ตอนที่ 1212 พันธมิตรใต้
ระหว่างที่ซูหมิงกับชายชราวิญญาณสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่ในพายุหมุนนอกช่องโหว่สามรกร้าง ไกลออกไปนอกโลกดาราสัจธรรม ภายในโลกจักรพรรดิยมโลก กลางวิหารใหญ่ที่ลอยอยู่กลางฟ้า ซูเซวียนอีนั่งขัดสมาธิอยู่บนภาพแกะสลักโบราณภาพหนึ่ง
ภาพแกะสลักนั้นเป็นแผนที่วางไว้เต็มพื้นวิหาร ด้านบนมีเก้าเขตแดนตัดสลับกัน ตรงกลางเป็นภาพกลมดั่งดวงตะวัน ตรงที่เขานั่งอยู่คือบนดวงตะวันวงกลมนั้น
เดิมทีเขาหลับตาอยู่ แต่ยามนี้ลืมตาขึ้นเมื่อไรไม่รู้ ในดวงตามีความลังเลและมืดทะมึน และยังมีการคาดเดารวมถึงเหลือเชื่อ
“ความคิดแห่งยมโลกของโลกดาราสัจธรรม…ขาดการเชื่อมต่อกับข้า…” ซูเซวียนอีหน้าทะมึนทึบขึ้นเรื่อยๆ ขณะพึมพำยังยกมือขวาขึ้นชี้หนึ่งในเก้าขอบเขตใหญ่กลางแผนที่รอบตัว ทันใดนั้นขอบเขตตรงนั้นเลือนราง เหมือนมีน้ำวนปรากฏขึ้นมาและจะกลายเป็นภาพ
แต่ไม่นานนักน้ำวนตรงนั้นพังทลายลง ภาพที่รวมขึ้นฉีกขาดตามไป ซ้ำยังมีเสียงกึกๆ ดังขึ้น พื้นของเขตนั้นแตกออกเหมือนจะแยกออกจากภาพแกะสลัก
‘ใคร ใครทำลายความคิดยมโลกของข้า ใครเหนี่ยวนำมันไป!’ นัยน์ตาซูเซวียนอีฉายประกายเย็นชา เขาเงยหน้าขึ้นมองไกลออกไป สายตาเหมือนมองข้ามวิหารใหญ่ไปเห็นทิศทางหนึ่งของโลกดาราสัจธรรมกลางผืนฟ้า
ผ่านไปนานเขาถึงมีสีหน้าสงบลง แต่จิตสังหารในแววตาเข้มข้นยิ่ง
“อิ้นอวิ๋นจื่อ” ซูเซวียนอีกล่าวขึ้นช้าๆ ฉับพลันนั้นมวลอากาศตรงหน้าเขาบิดเบี้ยว ก่อนมีชายวัยกลางคนเดินออกมา เขาสวมชุดคลุมดำ พอปรากฏตัวแล้วก็คุกเข่าลง ข้างหนึ่งตรงหน้าซูเซวียนอี
“เอาของวิเศษข้าไปโลกดาราสัจธรรม ตรวจความคิดแห่งยมโลกที่นั่นว่ามีดวงจิตของใครกันแน่” ซูเซวียนอีเอ่ยด้วย
น้ำเสียงเย็นชาก่อนยกมือขวาโบกไป ทันใดนั้นมีกระบี่ชำรุดเล่มหนึ่งปักลงตรงหน้าชายวัยกลางคน
กระบี่ชำรุดนี้เป็นกระบี่ไม้หักเล่มหนึ่ง มันเปล่งแสงมืดมน ภายในไม่รู้ว่ามีผลึกอะไรอยู่ มันมีกลิ่นอายมารวนเวียนอยู่ ชายวัยกลางคนนั้นก้มหน้าลงขานรับ หยิบกระบี่ไม้แล้วกลายเป็นมวลอากาศหายไป
…………….
