Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1313

ตอนที่ 1313 จิตไม่นิ่ง

ดวงตาชายชุดคลุมดำเผยประกายรวดเร็วและดุดัน เหมือนมองเห็นดวงจิตที่ ข้ามผ่านเวลามาของซูหมิง ตอนที่มองไป ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกเหมือนว่าในดวงตาอีกฝ่ายแฝงไว้ด้วยความหมายแห่งราชาบางอย่าง ชั่ววูบเดียวก็มาปรากฏ ในใจเขา

ระดับความบ้าอำนาจของสายตานั้นเหมือนว่าบนฟ้าใต้หล้ามีเพียงข้าที่เป็นใหญ่ ผู้คล้อยตามข้ารุ่งเรือง ผู้ต่อต้านข้าตาย หากมีใจคิดต่อต้านแม้แต่น้อยจะทำลายล้างสิบเผ่าพันธุ์ทันที ให้สายเลือดมันผู้นั้นขาดหายไปจนสิ้นนับจากนี้!

กระทั่งต่อให้ไม่มีใจต่อต้าน แต่เพียงเกิดความลังเลในคำพูดแม้แต่น้อย จะต้องเผชิญหน้ากับแววตาบ้าอำนาจและจิตสังหารประหนึ่งฟ้าพังพินาศของเขา

ความบ้าอำนาจแบบโจ่งแจ้งเช่นนี้คล้ายกับเป็นจุดสูงสุดของทุกอย่าง มีความหยิ่งยโส มีความมั่นใจในตัวเอง มีความโอหังที่กดขี่อยู่เหนือทุกชีวิตได้

สายตานั้นเย็นชา แต่ในเวลานี้เหมือนมีเสียงหนึ่งดังก้องข้างหูซูหมิง แม้เสียงนี้จะมิใช่คำพูดชายชุดคลุมดำ แต่ซูหมิงรู้สึกเหมือนว่าดังก้องอยู่จริงๆ

“หากเจ้าล่วงเกินข้า ไม่ว่าเจ้าซ่อนอยู่ที่ใด ไม่ว่าเจ้ามีพลังระดับใด ไม่ว่าข้างกายเจ้ามีใครปกป้อง ไม่ว่าเจ้าจะจากอดีตหรืออนาคต หากเพียงเจ้าล่วงเกินข้า ข้า…จะสังหารเจ้า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจ้า สังหารสายเลือดเจ้า สังหารร่องรอยทุกอย่างของเจ้า!”

“ไสหัวไป!” เสียงราบเรียบแฝงไว้ด้วยความเย็นชาไร้ที่สิ้นสุดดังมาเนิบๆ ตอนนี้เองดวงจิตซูหมิงเกิดเสียงดังสนั่น ราวกับว่าเสียงนี้กับสีหน้าเย็นชานั้นคือพายุคลั่งที่ทำลายดวงจิตเขาได้ทั้งหมด

พายุคลั่งนี้พลันทำลายมวลอากาศที่ซูหมิงอยู่ ระหว่างที่เกิดเสียงครึกโครมในความคิด ทั้งดวงจิตเหมือนกลายเป็นน้ำวนยักษ์แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ถูกน้ำวนนี้กินเข้าไปในพริบตา

ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน ตอนที่ลืมตาขึ้น เขายังอยู่ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ยังคงอยู่โลกที่ หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ด ตรงหน้าเป็นชายร่างกำยำเผ่าลายหมี ข้างกายคือจักรพรรดิ รุ่งอรุณเหยียนเผย โดยรอบเป็นชาวเผ่าลายหมีเหล่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าซูหมิงผ่านอะไรมาบ้าง แต่ทุกคนต่างหน้าซีดขาว โดยเฉพาะจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย เขามีพลังสูงสุด ดังนั้นจึงรู้สึกเด่นชัดกว่า

ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยรู้สึกชัดเจนว่ากลิ่นอายพลังซูหมิงหายไป ถูกดวงจิตโบราณดวงหนึ่งปกคลุม เห็นๆ อยู่ว่ายืนอยู่ที่นี่ แต่กลับถูก หมอกแดงปกคลุมร่าง หากเพียงแค่เลือนรางคงไม่เท่าไร แต่เขารู้สึกชัดว่าใน พริบตานั้น รอบตัวซูหมิงเกิดกลิ่นอายพลังแปลกตาขึ้น ความแกร่งของกลิ่นอายพลังนี้มากพอจะทำให้จักรพรรดิรุ่งอรุณกับผู้สูงส่งหวนคืนทั้งหมด กระทั่งดวงจิตสามรกร้างต้องตัวสั่น

แต่ว่า…เพียงแค่รู้สึกได้ที่นี่เท่านั้น ไม่ได้กระจายออกแม้แต่น้อย…

ทุกอย่างนี้ทำให้ซูหมิงเข้าใจและรู้ทุกอย่าง เขายังเข้าใจอีกว่ากลิ่นอายพลัง ของชายหนุ่มชุดคลุมดำไม่เพียงแต่ทำให้ดวงจิตสามรกร้างตัวสั่นได้ ต่อให้เป็น… ผีเสื้อซางเซียงในอดีตก็ยังหวาดกลัวจนตัวสั่นเช่นกัน เพราะเขาเห็นกับตาว่าผีเสื้อที่เหมือนกันทุกประการตัวหนึ่งถูกชายหนุ่มชุดคลุมดำดูดเข้าไปในของวิเศษลักษณะ เข็มทิศอย่างง่ายดาย

‘เขาเป็นใคร!’

ซูหมิงหรี่ตาลง นี่คืออันตรายครั้งใหญ่ที่สุดที่รู้สึกได้หลังจากเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ กระทั่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าในจักรวาลนี้จะมีผู้แข็งแกร่งแบบนี้อยู่!

ผู้แข็งแกร่งแบบนี้เหนือขอบเขตความคิดเขาไปแล้ว ขณะเงียบอยู่นี้ดวงตาพลันเป็นประกายวาว เรื่องนี้เหมือนกับหนามอันหนึ่งแทงลงไปในก้นบึ้งหัวใจ ซ้ำยังทำให้เข้าใจว่า ตอนนั้นเขา…เกิดความกลัวขึ้นมา

นี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขามาหลายปี มีเพียงตอนอยู่ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตเท่านั้นถึงเกิดความรู้สึกคล้ายๆ แบบนี้ เขาในตอนนั้นไม่อยากถูกกดขี่ เพราะเขา แพ้ไม่ได้ หากแพ้จะต้องตาย

ตอนนี้เขาไม่ถูกกดขี่แล้ว เพราะฝึกพลังถึงระดับอย่างเขาแล้วนั้น หากในใจ เกิดความคิดถอย เขา…จะไม่ใช่เขาอีก

เมื่อดวงตาขยับประกายวาว ซูหมิงยกมือขวาโบกไป กล่องหยกตรงหน้าพลัน แตกออกอีกสองใบ กลิ่นอายพลังโบราณในนั้นกระจายออกมาอีกครั้ง จากนั้นซูหมิงใช้สองมือคว้าไป กลิ่นอายพลังจึงพุ่งตรงมาที่เขา วนเวียนตรงหน้าเป็นน้ำวนแห่งหนึ่ง น้ำวนนี้หมุนวนอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายพลังกาลเวลาโบราณในนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ซูหมิงจ้องน้ำวนนั้นด้วยสีหน้าเด็ดขาดอีกครั้ง

‘เรื่องนี้ หากข้าละทิ้งไปแบบนี้ จิตใจข้าจะไม่สงบลง!’

‘เรื่องนี้ หากใจข้าไม่สงบ จากนี้ความคิดข้าจะไม่โลดแล่น!’

