Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1329

ตอนที่ 1329 หลุมพรางสังหาร

ทันทีที่ศพเหล่านี้กลายเป็นฝุ่นธุลี ภายในเส้นทางเลือดเนื้อทั้งหมดพลันอบอวลไปด้วยหมอกขมุกขมัวนั้น ภายในหมอกนี้แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายปลุกอารมณ์ คนทั่วไป แค่ดมเพียงเสี้ยวหนึ่งจะตัวสั่น ถูกความปรารถนาที่ปะทุมาในร่างกายแผดเผาวิญญาณจนตาย

กลิ่นอายพลังระดับนี้ไม่ใช่การปลุกอารมณ์อีก แต่กลายเป็นพิษร้ายแรงที่กัดกร่อนร่างกายสิ่งมีชีวิตได้!

ต่อให้เป็นจื่อรั่วก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้นางจะบรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าวแล้ว แต่ยามนี้ทำได้เพียงต่อสู้ดิ้นรน ภายในดวงตาเลือนรางมากครั้งขึ้น ตอนมีสติ ลดน้อยลง สีชมพูทั่วร่างประหนึ่งว่าในร่างกายมีเพลิงที่แผดเผานางได้กลุ่มหนึ่ง หากเพียงแค่นี้คงไม่เท่าไร เพราะด้วยความที่นางขว้างงูไม่พ้นคอ ตอนนี้ภายในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ข้างนอก ชาวเผ่าของนางยังคงระบำไม่หยุด ใช้วิชาพรสวรรค์มากขึ้น ทำให้กลิ่นอายในเส้นทางเลือดเนื้อเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งหมอกโดยรอบจมร่างเงาจื่อรั่วไปแล้ว ก็เกิดเสียงครวญครางซึ่งมากพอจะกระตุ้นตัณหาทุกอย่างในส่วนลึกของร่างกายทุกสิ่งมีชีวิตดังกึกก้องทั้งเส้นทางเลือดเนื้อ เสียงนั้นมีความเศร้ายากจะบรรยาย แฝงไว้ด้วยความยั่วยวนที่ทำให้คน ปากแห้ง และยังมีความกระหายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกำลังตามหาคนที่จะปลดปล่อยความเร่าร้อนแห่งชีวิต

ระหว่างจื่อรั่วส่งเสียงแบบนี้ เกิดเสียงโครมดังในความคิดนาง นางไม่อาจต่อต้านในหมอกขมุกขมัวได้อีก เสียสติปัญญาไปโดยพลัน แต่ส่วนลึกในใจยังมีการดิ้นรน เสี้ยวหนึ่ง ทว่าดวงตาไม่มีสติแล้ว มีเพียงความเลือนรางที่มากขึ้น ตัวนางเป็นสีชมพู อาภรณ์ถูกตนฉีกออกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ร่างกายที่ถูกหมอกบดบังครึ่งหนึ่งมีความยั่วยวนที่สามารถดึงดูดทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาล ต่อให้เป็นขั้นไม่อาจกล่าวก็ยากจะรักษาสติจากพิษแห่งตัณหาที่ดึกดำบรรพ์ที่สุดนี้ได้

ตัวจื่อรั่วเป็นสีชมพูมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจดังก้อง นางขยับวูบไหวไปเหมือนเป็นสัญชาตญาณ เหมือนจะไปหาซูหมิง จึงเป็นสายรุ้งยาวบินไป นางไม่ไปหาไม่ได้แล้ว แม้จะเสียสติก็ตาม แต่สัญชาตญาณจากสติเสี้ยวหนึ่งตรงส่วนลึกในใจกลับบอกนางว่าหากไม่ไปหาซูหมิง หากไม่ฟื้นกลับมาจากสภาวะอารมณ์ปรารถนานี้ เช่นนั้นวันนี้…นางจะถูกเพลิงในตัวแผดเผา ต่อให้ไม่ถูกแผดเผา หากได้รับพิษแห่งตัณหาเช่นนี้นานเข้าก็จะแก้ไม่ได้ เช่นนั้น…

นางจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไม่มีจิตสำนึกรู้จักแต่ความตัณหา หากออกจาก เส้นทางเลือดเนื้อไปทั้งๆ แบบนี้ สำหรับนางแล้วก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิตเช่นกัน กระทั่งกลายเป็นความโศกเศร้าของทั้งฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ…

นางไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ถึงจะตายก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น แต่ว่า…นางเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้าที่สติเพียงหนึ่งเดียวในใจจะถูกทำลาย นางน้ำตาไหล

เพียงน้ำตาไหลก็ระเหยเป็นไอทันที นอกจากนางแล้ว…คนอื่นมองไม่เห็น

ในความทรงจำเบาบางของนาง เมื่อน้ำตาหยดสุดท้ายนั้นหายไป นางเสียจิตสำนึกทุกอย่างไปอย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นร่างกายที่ถูกตัณหาควบคุม เป็นสัตว์เพศเมียที่ถูกควบคุมจิตวิญญาณ!

ร่างงดงามของนางข้ามผ่านในหมอกขมุกขมัว ตามหาสิ่งมีชีวิตที่จะปลดปล่อย พิษแห่งตัณหาในร่างกาย นางในตอนนี้…ไม่ว่าพบใครก็จะแสดงความงามของตนโดยไม่สนสิ่งใดแล้ว บางทีนี่อาจเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ว่า…ทุกอย่างนี้หากมิใช่ว่านางยึดมั่น ก็คงไม่เกิดผลเช่นนี้

ขณะที่จื่อรั่วบินอยู่ในหมอกขมุกขมัว ซูหมิงอยู่เส้นทางข้างล่าง เขาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า โดยรอบเกิดาพายุหนาวขึ้นหนึ่งชั้น พายุพัดหมอกขมุกขมัวที่อัดแน่นอยู่ในเส้นทางเลือดเนื้อให้หายไปไม่ได้ ประโยชน์ของมันคือพัดบนตัวซูหมิงเรื่อยๆ ทำให้เขายังคงมีสติ

ดวงตาเขาแดงขึ้นเล็กน้อย แต่สติยังคงชัดเจนมาก ดูไม่ได้รับผลมากนัก จากการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางเลือดเนื้อที่นี่ ตอนนี้เขาเดาได้นานแล้วว่าจื่อรั่วคือจุดสำคัญ

แต่ด้วยสติปัญญา เขาจึงวิเคราะห์ได้เร็วมากว่าต่อให้จื่อรั่วเป็นผู้แข็งแกร่งขั้น ไม่อาจกล่าว แต่ก็ไม่มีทางสร้างพิษแห่งตัณหาชีวิตที่จะส่งผลถึงซูหมิงเช่นนี้ได้

ในนั้นจะต้องมีคนแอบลงมือลับๆ เป็นคนนี้เอง…ที่ทำให้พิษแห่งชีวิตรุนแรงขึ้น ทำให้พิษที่นี่ส่งผลถึงเขา

และคนที่ทำแบบนี้ได้ ในการคาดเดาของเขา นอกจากผู้เฒ่าเมี่ยเซิงคนนั้นแล้ว ก็มี…สามรกร้าง!

ถึงอย่างไรเงามืดรุ่งอรุณก็ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ดี เหล่านี้ล้วนเป็นของสามรกร้าง ดังนั้นสามรกร้างจึงมีคุณสมบัติวางหลุมพรางนี้อย่างเงียบเชียบโดยที่ซูหมิงไม่สังเกตเห็นมากนัก

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายเย็นชา เขาเคยพบกับสามรกร้างใต้ต้นไม้ครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายมีพลังยึดครองซางเซียง หากจะสังหารตนก็ไม่น่าจะใช้วิธีนี้

‘หรือว่าที่นี่ยังมีฝ่ายที่สาม!’ ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว เขารู้สึกว่าพิษแห่งตัณหาชีวิตที่นี่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเหมือนว่าอีกไกลมากกว่าจะถึงสุดทางของเส้นทางเลือดเนื้อ

