Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1231

ตอนที่ 1231 มั่งคั่งแล้วไม่กลับบ้านเกิด

‘กระบี่ตัดดวงจิต…’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ ตอนที่ยกมือขวาขึ้น กระบี่ไม้สีม่วง เล่มนั้นพลันขยับแสงวูบวาบและมาวางอยู่ในมือเขา ทันทีที่คว้าเอาไว้ ร่างกายเขา สั่นไหว กลิ่นอายมารจากกระบี่ไหลผ่านฝ่ามือเข้าไปในร่างกาย

กลิ่นอายมารเด่นชัดยิ่ง ประหนึ่งแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร มันวนเวียนในร่างกายดูเหมือนหมายจะทำลายร่างกาย ซูหมิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ขวาง เพียงปล่อยให้กลิ่นอายมารเข้าไปกลางวิญญาณ พริบตาที่สัมผัสกับวิญญาณ กลิ่นอายมารหมุนโคจร อย่างรวดเร็วกลายเป็นกระแสอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่าง

ขณะเดียวกันกระบี่สีม่วงในมือเขายังเก็บจิตสังหารไปทั้งหมด ซ้ำยังส่งเสียงร้องกระบี่ไพเราะ ให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกเหมือนหลอมรวมกับมันเป็นหนึ่งเดียว

“กระบี่ตัดดวงจิต กระบี่ที่สามในเก้ากระบี่ กระบี่เล่มนี้ตัดได้ทุกดวงจิต ทำลายมายาสร้างความจริง ตัดร่างโดยไร้โลหิต ทำลายวิญญาณโดยตรง! นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ายมโลกใหญ่

หลายปีมานี้มันสมบูรณ์มาตลอด เป็นที่รู้กันว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอื่นๆ แทบจะแตกสลายไปทั้งหมดภายใต้มหันตภัยแล้ว…

ซูหมิง กระบี่เล่มนี้…เหนือกว่าแหวนของเจ้า ตอนนั้นมันมีพลังอำนาจมาก ในจักรวาล ตอนนี้…ยังเลิศล้ำในสามรกร้าง” ชายชราวิญญาณสวรรค์มองกระบี่สีม่วงในมือซูหมิงด้วยแววตาเป็นประกายเด่นชัดยิ่ง นี่คือภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหลังจากเห็นแหวนของซูหมิงในตอนนั้น จะเห็นได้ถึงเบื้องหลังและความแกร่งของกระบี่ตัดดวงจิตนี้

ซูหมิงก้มหน้ามองกระบี่สีม่วง เขาย่อมเข้าใจที่กลิ่นอายมารเข้าสู่ร่างกายก่อนหน้านี้ หากตนไม่ใช่ชาวเผ่ายมโลก เช่นนั้นจุดจบคือมันจะปะทุจิตสังหารทั้งหมดเพื่อ สังหารตน

แม้มันจะไม่ทำให้ซูหมิงถึงตาย แต่การทำลายวิญญาณเขาก็ยังน่ำตกใจ ตอนนี้ กำกระบี่ม่วงเอาไว้ เพียงแค่กระบี่นี้ก็ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นสามส่วน!

หญิงชุดคลุมดำสูดลมหายใจเข้าลึก กระบี่เล่มนี้อยู่กับนางมาหลายปียังไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อน ตอนนี้พอเห็น

กระบี่ยอมรับซูหมิงเป็นนายแล้วยังส่งเสียงร้องกระบี่ไพเราะเหมือนกำลังดีใจ จึงทำให้นางอดริษยาในใจอยู่เล็กน้อยไม่ได้ แต่ความริษยาก็หายไปอย่างรวดเร็ว กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่ของนาง แน่นอนว่าไม่มีทางยอมรับนางเป็นนาย

“ในเมื่อมอบกระบี่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว” หญิงชุดคลุมดำกลับมาสีหน้ำเย็นชา ก่อนยืนขึ้นพร้อมกล่าว

“ไม่ส่ง” ซูหมิงละสายตาจากกระบี่ม่วงไปมองหญิงชุดคลุมดำพลางพูดขึ้นช้าๆ

“เจ้าเหมือนอยากให้ข้าออกไปเร็วๆ ?” หญิงชุดคลุมดำถามต่อทันที

“เจ้าอยากไปเอง ข้าย่อมไม่สร้างความลำบากใจ” ซูหมิงมองนางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“ข้าลงมาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ข้ามผ่านโลกมาเพื่อมอบกระบี่นี้ให้เจ้า อีกอย่างฐานะข้ายังเป็นผู้อาวุโสของเจ้า เจ้าไม่คิดจะขอบคุณบ้างรึ?” หญิงชุดคลุมดำตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา

