Skip to content

สู่วิถีอสุรา 120

ตอนที่ 120 เหอเฟิง

เงาคนยืนอยู่บนยอดเขา สายลมพัดผ่านตัวเขา เส้นผมยาวปลิวไสว เขายืนอยู่ตรงนั้น สวมเสื้อหนังสัตว์ กลิ่นอายความหยาบถาโถม เขาคือชายฉกรรจ์ที่ซูหมิงพบเมื่อคืนวาน

เส้นเลือดผุดขึ้นบนตัวชายฉกรรจ์ ก่อขึ้นเป็นพลังโลหิตมหาศาล ราวกับขับเคลื่อนโดยรอบ กลายเป็นแรงกดดันที่เป็นรองเพียงขั้นชำระล้าง เขาไม่ถึงขั้นชำระล้าง ทว่าเส้นเลือดบนตัวเขากลับแน่นขนัดมากกว่าขีดจำกัดเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดเส้นของนักรบหมานทั่วไป สีหน้าเคร่งขรึมดูเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ ทั้งยังมีความเหี้ยมโหดและปณิธานมุ่งมั่น

“เป็นเหอเฟิง!”

“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเขา ข้าได้ยินมาว่าขั้นพลังเขาทะลวงอยู่ลำดับสิบเอ็ดขั้นรวมโลหิต แต่ทะลวงขั้นชำระล้างล้มเหลวสามครั้ง แม้จะเป็นเช่นนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็เป็นหมายเลขหนึ่ง หากไม่นับรวมผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างทั้งห้าในสามชนเผ่าเมืองเขาหาน!”

“เขาเป็นคนจากเผ่าเล็กที่พบเห็นได้ยากในเมืองเขาหาน อีกทั้งไม่รู้ว่าเหตุใด ถึงยังเก็บเสื้อหนังสัตว์ตอนอยู่เผ่าเล็กเอาไว้ ในความคิดข้า ก็เป็นแค่พวกเรียกร้องความสนใจเท่านั้น อีกอย่างเขาไม่รู้จักประมาณตน ยังกล้าบุกโซ่เขาหานอีกหรือ? นอกจากชางหลันที่เดินไปจนถึงโซ่ส่วนหกของเผ่าบูรพาสงบ และเข้าร่วมสำนักเหมันต์สวรรค์ไปเมื่อสิบปีก่อนแล้ว หาได้ยากนักที่จะมีคนทำสำเร็จ!”

ซูหมิงมองชายฉกรรจ์บนยอดเขา สีหน้าสงบนิ่ง แต่นัยน์ตาแอบเป็นประกาย เรื่องโซ่เขาหาน เขาไม่เคยได้ยินจากฟางมู่มาก่อน ยามนี้ได้ยินเป็นครั้งแรก จึงจดจำเอาไว้

“หลายร้อยปีมานี้ เมืองเขาหานมีคนบุกโซ่เขาหานทั้งหมดหกสิบห้าคน เหอเฟิงคนนี้เป็นคนที่หกสิบหก ทว่าในหกสิบห้าคน มีคนสำเร็จเพียงห้าคนเท่านั้น” เป็นเสียงแหบพร่าดังมาจากในกลุ่มคนชั้นสาม คนกล่าวเป็นผู้อาวุโสในร้านค้าที่ซูหมิงกำลังจะเข้าไป

ผู้อาวุโสเดินออกมาอย่างเชื่องช้า มองเหอเฟิงบนฟ้า กล่าวเรียบๆ

“ล้มเหลว ส่วนใหญ่ต้องตาย แต่ก็ไม่แน่เสมอไป” สีหน้าผู้อาวุโสเรียบเฉย กล่าวพึมพำ

ยามนี้ในเมืองเขาหานเกิดเสียงดังเกรียวกราว ทำให้ผู้คนมองตาไม่กะพริบ ภายใต้เสียงระฆังดังแก๊งๆ ภายในยอดเขาทั้งสามชนเผ่าที่ถูกเชื่อมด้วยโซ่เหล็กจากสามทิศเมืองเขาหาน

มีเงาคนเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าการกระทำของเหอเฟิง เป็นที่น่าสนใจยิ่งนัก แทบทุกคนล้วนคาดเดา เหอเฟิง จะเลือกบุกโซ่ของเผ่าไหน

