Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1194

ตอนที่ 1194 ข้าคือเทพหมานแห่งเผ่าหมาน

ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งก่อนยกเท้าขวาเดินอากาศหนึ่งก้าว ฉับพลันนั้นเกิดระลอกคลื่นใต้เท้า ชั่วพริบตาเดียวก็นำแผ่นดินส่วนหนึ่งของที่นี่มาปรากฏอยู่กลางเผ่าหมานที่ซูหมิงเคยเห็นก่อนหน้านี้

ยอดเขาสีขาวสูงตระหง่าน ชนเผ่าหมานอยู่ข้างๆ แท่นยกระดับวิญญาณห่างไป ไม่ไกลสูงขึ้นฟ้า เหมือนว่าในเมื่ออยู่ในมือชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ ขอเพียงเขาคิด จะแทบไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้

เคลื่อนย้ายภูผาพลิกทะเล เคลื่อนย้ายแผ่นดิน หมุนทวนฟ้า ดึงความทรงจำของสามรกร้าง เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เปิดประตูใหญ่ในความคิดซูหมิงทีละบาน ให้เขาได้เห็นวิชาลับที่มหัศจรรย์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

“ขอเพียงเจ้าสำเร็จการยกระดับวิญญาณหนึ่งครั้งก็ได้แล้ว เส้นทางการยกระดับวิญญาณแต่ละก้าวยากเข็ญ ทุกครั้งที่สำเร็จจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวเองครั้งใหญ่ ด้วยพลังเจ้าตอนนี้ แค่สำเร็จครั้งเดียวพลังจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า!

นี่ยังเป็นแค่รอง สำคัญที่สุดคือวิญญาณเจ้า กลิ่นอายพลังเจ้าจะต่างไปหลังจากนี้ ไม่ใช่วิญญาณชนรุ่นหลังอีก แต่เป็นบรรพชนวิญญาณ ต่อให้เป็นบรรพชนวิญญาณที่ต่ำที่สุดก็ยังเชิดหน้าอย่างทะนงได้

โดยเฉพาะการหลอมรวมกันของกลิ่นอายพลังและขั้นพลัง การยกระดับขอบเขตชีวิต หลังกลายเป็นบรรพชนวิญญาณแล้ว แหวนวงนั้นในมือเจ้า เจ้าจะใช้พลังแท้จริง ของมันได้ นั่นคือพลังที่สังหารขั้นดับได้

ขณะเดียวกัน ตามการแบ่งระบบขั้นพลังในสมัยต่อจากข้าแล้ว ตอนนี้เจ้าเพิ่งก้าวสู่ขั้นชะตา แต่ขอเพียงสำเร็จการยกระดับวิญญาณหนึ่งครั้ง เจ้าจะข้ามผ่านขั้นชะตาไปและสามารถควบคุมพลังแห่งการไม่ดับสูญของขั้นเกิด!

กระทั่งหากเจ้าให้กฏชะตาตัวเองบรรลุถึงระดับสูงในเวลาอันสั้นในโลกภายนอก พลังเจ้าจะเกิดการเพิ่มขึ้นสองครั้ง นี่คือมรดกจากการยกระดับวิญญาณ ด้วยมรดกนี้ เจ้าจะก้าวสู่ขั้นดับก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

นี่คือโชควาสนาและก็คือความเป็นตาย จะสำเร็จหรือไม่ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเจ้า” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงอย่างลึกซึ้งพลางพูดช้าๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจเขาปรารถนาจะให้ซูหมิงสำเร็จอย่างยิ่ง แต่เป็นอย่างที่เขาว่าไว้ เรื่องนี้เขาทำได้เพียงให้โอกาสอีกฝ่าย แต่ลงมือช่วยไม่ได้ เว้นแต่เขาจะไม่ได้สำเร็จการยกระดับวิญญาณแปดครั้ง แต่เป็นเก้าครั้งจนกลายเป็นเทพบรรพชนมิใช่ บรรพชนวิญญาณ เขาในตอนนั้นถึงจะมีสิทธิ์ช่วยยกระดับวิญญาณ

เพราะเขาในตอนนั้นยืนอยู่จุดสูงสุดของทั้งจักรวาลแล้ว

“ข้าเทียนไป้ ขออวยพรให้เจ้าสำเร็จ!” ชายชราประสานมือคารวะ ครั้งนี้เขาคารวะซูหมิงลงลึก