พอดวงตาซูหมิงเกิดประกายเย็นชา เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก ระหว่างที่เดินหน้าอยู่พลันหยุดชะงัก ยกมือขวาขึ้นคว้าไปทางผนังของเส้นทางเลือดเนื้อข้างๆ

เพียงคว้าไปโดยรอบเกิดเสียงดังสนั่น ทั้งผนังเลือดเนื้อสั่นไหว ปรากฏมือยักษ์ข้างหนึ่งขึ้นตรงหน้าซูหมิง แต่ทันทีที่ปะทะกับเส้นทางเลือดเนื้อมันกลับถูกพลังนุ่มนวลในนั้นต่อต้าน ฝ่ามือมายาของซูหมิงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับหายไป

‘สามรกร้าง!’ ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย พลังนุ่มนวลที่แผ่มาจากเส้นทางเลือดเนื้อนี้เป็นของสามรกร้าง!

แทบเป็นช่วงที่ฝ่ามือมายาของซูหมิงหายไป พิษแห่งตัณหาชีวิตที่เข้มข้นยิ่งกว่าพลันปล่อยมาจากในเส้นทางเลือดเนื้อ พอกลิ่นอายขมุกขมัวสีชมพูปกคลุมการมองเห็นของเขาในทันใดแล้ว เขาเงียบ ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ถอยไป แต่ถอนหายใจเบา

“เจ้าคิดจะลบข้าแบบนี้จริงๆ รึ…ต่อให้มีสัญญาร้อยปี แต่เจ้าก็ยังจะลงมือกับข้าในจังหวะที่เจ้าคิดว่าเหมาะสม…ที่นี่ข้างบนไม่เชื่อมฟ้า ข้างล่างไม่เชื่อมดิน ไม่ใช่อากาศธาตุ ไม่ใช่ผืนฟ้า ไม่มีทางเข้า และก็ยากจะหาทางออก…ดูท่าข้าคงถูกเจ้าผนึกปิดตายแล้ว นี่คือแดนสังหารสำหรับข้าโดยเฉพาะ” ซูหมิงถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ เขารู้ว่าตนประมาท หลังจากมาถึงฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ เขาถูกเรื่องราวต่างๆ ของชายหนุ่มชุดคลุมดำที่กินผีเสื้อในอดีตคนนั้น รวมถึงเรื่องที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมาจากจักรวาลกว้างใหญ่รบกวนจิตใจเล็กน้อย เลยเกิดความประมาทกับสามรกร้าง

“เจ้าควบคุมฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน เช่นนั้นก็น่าจะรู้ว่าเส้นทางนี้เชื่อมไปที่ใด ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้เรื่องที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมาจากจักรวาลกว้างใหญ่หรือไม่!

เจ้ารู้หรือไม่ว่าในจักรวาลกว้างใหญ่นั้น ยังมีชายหนุ่มชุดคลุมดำคนหนึ่งกิน ผีเสื้อซางเซียงได้อย่างชำนาญ!” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ หมอกโดยรอบพลันหายไป ขณะเดียวกันบนผนังเส้นทางเลือดเนื้อปรากฏชายหนุ่มผู้มีสีหน้าอบอุ่นคนหนึ่ง เขาสวมชุดคลุมขาว ร่างกายปรากฏเป็นมายาอยู่กลางความขมุกขมัว มองมาทาง ซูหมิง

ซูหมิงก็มองชายหนุ่มเช่นกัน แม้จะไม่เหมือนกันคนใต้ต้นไม้ แต่กลิ่นอายพลังนี้ ดวงจิตนี้คือสามรกร้าง

“ชายหนุ่มชุดคลุมดำที่เจ้าว่าเป็นใครข้าไม่รู้…และก็ไม่อยากรู้เช่นกัน ส่วนผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ข้าเคยตรวจสอบเขาแล้ว มาจากจักรวาลกว้างใหญ่จริงๆ แต่กลับพลิกฟ้าไม่ได้