‘เรื่องนี้ หากความคิดข้าไม่โลดแล่น จากนี้ข้า…จะจิตไม่นิ่ง!’ ตั้งแต่ดวงจิตบรรลุถึงขั้นสูงมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยสีหน้าเหี้ยมโหด นั่นทำให้เหยียนเผยใจสั่นไหว เขาไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้จากซูหมิงมาก่อน สีหน้านี้เหมือนจะทำให้การเต้นของหัวใจเขาหยุดนิ่ง ขนาดเขายังเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวเผ่าลายหมีคนอื่น คนเหล่านี้ต่างหวาดกลัวสีหน้าซูหมิงอย่างสุดขีดแล้ว ความคิดขาวโพลน เสียความสามารถในการตรึกตรองไป

‘จิตใจไม่สงบ ความคิดไม่โลดแล่น จิตไม่นิ่ง ข้าต้องทำลาย!’ นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร เขายกมือขวาคว้าน้ำวนนั้นมาอยู่ในมือ น้ำวนหดลงอย่างรวดเร็ว จนเมื่อมาอยู่ในมือก็กลายเป็นขนาดเท่าไข่ไก่ เขาถือเอาไว้ก่อนกดลงตรงระหว่างคิ้วตัวเอง อย่างไม่ลังเล

ทันทีที่กดลงตรงระหว่างคิ้ว เกิดเสียงครึกโครมในความคิด โลกกลายเป็นน้ำวนอีกครั้ง ตรงหน้าปรากฏจักรวาลกว้างใหญ่อีกครั้ง โลกหมุนย้อนไปในอดีตอย่างรวดเร็วอีกครั้ง กลับไปยัง…ภาพนั้นที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ เขาเห็นชายหนุ่มชุดคลุมดำใช้เข็มทิศดูดผีเสื้อตัวนั้นอีกครั้ง

เห็นชายหนุ่มชุดคลุมดำเงยหน้าขึ้นส่งเสียงหืมมาทางตนอีกครั้ง

แทบเป็นช่วงที่เสียงชายหนุ่มคนนี้ดังขึ้น ดวงจิตซูหมิงพลันหนาวเยือกประหนึ่งฟ้าดินถล่มทลาย เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นราชาแต่ตนเป็นมดปลวก ลมหายใจต่อมาจะถูกลบหายไปได้ แต่ว่า…ซูหมิงกัดฟัน ดวงจิตเขาในยามนี้รวมพลังโลกดาราสัจธรรม พรรคเซียน ดาราโบราณและพลังของจักรพรรดิยมโลกสี่โลกเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นพายุคลั่งที่รุนแรงถึงขีดสุด ก่อขึ้นเป็นกระบี่ทะลวงฟ้าแห่งชีวิตของเขาเล่มหนึ่งพุ่งไปหาคนที่กล้าแค่นเสียงขึ้นจมูกมาทางตน เปิดฉากการโจมตี…ข้ามผ่านกาลเวลาไม่มีสิ้นสุดไม่รู้กี่ปีจากนี้ ปะทุเป็นความบ้าคลั่ง

กระบี่นี้ ซูหมิงต้องใช้มัน กระบี่นี้ ซูหมิงต้องทำลาย จิตใจเขาไม่สงบ ความคิดไม่โลดแล่น จิตไม่นิ่ง เขาต้องทำลาย!

เสียงครึกโครมพลันดังก้องฟ้าดิน ซูหมิงมองไม่เห็นผล เพราะทันทีที่ดวงจิตเขาปะทะกับชายชุดคลุมดำคนนั้นก็แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ!

“หากทำลายไม่ได้ก็ไม่ปะทะ แต่หากมีวันหนึ่งที่ปะทะได้จริงๆ ข้าจะต่อต้าน ต่อต้าน…ทุกชีวิตที่ตัดสินโชคชะตาของข้า!” นี่คือเสียงคำรามที่ดังมาจากจิตวิญญาณก่อนที่ดวงจิตซูหมิงจะแหลกสลายไป!

เสียงคำรามนี้ยังคงดังก้องซูหมิง ซูหมิงลืมตาขึ้นก็ยังอยู่ในฟ้าของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ยังคงอยู่ในภาพก่อนหน้านี้ นัยน์ตาฉายแววเหนื่อยล้า แต่ในตัวเขากลับมีความจริงจังที่มีเพียงเขาที่เข้าใจเพิ่มมา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!