ซูหมิงมองชายชราและประสานมือคารวะเช่นกัน จากนั้นสะบัดแขนเสื้อแล้วพุ่งไปยังแท่นยกระดับวิญญาณของเผ่าหมานใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล ชั่วพริบตาก็เข้ามาใกล้ จนมายืนอยู่บนแท่นยกระดับวิญญาณ เขาเงยหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นภาพนั้นที่เห็นเมื่อครู่ เหมือนว่ายามนี้ข้างล่างอยู่กลาง เผ่าหมานใหญ่ มีร่างเงาคนจากอดีตอยู่นับไม่ถ้วน ทุกคนต่างตะโกนคำว่าหมาน

‘ที่ข้าไม่เลือกเผ่ายมโลกใหญ่ก็เพราะว่าข้าเป็นเผ่าหมาน ข้าคิดมาตลอดว่าข้าคือเผ่าหมาน อีกทั้ง…ข้ายังเป็นเทพหมานแห่งเผ่าหมาน!’ ร่างเงาซูหมิงเงยหน้าขึ้น เวลานี้มีกลิ่นอายพลังบอกไม่ถูกวนเวียนรอบตัวเขากลายเป็นมวลอากาศบิดเบี้ยว ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์เห็นแบบนี้แล้วพลันหรี่ลง

‘ร่างกายเจ้าหนูคนนี้มีกลิ่นอายพลังเผ่าหมานใหญ่กับยมโลกใหญ่ที่ต่างกัน ไม่เหมือนเกิดจากการแต่งงานข้ามเผ่า น่าจะมีคนจงใจทำให้เกิดเรื่องนี้…โดยการนำชาวเผ่าสายเลือดเผ่ายมโลกใหญ่ไปให้เติบโตในเผ่าหมานใหญ่ กระทั่งในตัวเขายังมีการชี้นำของเผ่าอย่างแท้จริงนั้นอยู่ด้วย…’ ชายชรามองซูหมิง ความจริงก่อนหน้านี้ตอนเขาเห็นซูหมิงครั้งแรก ในใจก็ไม่ได้สงบอย่างภายนอกแล้ว

ทุกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะกลิ่นอายพลังเผ่าหมานของซูหมิง ไม่ใช่เพราะสายเลือด เผ่ายมโลกใหญ่ แต่เป็นเพราะในตัวซูหมิงมีการชี้นำของเผ่าที่เขาไม่เคยเห็นจากทุกคนที่เข้ามาหาเขาที่นี่ตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้!

นั่นคือการชี้นำหมาน แต่ในเวลาเดียวกันนั่นคือ การชี้นำของเผ่า!

‘การชี้นำของเผ่า เป็นพลังการชี้นำเปิดเส้นทางของเผ่า ในสมัยก่อนหน้านี้มีเพียงจ้าวเผ่ารุ่นต่อไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับสืบทอดจากจ้าวเผ่ารุ่นก่อนหน้า ต่อให้ชนเผ่ามาถึงช่วงปลายและการสืบทอดนี้เพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยก็ตาม แต่ส่วนใหญ่เป็นการชี้นำแบบปลอมๆ เท่านั้น ราคาต้องจ่ายสำหรับคนที่ทำพิธีชี้นำแบบปลอมๆ คือต้องไปทดสอบหาตำแหน่งเทพบรรพชนที่ถูกต้องเพื่อปูเส้นทางให้กับคนที่มีสิทธิ์ได้ทำพิธีชี้นำเผ่าอย่างแท้จริง!

เพราะว่าการชี้นำเผ่า เป้าหมายของการสืบทอดจริงๆ ไม่ใช่เพื่อให้ชาวเผ่าคนนี้แกร่งขึ้น แต่เป็นการให้สิทธิ์ยกระดับวิญญาณกับเขา ถึงขั้นหากล้มเหลวหนึ่งครั้งก็ยังไม่กลายเป็นร่างเงาสีแดง!