ซูหมิงเลิกคิ้วขึ้น

“หากมังกรทำลายล้างไม่ปรากฏ หากตอนนั้นตรงหน้าพายุหมุนไม่มีคนช่วย กระบี่เล่มนี้ยังจะอยู่ในมือข้าหรือไม่?” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ น้ำเสียงไม่สูง แต่เสียงกลับมีความคมกริบ แม้แต่แรงกดดันของมวลอากาศรอบๆ ยังรุนแรงขึ้นไม่น้อย

“เจ้า…” หญิงชุดคลุมดำพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ก่อนแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วหมุนตัวเดินไปทางความว่างเปล่า ชั่วพริบตาเดียวมีไอหนาวแผ่มาจากตัวนำง ไอหนำวนั้น ก่อรูปเป็นร่างเงาหงส์เหมันต์ตัวหนึ่ง ตอนที่มันวนเวียนไปรอบๆ หงส์เหมันต์กลายเป็นกระจกน้ำแข็งบานหนึ่ง

ขณะเดียวกับที่กระจกน้ำแข็งปรากฏ ภายในสร้างออกมาเป็นเงาซ้อนทับบิดเบี้ยว นี่คือวิธีเคลื่อนย้ายเหมือนกับที่ซูหมิงพานางมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่ากลับกัน นางหายไปกลางมวลอากาศด้วยวิธีเหมือนกัน

นี่คือวิธีโต้กลับของนาง ใช้อภินิหารตอนจากไปโต้ตอบการควบคุมที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำจากซูหมิงหลังมาถึงที่นี่ นางใช้โอกาสในการจากไปนี้เผยว่าตนก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ซูหมิงมองร่างเงาหญิงชุดคลุมดำหายไปด้วยสีหน้าปกติ นางไปก็ดี จะอยู่ก็ดี เขาไม่สนใจ แต่ก้มหน้าลงด้วยแววตาเรียบนิ่ง เพ่งมองกระบี่ม่วงในมืออยู่นานก่อนพึมพำกับตัวเอง

“เก้ากระบี่…ไม่รู้ว่าตอนนี้กระบี่ที่เหลือยังอยู่หรือไม่ ซูเซวียนอีจะมีด้วยหรือไม่…” ซูหมิงโบกมือขวาไปพลางใช้ความคิด เมื่อเกิดความคิด กระบี่ม่วงพลันหดเล็กลงกลายเป็นแสงม่วงเข้าไปในปากเขา จากนั้นก็ใช้จิตแรกบำรุงมันในร่างกาย

เวลาผ่านไปทีละวัน เมื่อวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยกว่าแห่งของสำนักดาราสัจธรรมเปิดออก ภายใต้การวางแผนของศิษย์พี่รอง ผู้ฝึกฌานเกือบล้านคนจากสำนักดาราสัจธรรมใหม่กับพันธมิตรใต้เข้าสู่ยอดเขาลำดับเก้าทั้งหมด คนเหล่านี้หายไปในวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายทีละระลอก มายังมิติของสำนักดาราสัจธรรม

นอกจากพวกเขาแล้วยังมีสำนักของสามขุมอำนาจใหญ่โลกภายในรวมถึงข้าวของที่ต้องการอีกเล็กน้อย ทั้งหมดถูกส่งเข้ามาในสำนักดาราสัจธรรม

จวบจนครึ่งเดือนผ่านไป ผู้ฝึกฌานเกือบทั้งยอดเขาลำดับเก้าเข้ามาในสำนัก ดาราสัจธรรมแล้ว โลกที่เดิมทีเงียบสงบเกิดพลังชีวิตขึ้น และเพราะสำนักดารา สัจธรรมใหญ่เกินไป การเข้ามาของคนล้านกว่าคนจึงไม่อาจเติมเต็มพื้นที่ได้มากนัก ดังนั้นแผ่นดินส่วนใหญ่จึงถูกผนึกเอาไว้

ตอนนี้พวกเขากลายเป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในสำนักดาราสัจธรรม ภายในยอดเขาลำดับเก้า ภายใต้การควบคุมโดยศิษย์พี่รอง เขาใช้วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยกว่าจุดของสำนักดาราสัจธรรมเป็นรากฐาน ก่อนเริ่มค้นหาไปทั่วโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอีกครั้ง

ตามหาผู้ฝึกฌานที่เหลือรอดและสามขุมอำนาจใหญ่ยังหาไม่พบ โดยเฉพาะหลัง ซูหมิงส่งแผ่นหยกมาม้วนหนึ่งแล้ว การค้นหาจึงแม่นยำยิ่งกว่าเดิม ในแผ่นหยกนั้นคือผู้ฝึกฌานหลาย