บนยอดเขา ตรงจุดเชื่อมระหว่างสามโซ่ เหอเฟิงมีแววตาเป็นประกาย แวบแรกที่เขามองคือโซ่เหล็กซึ่งเชื่อมไปทางเผ่าผู่เชียง นัยน์ตาฉายแววเย็นชา ตรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก แต่มองไปทางยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ

ในสายตาของเขา บนยอดเขาเผ่าเหยียนฉืออบอวลไปด้วยหมอกแดงหนา ภายในหมอกราวกับมีใบหน้าสตรีเลือนราง

สูดลมหายใจเข้าลึก ชายฉกรรจ์หยาบกร้านพลันเดินไปทางโซ่เหล็กของเผ่าเหยียนฉือทีละก้าว จากการเคลื่อนไหวของเขา ทำให้เมืองเขาหานพลันเกิดเสียงดังเกรียวกราว

ภายใต้สายตาจำนวนมาก พบว่าเหอเฟิงเดินไปทีละก้าวจนถึงจุดโซ่เหล็กของเผ่าเหยียนฉือ และกำลังก้าวลงไป

แรงต้านมหาศาลเพียงพอจะกดทับนักรบหมานขั้นรวมโลหิตทั้งหมดในเมืองเขาหานพลันปะทุมาจากชั้นสอง ขณะเดียวกันพบว่ามีเงาคนสวมเสื้อม่วงเหยียบอากาศทะยานเข้ามา ราวกับจะเข้าประชิดตัวเหอเฟิงที่กำลังบุกโซ่เขาหาน

“เหอเฟิง!” เงาคนสีม่วงบินออกมา ตามด้วยเสียงตะโกนต่ำ เสียงประดุจสายฟ้าดังก้องสนั่นหู เหอเฟิงบนยอดเขาพลันชะงัก หันกลับไปมอง สีหน้าดูซับซ้อนระหว่างโกรธแค้นและตื่นตระหนกปะปนกัน

“ขั้นชำระล้าง…..” ซูหมิงจ้องเงาคนสีม่วง สูดลมหายใจเข้าลึก เพียงแต่ว่าเขาในยามนี้ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนตอนพบขั้นชำระล้างเป็นครั้งแรก

“ท่านเสวียนหลุน”

“หนึ่งในห้าขั้นชำระล้างนอกจากสามชนเผ่าในเมืองเขาหาน ท่านเสวียนหลุน” เสียงร้องดังกึกก้อง เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่คงไม่นึกว่า ช่วงที่กำลังมีคนบุกโซ่เขาหาน จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

เงาคนสีม่วงเดินอยู่บนอากาศ เข้ามาใกล้ยอดเขา แต่ทันใดนั้น ปลายโซ่เหล็กที่เชื่อมกับเผ่าเหยียนฉือเบื้องหน้าเหอเฟิง ภายในเผ่าเหยียนฉือที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกแดง มีเสียงหึเย็นชาดังเข้ามา

น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากที่ห่างไกล เมื่อกระทบหูเงาคนสีม่วง กลับทำให้เขาพลันชะงักเล็กน้อย ทว่าก็ยังไม่หยุด พุ่งทะยานเข้าใกล้เหอเฟิงบนยอดเขา กางนิ้วมือคว้าจับ

ใบหน้าเหอเฟิงขาวซีด แต่กลับไม่หลบ สายตาจ้องเงาคนสีม่วงที่กำลังใกล้เข้ามา ความตื่นตระหนกในแววตาเลือนหาย แทนที่ด้วยความโกรธแค้นทั้งหมด ฝ่ามือเงาคนสีม่วงเข้าใกล้ ในช่วงที่กระทบตัวเหอเฟิง พลันมีหมอกแดงลอยขึ้นบนตัวเหอเฟิง โอบล้อมตัวเขากลายเป็นม่านหมอก

เสียงระเบิดดังสนั่น มือขวาเงาคนสีม่วงปะทะกับม่านหมอกแดง ร่างกายเขาสั่นสะท้าน กระเด็นถอยไปหลายสิบจั้ง เผยให้เห็นตัวเขา เป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมม่วง สีหน้าเย็นชา เผยจิตสังหาร

“เหยียนหลวน นี่หมายความว่าอย่างไร!”