ขณะเดียวกันในโลกดาราสัจธรรม ตรงส่วนลึกของพายุหมุนรุนแรง ระหว่างที่ ซุงยักษ์ของกองทัพใหญ่ห้าแสนคนแห่งพันธมิตรใต้กำลังทะลวงผ่านมา เหนือพวกเขาไปไม่มีสิ้นสุด ภายในช่องโหว่สามรกร้างปรากฏร่างเงาหนึ่งเพิ่มมา ร่างเงานั้นเงยหน้ามองการฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งในช่วงสุดท้ายของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณนอกช่องโหว่สามรกร้าง ก่อนก้มหน้ามองโลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่เขาแปลกตา
“พี่ เด็กคนนั้นที่ท่านไม่เคยลืมแม้ก่อนตายได้ปลุกตื่นวิญญาณของเผ่าเราแล้ว ถึงความคิดแห่งมังกรเหมันต์จะมีไม่มาก แต่สตรีเผ่าเราหงส์หิมะ บุรุษมังกรเหมันต์คือพรสวรรค์เผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่ถึงจะมีวิญญาณเพียงเล็กน้อยก็ยังปลุกให้ตื่นได้
หากเขาไม่ได้ปลุกตื่นวิญญาณก็ช่าง แต่วิญญาณเผ่าเราจะตกหล่นอยู่ข้างนอกไม่ได้ ข้าต้องสังหารเขาก่อนที่เขาจะรวมร่างแห่งมังกรเหมันต์ เรื่องนี้ท่านอย่าโทษข้า…
ส่วนกระบี่เล่มนนั้นที่ท่านให้ข้ามอบให้เขา…” ร่างเงานี้เป็นสตรีคนหนึ่ง นางก็คือบรรพบุรุษคนปัจจุบันของเผ่าวิญญาณและเผ่าศักดิ์สิทธิ์เงามืดรุ่งอรุณในโลกที่เก้าที่ เงามืดรุ่งอรุณควบคุมอยู่!
นางพูดกับตัวเองเสียงเบา ตอนที่ยกมือขวาขึ้น ในมือมีกระบี่เล็กยาวเท่าฝ่ามือเล่มหนึ่งโผล่มา มันมีสีขาว ไม่เปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย
“ข้าจะให้เขาจากนั้นค่อยสังหารเขา จะได้เติมเต็มความปรารถนาของท่าน” นางเงียบ ใบหน้ำเย็นชา กระทั่งคำพูด
พึมพำกับตัวเองยังเหมือนมีสายลมหนาวพัดผ่าน ร่างเงานางเดินหน้าไปและค่อยๆ หายไปในพายุหมุน
………….
ข้างหูซูหมิงดังก้องไปด้วยคำพูดชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ เขาก้มหน้ามอง หินผลึกสีดำในมือเงียบๆ อยู่ชั่วครู่ ในใจมีคำตอบที่ต้องการแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับหินผลึกนั่นก็เพราะเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต จากนั้นหยดโลหิตลงไปในความคุ้นเคยมีความแปลกตา นั่นมาจากหม้อฮวง
นี่คือหินหล่อวิญญาณที่ทำให้เขาหาหม้อฮวงพบ เพียงแต่หินนี้ยังไม่สมบูรณ์ หากสมบูรณ์เมื่อใดเขาจะรู้สึกถึงเศษหม้อฮวงหล่นหายในโลกสามรกร้างแห่งนี้
‘คนตั๊กแตนนั่นจะต้องมีหินหล่อวิญญาณอีกแน่!’ ซูหมิงมีสีหน้าปกติ แต่ในใจมีวิธีจัดการเรื่องนี้แล้ว
เวลาผ่านไปเชื่องช้า ซูหมิงรอผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้ห้าแสนคนอยู่นอกพายุหมุนมาหลายวันแล้ว จนในที่สุดเกิดระลอกคลื่นภายในพายุหมุน เสียงดังสนั่นแว่วมา เห็นรางๆ ว่าภายในนั้นเหมือนมีสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์กำลังจะพุ่งกระโจนพร้อมด้วยเสียงคำรามออกมา
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าปกติ เพียงมองไปอย่างเย็นชา
เวลาผ่านไปช้าๆ ราวครึ่งชั่วยามต่อมา ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสนั่นฟ้าขึ้น มีซุงยักษ์ยาวหลายร้อยจั้ง หนาสิบกว่าจั้งท่อนหนึ่งพุ่งออกมาจากในพายุหมุนพร้อมด้วย เสียงดังครึกโครม