หมื่นคนที่กระจัดกระจายอยู่ตามขอบโลกแท้จริงดาราสัจธรรมตามที่ซูหมิงเห็น คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีขั้นพลังสูง อาศัยอยู่เพียงลำพัง มีน้อยที่จะรวมกันจำนวนมาก อย่างมากสุดก็หลายร้อยคน

เมื่อออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง ก็มีคนเข้ายอดเขาลำดับเก้าเรื่อยๆ ด้วยวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยกว่าแห่ง ศิษย์พี่รองจึงสร้างกองกำลังลาดตระเวนของโลกแท้จริงขึ้น คนจากกองกำลังเหล่านี้ต้องไปทุกที่ของโลกดาราสัจธรรมผ่านวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้กับอีกสามโลกแท้จริงที่ต้องให้ความสำคัญกว่า

นอกจากนี้แล้วยังมีอีกจุดสำคัญก็คือช่องโหว่สามรกร้างในพายุหมุน ศิษย์พี่รองส่งผู้แข็งแกร่งไปไม่น้อย แทบทุกช่วงเวลาจะมีการเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของช่องโหว่สามรกร้าง หากมีอะไรเคลื่อนไหว พวกเขาจะแจ้งสำนักทันที

และหลังจากพูดคุยกับซูหมิงแล้ว ศิษย์พี่รองยังส่งผู้ฝึกฌานจำนวนหนึ่ง ให้ตาแก่ขั้นดับที่ถูกซูหมิงประทับตราในจิตใจและเหลืออยู่คนเดียวจากฝ่ายพันธมิตรใต้เป็น ผู้บัญชาการ พาคนไปยังโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่เพื่อปรับความเข้าใจกันในอดีต และยังบอกเรื่องสำนักดาราสัจธรรมถูกทำลายกับยอดเขาลำดับเก้าผงาดขึ้น

ที่สำคัญคือใช้การปรับความเข้าใจความสัมพันธ์เป็นตัวนำบอกกับอีกสองโลกแท้จริงว่ายอดเขาลำดับเก้ากลายเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในโลกดาราสัจธรรมแล้ว พวกเขาต้องแบกภาระสังเกตช่องโหว่สามรกร้างตลอดเวลา หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งโลกแท้จริงอื่นทันที และยังเชิญให้คนอีกสองโลกแท้จริงมาโลกดาราสัจธรรมเพื่อดูช่องโหว่สามรกร้างกับตาตัวเองด้วย อาศัยภยันตรายตอนนี้สร้างพันธมิตรขึ้น ให้ผู้ฝึกฌานจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่เดินทางมาที่นี่ ตอนที่ ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงมาเยือน พวกเขาจะได้ร่วมมือกันต่อต้านและสร้างปราการโต้กลับขึ้นก่อนเวลานั้นมาถึง

ส่วนการซ่อมช่องโหว่…เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย หากผู้ฝึกฌานสามรกร้างมีความคิดจะซ่อมมันจะทำให้ภัยพิบัติมาเยือนโดยพลัน ในทางกลับกันสู้ไม่ซ่อมจะดีกว่า อีกทั้งช่องโหว่นี้ยังซ่อมไม่ได้จริงๆ

ก่อนหน้านี้เพราะพายุหมุนและความวุ่นวายของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ประกอบกับการรบกวนที่เกี่ยวข้องกับโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกรวมถึงสาเหตุอื่น หยินศักดิ์สิทธิ์ก็ดี โลกแท้จริงที่สี่ก็ดี เลยยังไม่มีใครเข้ามา จึงยากจะเตรียมการให้ ครบทุกด้าน ทำได้เพียงปล่อยให้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมเตรียมสงครามเอง

ตอนนี้ในเมื่อดาราสัจธรรมเป็นระเบียบขั้นตอนแล้ว หาวิธีข้ามผ่านพายุหมุนด้วยคนจำนวนมากได้แล้ว ภายใต้การร้องขอจากยอดเขาลำดับเก้า พวกเขาเลยมาที่นี่และเตรียมตัวทำสงครามครั้งแรกเพื่อขวางฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน

ส่วนโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ซูหมิงไม่ได้ตรึกตรอง ในมุมมองเขา หลังซูเซวียนอีออกจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว มีโอกาสสูงสุดที่จะไปโลกจักรพรรดิยมโลก ในเมื่อหักหน้ากันแล้วก็คงอยู่ในสถานการณ์ที่หากไม่ตายก็จะไม่เลิกรา เช่นนั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์อะไรอีก