“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้ากับเหอเฟิงมีความแค้นอะไรกัน แต่ในเมื่อเขาเลือกโซ่เหล็กของเผ่าเหยียนฉือแล้ว เจ้าจะทำร้ายเขาไม่ได้ นี่เป็นสัญญาระหว่างสามชนเผ่าในตอนนั้น และเผ่าผู่เชียงก็คงไม่ยอมทำลายมันเช่นกัน” เป็นเสียงสตรีเย็นชา ดังมาจากในเผ่าเหยียนฉือห่างไกล

ทั้งเมืองเขาหานเงียบสงัด ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้นมองเห็นทุกอย่าง ในความคิดผุดคนชื่อเหอเฟิงเมื่อคืนวาน และสตรีปิดบังใบหน้าชุดขาวที่เขารอด้วยท่าทีร้อนรน

“ไม่ใช่เสียงนี้ อาจจะเป็นอีกคน…….เมื่อคืนวานสตรีคนนั้นบอกว่าให้เวลาหนึ่งวันในการพิสูจน์คุณสมบัติตัวเอง ดูท่าเหอเฟิงคงอย่างใช้การบุกโซ่เขาหานเป็นการพิสูจน์ แต่ว่าสิ่งที่เขาพิสูจน์คืออะไร……หากเป็นการเข้าร่วมเผ่าเหยียนฉือ ก็ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้ ถึงอย่างไรการบุกโซ่เขาหาน หากพลาดขึ้นมาก็ตาย”

ซูหมิงมองเหอเฟิงบนยอดเขาและเสวียนหลุน ไม่ต้องคาดเดาก็พอทราบจากในคำพูดว่าทั้งสองคนมีความแค้นต่อกัน

“เสวียนหลุนคนนี้น่าจะรู้เยอะ คงเป็นเพราะเหตุนี้ จึงได้ลงมือในยามนี้ และไม่สนใจกฎของทั้งสามชนเผ่าในเมืองเขาหาน ที่ว่าห้ามต่อสู้กัน” แววตาซูหมิงดูขบคิด แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วจึงไม่สนใจอีก

สีหน้าเสวียนหลุนมืดทะมึนยิ่งขึ้น ทว่าก็หวาดกลัวคำพูดของสตรีเล็กน้อย แต่จะให้ยอมแพ้คงไม่ได้ เป็นดั่งที่ซูหมิงคิด เขาต้องลงมือในยามนี้จริงๆ มิเช่นนั้นแล้ว หากอีกฝ่ายตายตก เป้าหมายของเขาคงล้มเหลว เพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำสำเร็จอย่างแน่นอน

ยามนี้พบว่าอีกยอดเขาหนึ่ง ภายในเผ่าผู่เชียงที่ถูกหมอกดำโอบล้อม ท่ามกลางโครงกระดูกนั่งขัดสมาธิ มีเสียงเย็นเยือกดังก้อง

“เสวียนหลุน ห้ามต่อสู้ในเมืองเขาหาน!”

“ได้ แต่บุคคลนี้เคยสังหารผู้ติดตามของข้า ศพของเขาหลังสิ้นใจ เจ้าเผ่าผู่เชียงต้องหาให้ข้า!” ชายเสื้อคลุมม่วงเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มเยาะพลางสะบัดแขนเสื้อ ลงมายืนอยู่บนยอดเขา ไม่ได้ลงมืออีก แต่นั่งขัดสมาธิลง มองบุรุษนามเหอเฟิง รอยยิ้มดูเย็นชา

“เจ้าเป็นประธานแขกพิเศษของเผ่าผู่เชียง ย่อมได้” ภายในยอดเขาถูกหมอกปกคลุม มีเสียงเย็นเยือกดังขึ้น ซูหมิงเห็นดังนั้น จึงมองไปทางชายฉกรรจ์นามเหอเฟิง มองเขาอย่างละเอียด ขณะสังเกตก็พบว่าเหอเฟิงลงไปเหยียบบนโซ่เหล็ก การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผู้คนโดยรอบลืมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่มองอย่างใจจดจ่อ ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็พบเห็นได้ไม่บ่อย หลายร้อยปีมีแค่หกสิบกว่าครั้งเท่านั้น