ยุคสมัยนี้คนที่รู้วิชาแห่งการชี้นำเผ่า…น่าจะมีน้อยยิ่ง

แต่ละสมัยในหนึ่งเผ่าจะได้รับสิทธิ์นี้ครั้งเดียว นี่คือ…การเฝ้ามองจากเทพบรรพชนเพียงหนึ่งเดียวที่มอบให้กับทุกเผ่า!’ ชายชรามองซูหมิง ในความคิดเกิดการหมุนตลบ เขามองออกว่าซูหมิงมีการชี้นำเผ่า เห็นได้ชัดว่าเผ่าหมานใหญ่รวมความหวังไว้ที่ตัว อีกฝ่ายมาจนถึงวันนี้

นั่นคือความหวังให้ชนเผ่าผงาดขึ้น…

ดังนั้นชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ถึงพูดกับเขาเยอะขนาดนี้ และยังต้องการให้ ซูหมิงยกระดับวิญญาณ ถึงขนาดยอมใช้พลังเพื่อให้ได้ความทรงจำจากดวงจิต สามรกร้าง ให้ซูหมิงได้เห็น นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยปฏิบัติกับทุกคนที่เคยมาที่นี่

คนในอดีตส่วนใหญ่จะถูกชายชราบังคับให้ไปยกระดับวิญญาณ และไม่ต้องพูดคุยกันด้วย รวมถึงไม่ต้องมีข้อตกลงใดๆ กัน ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการเขา

ทว่ามีเพียงซูหมิงคนเดียวที่ชายชราเกิดความลังเลและไม่ทำเช่นนั้น

เพราะการชี้นำเผ่าในตัวซูหมิงคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้ของเผ่าหมานใหญ่ เขาจะไม่ลบมัน กระทั่งคิดไว้แล้วว่าหากซูหมิงล้มเหลวหนึ่งครั้ง เขาจะล้มเลิกความคิดและส่งซูหมิงออกไป

เพราะว่า…เขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์แห่งเว่ยเหมือนกัน เพราะพูดได้ว่า…ซูหมิงเป็นชนรุ่นหลังเผ่าสหายเขาอย่างแท้จริง!

เพราะการมาของซูหมิงสอดคล้องกับการสืบทอด กระทั่งพูดได้ว่าการมาของเขาเป็นครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่ปีมานี้ที่สอดคล้องกับความต้องการทุกอย่าง มิใช่เข้ามาที่นี่ด้วยกลอุบายอื่น ยันต์กดตะวันข้างนอกนั่น การคาดเดาของซูหมิงเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เขาคาดเดาว่าที่ยันต์กดตะวันเปิดเป็นเพราะวิญญาณของร่างแยกกลืนนภา แต่สาเหตุที่มันเปิดจริงๆ แล้วคือการชี้นำเผ่าในตัวเขาต่างหาก!

‘ผู้ถูกเลือกแห่งเผ่าหมานใหญ่…เหตุใดข้าถึงสังเกตเห็นจากในตัวเจ้าว่าในการชี้นำเผ่ามีกลิ่นอายพลังของสหายเก่าคนหนึ่ง…เป็นเจ้าหรือ ทว่าตอนนั้นขณะที่ข้าเห็นว่าเจ้าหาความหวังในอนาคตของเผ่าขณะสร้างเมืองมายาต้าอวี๋ ข้าเห็นเจ้าตายตกไปอย่างขมขื่น…’ ชายชราเงียบ

‘น่าจะเป็นเจ้า ข้าจะไม่ลบผู้ถูกเลือกแห่งเผ่าหมานใหญ่ของเจ้า ข้าจะไม่มีวัน…’ ชายชรามองซูหมิง ตอนนี้เองเขาพลันใจ

สั่นสะท้าน เพราะตอนที่ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้าอยู่บนแท่นราบ เงาแผ่นหลังเขาเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดิน

พูดจริงๆ คือไม่ใช่หลอมรวมกับฟ้าดิน แต่หลอมรวมกับเผ่าหมานใหญ่บนพื้นดิน ประหนึ่งว่ากลิ่นอายพลังซูหมิงในยามนี้เหนี่ยวนำการเปลี่ยนแปลงประหลาดบางอย่าง กระตุ้นให้เกิดระลอกคลื่นบางอย่างของแผ่นดินเผ่าหมาน ระลอกคลื่นนี้เหมือนกับ ผิวน้ำสงบนิ่งที่พลันเดือดพล่านขึ้นมา

เกิดแรงขับไล่ขึ้นในฉับพลัน มันไม่ได้ขับไล่ซูหมิง แต่เป็นชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ที่สะท้อนเงายอดเขานี้และเงาชนเผ่ามาที่นี่รวมถึงยอดเขาสีขาว

เหตุการณ์เปลี่ยนไปทำให้ชายชราใจสั่นสะท้าน เขามั่นใจในความรู้สึกถึงการชี้นำเผ่าจากตัวซูหมิงมากขึ้น ถึงขั้นที่เขายังสังเกตเห็นว่าในชนเผ่าหมานเหมือนมี…ความรู้สึกเด่นชัดของชาวเผ่าหมานที่รอมานานไม่รู้กี่ปี จนในที่สุดก็มาถึงวันที่เฝ้ารอ

