไป ให้ตราประทับไม่ถูกลบหายไป….” ซูหมิงใจสั่นไหว เขามองชายชราตรงหน้า ชายชราก็มองเขาเช่นกัน ซูหมิงเข้าใจว่าชายชราพูดขึ้นเพื่อให้เขาตอบ

“ข้าไขข้อสงสัยให้เจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามคำสัญญา ทำข้อตกลงกับข้า ข้าจะให้โอกาสในการยกระดับวิญญาณแก่เจ้า และเจ้า…หากสำเร็จ จะต้องใช้พลังของวิหารเหล่าเทพย้อนกลับไปในอดีตเพื่อหยุดข้าที่เสียสติสังหารชาวเผ่าตัวเอง ต่อให้หยุดไม่ได้ก็ต้องฝังเอาไว้จุดหนึ่งที่นั่น จุดที่ให้ข้าย้อนกลับไปในอดีตได้นับครั้งไม่ถ้วน!” นัยน์ตาชายชราฉายแววบ้าคลั่งด้วยความยึดมั่น เขาจ้องซูหมิงตาเขม็งเหมือนว่า หากปฏิเสธ ถึงซูหมิงจะเป็นรุ่นเยาว์ของเผ่าสหายเขาก็ต้องถูกสังหารในฉับพลัน

ซูหมิงเงียบ เขามองชายชรา แม้ก่อนหน้านี้จะรู้เรื่องที่ชายชราต้องให้ตนทำในข้อตกลงแล้ว ซ้ำชายชรายังให้ตนเห็นหน้า ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดบ้าบิ่นขนาดนี้

เปลี่ยนแปลงอดีต…เรื่องนี้ข้ามไปก่อนว่าจริงหรือไม่ ต่อให้จริง ทว่าหากทำกันง่ายๆ เกรงว่าพวกเทพบรรชนที่อยู่ก่อนชายชราจะไม่คิดทำแบบนี้เลยหรือ แต่ว่าพวกเขาก็ยังสิ้นชีพไปอยู่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!