แม้แต่เสวียนหลุนยังมองไปอย่างเย็นชา แววตาเหี้ยมเกรียม จ้องเงาเหอเฟิงค่อยๆ เดินไปบนโซ่เหล็ก โซ่เหล็กแกว่งไกว ส่ายไปมามีท่าทีจะล่วงหล่น

ในช่วงที่เหอเฟิงเหยียบบนโซ่เหล็ก แผ่นดินโดยรอบสั่นสะเทือน พบว่าโซ่เหล็กใต้ฝ่าเท้าเขากับปลายโซ่ตรงหมอกแดงเผ่าเหยียนฉือ พลันมีเสาหินยักษ์หนาประมาณสิบกว่าจั้งแปดต้น พุ่งขึ้นมาจากในเหวลึกด้านล่าง ค้ำยันโซ่เหล็กเอาไว้ ทั้งยังแบ่งโซ่เหล็กเป็นเก้าส่วน!

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซูหมิงมองไม่ออกว่าบนโซ่เหล็กมีอะไร ทว่าสีหน้าเหอเฟิงดูเคร่งขรึม ทุกก้าวราวกับใช้พละกำลังทั้งหมด ทั้งยังตัวสั่นเทา บนใบหน้ามีเส้นเลือดดำปูดโปน อ้าปากหายใจกระชั้นถี่

ไม่นานผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในหนึ่งชั่วยามนี้ ทั้งเมืองเขาหานเงียบสงัด แทบทุกคนล้วนมองไปยังเงาของเหอเฟิง เหอเฟิงในยามนี้ อยู่บนส่วนแรกของโซ่เหล็ก เดินไปได้สามส่วน

ชายสวมเสื้อคลุมม่วงนั่งขัดสมาธิบนยอดเขาข้างหลังเขา ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม……

เมื่อช่วงบ่ายผ่านไป ในช่วงที่ท้องฟ้าเข้าสู่ยามโพล้เพล้ แสงตะวันยามอัศดงสาดส่อง จนทำให้ร่างของเหอเฟิงกลายเป็นเงา เขาเดินอยู่บนส่วนแรกของโซ่เหล็กได้มากกว่าครึ่งแล้ว

ทันใดนั้น ไม่ทราบว่าเหอเฟิงแสดงเคล็ดวิชาอะไร พบว่าในตัวเขามีพลังโลหิตมหาศาลปะทุขึ้น ราวกับทะยานถึงขีดสูงสุดในชั่วพริบตา ทั้งยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังขั้นชำระล้าง

“เป็นอย่างที่คิดไว้คนที่ทะลวงขั้นชำระล้างหลายครั้ง แม้จะยังไม่สำเร็จ ในร่างกายก็มีกลิ่นอายพลังขั้นชำระล้าง อีกทั้ง……เขาในตอนนี้ ยังคิดจะทะลวงขั้นชำระล้างอีกครั้ง!”

“เขากล้าบุกโซ่เขาหาน จะต้องมีการเตรียมตัวมาก่อนอยู่แล้ว เลือกทะลวงขั้นชำระล้างในตอนนี้ ต่อให้ล้มเหลว แต่ก็ระเบิดพลังมาได้ในชั่วพริบตา ทำให้เขาเดินต่อไปได้อีกไม่น้อย”

“แต่ข้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะใช้การทะลวงขั้นชำระล้างระเบิดพลังในชั่วพริบตา จนเดินผ่านโซ่เหล็กส่วนแรกไปได้แล้ว โซ่ก็มีเก้าส่วน แล้วที่เหลือเขาจะเดินไปอย่างไร?”

เสียงสนทนาโดยรอบดังขึ้น แววตาซูหมิงเป็นประกาย จดจำแต่เพียงเรื่องสำคัญ สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าในดวงตากลับมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้

“เขาจะไม่บุกโซ่เขาหานจนครบ แต่จะไปเพียงส่วนเดียว นั่นคือการพิสูจน์คุณสมบัติของเขา……ว่าแต่มันคือคุณสมบัติอะไรกันแน่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!