ต่อมาชายชราหรี่ตาลง เพราะซากปรักหักพังของเผ่าหมานใหญ่และแผ่นดินที่เคยมีเผ่าหมานอาศัยปรากฏวิญญาณ

เลือนรางขึ้นมาทีละดวง แม้วิญญาณเหล่านี้จะเลือนราง กระทั่งซูหมิงยังมองไม่เห็น แต่ว่าชายชราเห็นชัดเจนว่า วิญญาณหล่านี้เดิมทีควรหายไปในกาลเวลานานแล้ว พวกมันคือดวงจิตที่มีความยึดมั่น คอยเฝ้าอยู่ที่นี่ รอวันที่เผ่าหมานผงาดขึ้น!

พวกมันยังคงอยู่ที่นี่ ไม่ยอมหายไปในฟ้าดิน ไม่ยอมหลับไปในกาลเวลา คอยวนเวียนอยู่ที่นี่ตลอด รอคอยคนที่พวกมันเฝ้ารอจนปรากฏตัวในวันนี้

วิญญาณปรากฏตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ วิญญาณรอบๆ มีไม่ต่ำกว่าล้านดวง อีกทั้งยังปรากฏขึ้นอีก ในนั้นมีไม่น้อยที่พอชายชราเห็นแล้วตัวสั่น เพราะเขารู้จัก นั่นคือสหายจากเผ่าสหายในอดีต

“สหายเก่า ตอนนั้นเจ้าทำนายฟ้าหมานในเมืองมายาแห่งต้าอวี๋เพื่อตามหาความหวังของเผ่าหมานเจ้าภายใต้มหันตภัย เขา ก็คือความหวังที่เจ้าตามหาตอนนั้นหรือ…หรือว่าเจ้าใช้หนึ่งการสร้างพลิกบรรพกาลเพื่อเขา…” ขณะพึมพำ บนแผ่นดินปรากฏวิญญาณมากกว่าล้านดวงแล้ว มามากถึงเกือบสิบล้านดวง พวกเขาวนเวียนอยู่รอบๆ มองซูหมิงเงียบๆ แต่ซูหมิงก็มองไม่เห็นพวกเขา ซูหมิงมองฟ้า จิตใจแน่วแน่ภายในเดือดขึ้น รวมอยู่ในร่างกายเขาอย่างเงียบเชียบด้วยความมั่นใจแรงกล้า

‘ข้าคือเทพหมาน ข้าคือเทพหมานแห่งเผ่าหมาน!’

‘ไม่ว่าสายเลือดข้าเป็นอย่างไร ไม่ว่าข้ามาจากที่ใด ทว่าตั้งแต่ที่ข้าจำความได้ ข้าคือชาวเผ่าหมาน แม้ร่างกายข้าจะต่างกับคนอื่น แม้วิญญาณข้าจะไม่ใช่เผ่าหมานก็ตาม

แต่ความคิด จิตใจ ชีวิตข้าเป็นของเผ่าหมานทั้งหมด ข้าคือเผ่าหมาน!’

‘ข้าคือเทพหมานแห่งเผ่าหมาน!’ ดวงตาซูหมิงเปล่งประกายเด่นชัด เขายืนอยู่ตรงนี้ไม่รู้เลยว่ายามนี้วิญญาณเผ่าหมานที่เขามองไม่เห็นจำนวนมากกว่าสิบล้านดวงต่างปะทุพลังมหาศาลไร้รูปออกมา พลังเหล่านี้ม้วนเข้าด้วยกันกลายเป็นเสียงดัง ไร้เสียง ทำให้เงาสะท้อนยอดเขาสีขาวของชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์หายไป ต่อให้เป็นเขาก็ยังต้องถอย ตอนที่มองอยู่ไกลๆ เขาเห็นภาพที่ทำให้ใจสั่นสะท้านและต้องสูดลมหายใจเข้าลึก

เขาเห็นว่ากลิ่นอายพลังของวิญญาณสิบล้านดวงวนเวียนรอบตัวซูหมิงกลายเป็นมังกรขาวกลางสายลมหิมะตัวหนึ่ง

มันพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมคำรามเสียงดัง ทั่วร่างกลายเป็นสีแดงฉาน พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความบ้าคลั่งและไม่ยอมต่อชะตาที่รวมขึ้นจากดวงจิตของชาวเผ่านับไม่ถ้วน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!