ซุงยักษ์นั้นมาพร้อมกับแรงกดดันรุนแรง ผู้ฝึกฌานเกือบพันคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้นต่างยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและมีจิตสังหารเด่นชัด ชั่วพริบตาที่ซุงยักษ์ปรากฏ ผู้ฝึกฌานเกือบพันคนร้องคำรามพร้อมกันจนก่อเป็นพลังอำนาจเหลือล้น
แต่ไม่นานนักผู้ฝึกฌานเกือบพันคนต่างพากันอึ้งงัน พวกเขาต่างมองซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไกลๆ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าการมาของสำนักพวกเขาจะต้องเป็นที่สนใจระดับสูงต่อ ขุมอำนาจที่นี่แน่ ซ้ำยังเป็นจุดที่ดักซุ่มโจมตีได้ดีที่สุดด้วย แต่ตอนนี้พวกเขากลับเห็นเพียงซูหมิงคนเดียวที่นี่
ส่วนชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ หากเขาไม่ต้องการ สามรกร้างก็ดี เงามืดรุ่งอรุณก็ดี รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน มีไม่กี่คนจริงๆ ที่มองเห็นเขา
เหตุการณ์ตรงกันข้ามนี้ทำให้ผู้ฝึกฌานเกือบพันบนซุงยักษ์ต่างมีสีหน้าตื่นตัว เมื่อซุงยักษ์พุ่งออกมาจากในพายุหมุนทั้งหมดถึงมีผู้ฝึกฌานสิบกว่าคนบินขึ้นจากซุงยักษ์ กลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปหาซูหมิง
นี่คือการหยั่งเชิง หยั่งเชิงว่าซูหมิงที่ดูเหมือนไม่มีพลังใดๆ เลยมีพลังระดับใดกันแน่
สายรุ้งยาวสิบกว่าสายเข้าไปใกล้ซูหมิง ระหว่างนั้นเกิดแสงสว่างวิบวับจากของวิเศษและอภินิหาร จิตสังหารเข้มข้นปะทุมาจากตัวคนสิบกว่าคนนี้ จิตสังหารพวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียวก่อเป็นแรงกดดันอัดใส่ซูหมิง
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ถึงขนาดที่ไม่ยกมือขึ้นทำอะไรเลย เพียงพูดราบเรียบไปหนึ่งคำที่แฝงไว้ด้วยความหนาวเยือก
“ไสหัวไป”
สิ้นเสียง ท้องฟ้าสั่นสะเทือนในทันใด ร่างผู้ฝึกฌานสิบกว่าคนนั้นถูกพลังไร้รูปผนึกไว้กลางฟ้า ชั่วพริบตาที่สิบกว่าคนนี้หน้าเปลี่ยนสี พวกเขาต่างถอยไปเหมือน ถูกเหวี่ยง ถูกม้วนเข้าไปในพายุหมุน เกิดเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็ก ร่างพวกเขาพลันถูกฉีกกลายเป็นเศษซาก
ภาพนี้ส่งผลให้ผู้ฝึกฌานเกือบพันบนซุงยักษ์ใจสั่นสะท้าน ทว่าพวกเขาไม่ถอยไป แต่กลับใช้สองมือประสานมุทราและกดบนซุงยักษ์พร้อมกัน ทันใดนั้นซุงยักษ์ส่งเสียงดังอื้ออึงสนั่นแก้วหู ก่อนพุ่งตรงไปหาซูหมิงด้วยความเร็วสูงขึ้น
พลังแก่กล้าแผ่ขยายมาจากซุงยักษ์ ความแกร่งของมันบรรลุถึงระดับขั้นกุมแล้ว ตอนที่เข้ามาใกล้ซูหมิง ซูหมิงยกมือขวาคว้าไปทางซุงไม้ ก่อนกำหมัดช้าๆ
ระหว่างที่เขากำหมัด ซุงยักษ์นั้นแตกออกพร้อมกัน ผู้ฝึกฌานเกือบพันคนข้างบนต่างกรีดร้องเสียงแหลม มีไม่น้อยที่อยากจะหนีออกมา แต่กลับเหมือนถูกรวมอยู่ในฟ้ากระจ่างดาวทำให้หนีไปไม่ได้ เพียงไม่กี่ลมหายใจเกิดเสียงดังสนั่นฟ้า ซุงยักษ์รวมถึง ผู้ฝึกฌานเกือบพันคนข้างบนเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปกลางฟ้าข้างหนึ่งบดทำลาย จนละเอียด
