Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1257

ตอนที่ 1257 ทิศทางของอนาคต

ตรงหน้าซูหมิงมีเส้นทางใหญ่เชื่อมสวรรค์สายหนึ่ง เส้นทางนี้เห็นแสงสว่าง เห็นอนาคต เห็นความหวัง นั่นคือเส้นทางยกระดับวิญญาณเก้าครั้ง นั่นคือยกระดับวิญญาณสามครั้งก็เทียบเท่าขั้นไม่อาจกล่าว หกครั้งก็ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นไม่อาจกล่าว เก้าครั้งก็จะกลายเป็นสิ่งที่ก้าวออกจากมหาโลกสามรกร้าง อีกทั้งทุกชีวิตเฝ้าปรารถนามาตลอดตั้งแต่เริ่มยุคสมัยที่สองจนถึงสมัยนี้ แต่ว่ากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใด เคยผ่าน…

เทพบรรพชน!

หลังยกระดับวิญญาณเก้าครั้งจะกลายเป็นเทพบรรพชน หากเป็นเทพบรรพชนก็เท่ากับยืนอยู่จุดสูงสุดในสมัยที่สอง จะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสร้างอำนาจคุกคามต่อเขาได้ เพราะเทพบรรพชนเทียบเท่ากับฟ้าดินแล้ว กระทั่งในระดับบางอย่างยังกลายเป็น ส่วนหนึ่งของกันและกัน

แต่กฏเกณฑ์ที่ซูหมิงต้องผ่านเดิมทีไม่ใช่เส้นทางของเทพบรรรพชน ทว่าด้วยโชคชะตาหลายอย่างจึงเปลี่ยนเป็นเทพบรรพชน จนกระทั่งยึดครองโลกดาราสัจธรรมแล้วมีดวงจิตโลกแท้จริง ถึงขั้นพูดได้ว่าซูหมิงในตอนนั้น แม้แต่เขาเองยังไม่รู้ว่าเขามีชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด

ชีวิตเขาไม่มีขอบเขต การคงอยู่ของเขาจะกลายเป็นนิรันดร์ เว้นแต่โลกแท้จริงจะถูกทำลายลงทั้งหมด ดวงจิตถูกลบหายไปจนสิ้น ถึงขนาดที่ซูหมิงเองก็ถูกสังหารเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว เขาจะไม่มีวันตาย สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลพิเศษยิ่งในสมัยเทพบรรพชนหรือสมัยที่หนึ่ง เขาคือเทพบรรพชน แต่ก็เป็นหนึ่งในสี่โลกแท้จริงใต้ดวงจิตสามรกร้าง ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ประหลาดกับดวงจิตสามรกร้าง แต่ความสัมพันธ์นี้ ต่อให้เป็นชายชราวิญญาณสวรรค์ก็ยังรู้เพียงผิวเผิน ยากจะมองเห็นชัด เพราะนี่คือคุณสมบัติของเทพบรรพชนเท่านั้น

แต่…ซูหมิงทำได้!

นั่นเป็นเพราะหลังจากซูหมิงเป็นบรรพชนวิญญาณและยึดครองโลกแท้จริงแล้ว เขาก็ค่อยๆ เข้าใจเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นในใจจึงเกิดความกระหายในการยกระดับวิญญาณหลายครั้งอย่างยิ่ง

เขากระหายจะยกระดับวิญญาณถึงเก้าครั้งให้เร็วที่สุด เดินก้าวนั้นในตำนาน เข้าสู่ขอบเขตพลังที่ยากจะบรรยายนั้น แต่แม้ในใจจะกระหาย ทว่าเรื่องนี้ใช่ว่าจะได้มาอย่างที่เขาต้องการ เขาต้องการการทะลวงพลัง ต้องการระดับชีวิต ไปจนถึง การข้ามผ่านของดวงจิตและจิตใจ