แต่เมื่อศิษย์พี่รองได้ฟังความคิดซูหมิงแล้วก็ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ซ้ำยังส่งคนไปยังโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกหมายจะสร้างความสัมพันธ์และเชิญมา

ซูหมิงมองรอยยิ้มชั่วร้ายของศิษย์พี่รอง เขารู้ว่าศิษย์พี่รองที่เป็นภูตผีสวรรค์เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการร้ายอย่างยิ่ง เลยไม่ได้คัดค้านอะไร

หลังจากผู้ปฏิบัติภารกิจเดินทางไปสามโลกแท้จริง ภายในสำนักยอดเขาลำดับเก้าก็ไม่มีเรื่องอื่นอีก ที่นี่มีบรรพชนแห่งทะเลเต๋า หากมีใครมารบกวน บรรพชนแห่งทะเลเต๋าจะไม่อยู่เฉยอย่างแต่ก่อนอีก ซูหมิงเลยไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดปี อีกอย่างความจริงเวลาหนึ่งปีของภัยพิบัติรกร้างผ่านไปเร็วมาก หากภัยพิบัติรกร้างจบลง ไม่ว่าเป็นหรือตายชายชราวิญญาณสวรรค์จะไปจากเขา ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคแบบนี้อยู่ ซูหมิงย่อมอยากใช้ประโยชน์อีกสักเล็กน้อย

เป้าหมายของเขา…คือน้ำวนมรณะหยิน!

ศิษย์พี่รองต้องควบคุมสำนักยอดเขาลำดับเก้า หู่จื่อใช้เวลาทั้งหมดไปกับ การเสริมวงแหวนอาคม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอันตรายจากภัยพิบัติที่จะมาเยือนสำนัก ในอนาคต หู่จื่อเลยหละหลวมไม่ได้แม้แต่น้อย

ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ต้องบัญชาการผู้ฝึกฌานล้านคนเพื่อสงครามแห่งมหันตภัย จึงไปไหนไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน ดังนั้นการเดินทางไปน้ำวนมรณะหยินครั้งนี้ หลังศิษย์พี่ศิษย์น้องคุยกันแล้วก็มีซูหมิงไปคนเดียว

การเดินทางไปแดนมรณะหยินครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือปลดผนึกให้กับพวกศิษย์พี่ และวิธีปลดผนึก…ก็คือสังหารดวงจิตโบราณแห่งแดนมรณะหยินเหล่านั้น

ก่อนหน้านี้ซูหมิงไม่มีความมั่นใจเลย แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิ์ทำได้

วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือน วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายที่เชื่อมกับสำนักดาราสัจธรรมแห่งหนึ่งตรงจุดที่ใกล้กับน้ำวนมรณะหยินในโลกดาราสัจธรรมพลันสว่างพร่างพราว เมื่อแสงหายไป ร่างเงาซูหมิงปรากฏกายขึ้น

ชายชราวิญญาณสวรรค์อยู่ข้างกาย และยังมีอีกด้านหนึ่งของเขา เป็นกระเรียนขนร่วงที่ถูกขังอยู่นานจนในที่สุดก็ได้ออกมา ตอนนี้มันมีสีหน้าตื่นเต้น มันชำเลืองตามอง ซูหมิงพลางสาบานในใจว่าจะไม่อยู่ในถุงเก็บวัตถุอีก แอบคิดว่าเจ้าซูหมิงคนนี้ความจำไม่ดี หากลืมตนอีก ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้ออกมาเที่ยวเตร่

อีกอย่างหนึ่งมันเฝ้ารอการเดินทางไปแดนมรณะหยินครั้งนี้อย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ การเฝ้ารอคอยกลายเป็นความฮึกเหิม

“ย่ากระเรียนมันเถอะ หากมั่งคั่งแล้วไม่กลับบ้านเกิดก็เหมือนกับใส่อาภรณ์สวยงามเดินในความมืด ตอนนั้นตาแก่คนใดพูดข้าจำไม่ได้ แต่ข้าจำคำพูดนี้มาตลอด ครั้งนี้ต้องกลับบ้านเกิด ไปชนเผ่าเชมันทั้งหมดที่เคยเซ่นไหวข้า ไปชนเผ่าที่รู้ความจริง ของข้าและเคยล่าสังหารข้า หึหึ ให้พวกมันได้รู้ในสิ่งที่ทำกับท่านกระเรียนใน ตอนนั้น!” กระเรียนขนร่วงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น กระทั่งอดใจไม่ไหวตะโกนออกไป…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!