เมื่อซูหมิงคลายหมัดแล้วสะบัดแขนเสื้อ ซุงยักษ์ละเอียดกับเศษเนื้อผู้ฝึกฌานพลันกลายเป็นพายุคลั่งม้วนไปยังพายุหมุน ในพายุคลั่งนี้แฝงไว้ด้วยดวงจิตซูหมิง ส่งผลให้ตอนที่เศษชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกม้วนไปจึงกลายเป็นใบหน้ายักษ์กลางฟ้า หน้าตาใบหน้านั้นคือซูหมิงที่รวมขึ้นจากเศษซุงไม้นับไม่ถ้วนกับเศษเนื้อของผู้ฝึกฌานพันคน ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง ใบหน้านี้พุ่งเข้าไปยังพายุหมุน
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นในยามนี้ ตอนที่ใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณของซูหมิงปะทะกับพายุหมุน พายุหมุนม้วนถอยไปไม่เข้ามาในใบหน้าเลย นั่นเป็นการขับไล่พายุหมุนในระยะหลายหมื่นจั้ง ดังนั้นแล้วซุงยักษ์เกือบร้อยต้นที่ซ่อนอยู่ในพายุหมุนรวมถึงผู้ฝึกฌานจำนวนมากบนซุงยักษ์จึงเผยตัวออกมา
“ในเมื่อมาแล้ว ไฉนต้องซ่อนตัว” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ พลางกวาดสายตามอง ซุงยักษ์เกือบร้อยต้น อีกทั้งยังมองร่างเงาซุงยักษ์จำนวนมากรางๆ ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่ซ่อนอยู่ในพายุหมุนข้างหลังซุงยักษ์เกือบร้อยต้น
“เจ้าเป็นใคร!” บนซุงยักษ์หลายท่อนตรงหน้าสุดของซุงยักษ์เกือบร้อย มีชายชราผมขาวสวมเสื้อคลุมขาวคนหนึ่งยืนอยู่บนซุงยักษ์และตะโกนมาทางซูหมิง
ในมุมมองเขา ซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่ประหลาดอย่างยิ่ง พลังดูเหมือนผลุบๆ โผล่ๆ มองไม่เห็นโดยละเอียดเลย นี่ไม่ใช่เพราะเจอกับผู้แข็งแกร่งแล้วมองเงื่อนงำไม่ออก แต่เป็นเพราะพลังซูหมิงเลือนรางไม่ชัดเจนเลยแยกไม่ออก
ถึงชายชราจะมีพลังไม่ธรรมดา เป็นถึงยอดฝีมือขั้นชะตา แต่เขาไม่รู้ว่านี่คือสภาวะหนึ่งที่มีเฉพาะบรรพชนวิญญาณ เว้นแต่ชายชราจะเป็นบรรพชนวิญญาณเหมือนกัน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สังเกตเห็นเลยว่าฟ้ารอบตัวกลายเป็นเจตนารมณ์สวรรค์ของซูหมิงแล้ว
ตอนนี้แววตาเขาเหมือนปกติ แต่ซูหมิงก็ยังเห็นความตึงเครียดและหวาดกลัวในใจอีกฝ่าย
“ยอดเขาลำดับเก้า ผู้อาวุโสใหญ่โม่ซู” ซูหมิงตอบกลับเรียบๆ
“ฆ่ามัน!” ชายชราที่พูดกับซูหมิงพลันตะโกนดังขึ้น ฉับพลันนั้นมีร่างเงาสิบสามคนบินออกจากซุงยักษ์ ร่างเงาสิบสามคนนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นชะตา ชั่วขณะที่ลงมือพร้อมกันเหมือนว่ากฏฟ้าดินรอบๆ จะถอยไป และยังเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย สิบสามคนนี้ไม่ได้พุ่งไปหาซูหมิง แต่พุ่งไปแล้วกระจายกันก่อนเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ทันใดนั้นฟ้าหมุนย้อนกลับ กฏทุกอย่างหายไปประหนึ่งแยกกับโลกดาราสัจธรรม
ตอนนี้เอง มีร่างเงาสี่สายเดินออกมาจากซุงไม้ยักษ์ เป็นชายชราสี่คน สี่คนนี้ มีสีหน้าโอหัง พลังที่แผ่กระจายมาบรรลุถึงขอบเขตที่ไม่มอดดับ
หลังสี่คนนี้ปรากฏตัว พลังจากตัวพวกเขาพลันรวมกันเป็นพลังอำนาจคับฟ้า ม้วนพาสี่คนนี้พุ่งตรงไปหาซูหมิงในพริบตา