ต้องอยู่ในระดับที่มากพอก่อนถึงจะมีพื้นฐานในการยกระดับวิญญาณครั้งต่อไป

ดังนั้น แม้ก่อนหน้านี้เขาจะสนใจก็ตาม แต่ก็เข้าใจว่าจะรีบร้อนไม่ได้ ทว่าตอนนี้…ทันทีที่เขารู้สึกว่าดวงจิตไปจนถึงระดับชีวิตกำลังเดือดพล่าน รู้สึกว่าเขาจะยกระดับวิญญาณครั้งที่สองได้ ถึงขนาดที่คุณสมบัติการยกระดับวิญญาณครั้งที่สามยังเข้ามาใกล้อยู่ตรงหน้านั้น ในใจเขาเกิดความโลภอย่างรุนแรง

โชควาสนามักอยู่ในอันตราย คำพูดนี้มีมาแต่โบราณ ซูหมิงในยามนี้ ทุกอย่างที่เขาทำสอดคล้องกับประโยคนี้

‘ภัยพิบัตินี้มีวิญญาณสวรรค์อยู่ โอกาสตายของข้าไม่สูง แต่ก็ต้องเตรียมตัว ต้องระวังให้ดี…ไม่ว่าอย่างไร หากออกจากแดนมรณะหยิน ข้าจะไปยกระดับวิญญาณที่วิหารเหล่าเทพทันที…หากยกระดับวิญญาณได้ติดกันสองครั้งไปจนถึงครั้งที่สาม…เช่นนั้นข้า…’ ความกระหายในดวงตาซูหมิงเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มรดกของวิหารเหล่าเทพวางอยู่ตรงหน้าแล้ว คนนอกเห็นยังไม่กล้าไปเอา เพราะไม่รู้ลำดับของมรดกสืบทอด

ซูหมิงมีลำดับเหล่านี้ แต่เขาไม่มีคุณสมบัติมากพอ เรื่องนี้ตอนแรกก็ลังเลอยู่นานมากถึงกัดฟันจากไปอย่างเด็ดขาด ฝืนไม่ให้ตัวเองคิดถึงความมหัศจรรย์ของ วิหารเหล่าเทพอีก

ทว่าตอนนี้เขาเห็นความหวังแล้ว เขาในสภาวะเปลี่ยนเทพหมานเงยหน้าคำราม ดวงตาสองข้างเผยประกายขึ้นฟ้า ภายในน้ำวนมรณะหยินอันมืดสลัวเล็กน้อยนี้ ดวงตาเขาเป็นดั่งแสงไฟสว่างสองแห่ง เปลวเพลิงนั้นแผดเผาชีวิตและเปล่งแสง แห่งความหวัง

“ภัยพิบัติที่สามยังไม่มาอีกรึ!” ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ประกายในดวงตาสว่างจ้ายิ่งในน้ำวนมรณะหยิน เมื่อเขากระโดดลอยขึ้น ตัวยังเขาปะทุพลังประหนึ่งสายรุ้งมากขึ้นเรื่อยๆ พลังนี้วนเวียนรอบตัว…ภายใต้การรวมกันจึงกลายเป็นน้ำวนพายุหมุนครั้งแรก!

ภาพนี้เหมือนกับของชายชราวิญญาณสวรรค์ก่อนหน้านี้ แต่ชายชราอาศัยพลังสูงส่งถึงใช้พลังเป็นน้ำวนได้ จึงเป็นลักษณะน้ำวนที่สองกลางน้ำวนมรณะหยิน

แต่ของซูหมิงเทียบพลังกับชายชราวิญญาณสวรรค์ไม่ได้ แต่เขาพิเศษอย่างยิ่ง เขามีร่างแยกโลกแท้จริง มีวิชาคำสาปรกร้างแรกที่สร้างความตื่นตกใจกับขั้นไม่อาจกล่าวได้ และยังให้ดวงจิตสามรกร้างตื่นจากการหลับใหล อีกทั้งยังผ่านภัยพิบัติที่หนึ่งและสองไปด้วยตัวเอง ประกอบกับทุกอย่างมาจากการเปลี่ยนแปลงประหลาดตรงส่วนลึกน้ำวนมรณะหยิน ดังนั้นพลังของเขาจึงเปลี่ยนจากสภาพเดิมที่ใช้เป็นน้ำวน ในครั้งแรก

น้ำวนนี้หมุนโคจรพร้อมเสียงดังสนั่น ก่อนกลายเป็นน้ำวนที่สามในน้ำวนมรณะหยิน ชายชราวิญญาณสวรรค์เห็นภาพนี้แล้วพลันหรี่ตาลง มีสีหน้าประหลาดใจ

ดูเหมือนไม่มีความต่างของลักษณะ เพียงแค่สร้างน้ำวนขึ้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว นี่คือ ความสามารถของคนที่ยกระดับวิญญาณสามครั้งเท่านั้นถึงจะมี

อีกทั้งตอนที่พลังซูหมิงรวมขึ้นเป็นน้ำวน ดวงตาชายชราวิญญาณสวรรค์สว่างวาบเด่นชัด ซ้ำยังยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือไปข้างหน้า ริมฝีปากบนล่างสั่นไหวเบาๆ เหมือนคำนวณอะไรบางอย่าง

เพราะเขาเห็นว้ำวนดวงจิตของซูหมิงเหมือนมีวัตถุประหลาดบางอย่างข้างใน แต่กลับเลือนรางไม่ชัดเจน เห็นเพียงเหมือนมีปีก…

ทุกอย่างกล่าวเหมือนช้า แต่ความจริงตั้งแต่ที่ภัยพิบัติที่สองถูกทำลายก็ผ่านมาไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงในร่างเปลี่ยนเทพหมานม้วนพลังให้เป็นน้ำวนที่สามของแดนมรณะหยิน พลันเกิดแสงสว่างวูบวาบข้างบนน้ำวนมรณะหยิน

แสงสว่างนั้นไม่ชัดเจน เห็นเพียงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างตัดสลับกันไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าจะเป็นอย่างนี้ไปชั่วนิรันดร์ ขณะเดียวกันนอกน้ำวนมรณะหยิน สามรกร้างเกิดเสียงดังสนั่น แสงมืดและสว่างตัดสลับกัน ประหนึ่งว่าทั้งสามรกร้างถูกวางอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง และตะเกียงน้ำมันในห้องนี้ยังอยู่ระหว่างการมอดดับและติดไฟยากจะซ้อนทับกัน

มหาโลกสามรกร้างในตอนนี้เป็นเช่นนี้!

‘หลังจากสายฟ้าห้าสีจะต้องเป็น…ภัยพิบัติหกไฟกระพริบ กระพริบหนึ่งครั้งแสนปี สองครั้งล้านปี…’ ชายชราวิญญาณสวรรค์เงยหน้าขึ้นเพ่งมองน้ำวนด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นเรื่อยๆ

‘อีกทั้งดูจากลักษณะแล้ว หรือว่า…ภัยพิบัติยกระดับวิญญาณครั้งแรกในตัวซูหมิงจะไม่ใช่สามครั้ง…’ นึกถึงตรงนี้ ชายชราวิญญาณสวรรค์พลันหน้าเปลี่ยนสี

ตอนนี้เอง ท่ามกลางเสียงครึกโครมในน้ำวนมรณะหยิน แสงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เดี๋ยวกระพริบเดี๋ยวมอดดับเป็นดั่งภาพวาด ภาพนี้กำลังขยายลงมาข้างล่าง เหมือนกับว่าระหว่างแสงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างซ่อนสัตว์ร้ายโบราณบางอย่างเอาไว้ ตอนนี้กำลัง อ้าปากพุ่งตรงมาหาซูหมิงด้วยความโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!