สำหรับข้าแล้ว เจ้าต่างหาก…ที่มีอำนาจคุกคามต่อข้ามากที่สุด” ขณะชายหนุ่มกล่าวขึ้นดวงตายังขยับประกายวาว ทันใดนั้นเกิดเสียงอึกทึกกึกก้องฟ้าดิน พิษแห่งตัณหาชีวิตไม่มีสิ้นสุดในเส้นทางเลือดเนื้อเข้มข้นถึงขีดสุดด้วยความเร็วยาก จะบรรยาย

“ขอเพียงเจ้าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตก็หนีไม่พ้นเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา ต่อให้ไม่มีเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาก็ต้องมีสัญชาตญาณการสืบเชื้อสาย ดวงจิตเจ้ากับข้าอยู่ชั้นเดียวกัน แต่ข้า…ไม่มีร่างสถิต เหลือแต่เพียงดวงจิต ทว่าเจ้า…เพราะทิ้ง กายเนื้อไม่ลงเลยมีจุดอ่อน

จุดอ่อนนี้คือความปรารถนาแห่งชีวิตของเจ้า ใช้ความปรารถนาทำลายล้างชีวิต ตอนที่เจ้าเสียสติ เจ้าจะเสียดวงจิต ไม่มีดวงจิตเจ้าก็ต่อต้านข้าไม่ได้ ข้าเพียงแค่คิด…เจ้าก็สิ้นชีพได้”

เสียงของสามรกร้างดังกังวานและแฝงไว้ด้วยความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่ดังเข้าถึงหูซูหมิง ซูหมิงมองตรงจุดที่ร่างมายาสามรกร้างอยู่ซึ่งถูกความขมุกขมัว ปกคลุมพลางส่ายศีรษะเงียบๆ

เห็นได้ชัดว่าสามรกร้างไม่สนใจชายหนุ่มชุดคลุมดำหรือผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเลย หากคนอื่นเห็นที่เขาไม่สนใจแบบนี้ก็คงคิดว่าสามรกร้างมีความมั่นใจในตัวเอง กระทั่งรู้เรื่องที่มีเขาคนเดียวที่รู้อีกเล็กน้อย ดังนั้นจึงมีความมั่นใจเช่นนี้และมองข้ามไป

แต่…ซูหมิงคงอยู่เหมือนกับสามรกร้าง ตอนนี้เขารู้สึกว่าสามรกร้าง…ไม่รู้เรื่องชายหนุ่มชุดคลุมดำจริงๆ หรืออาจจะรู้เงื่อนงำเล็กน้อย แต่กลับอวดดี ทั้งยังดูถูกผู้เฒ่าเมี่ยเซิง

“จริงๆ แล้วเจ้ากับข้า…ไม่เป็นศัตรูกันได้” ซูหมิงถอนหายใจเบา นัยน์ตาเผย จิตสังหาร เขาถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนยกมือขวาโบกไปข้างหน้า

เพียงโบกไป ดวงจิตปะทุออกมารวมเป็นน้ำวนยักษ์ ระหว่างที่น้ำวนหมุนโคจร ซูหมิงแค่นเสียงขึ้นจมูก

“หลุมพรางสังหารข้านี้จะมีฝ่ายที่สามอยู่หรือไม่ ข้าอยากรู้มากว่าหากมี ฝ่ายที่สามจริงๆ เป็นใครกันที่ห่วงใยข้าเช่นนี้!” ซูหมิงยิ้มเยาะ ยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือชี้ตรงระหว่างคิ้ว ฉับพลันนั้นปรากฏรอยแยกของดวงตาที่สาม ตรงระหว่างคิ้ว

เมื่อเปิดดวงตาที่สามแล้ว แสงหม่นพลันสว่างวาบในดวงตาที่สาม ตอนที่แสงนั้นสว่างจ้าแสบตา ดวงตาที่สามของซูหมิงเปิดออกทั้งหมด เผยลูกตาภายใน

ขณะเดียวกันน้ำวนตรงหน้าซูหมิงหมุนโคจรเสียงดังสนั่น ม้วนพิษแห่งตัณหารอบๆ ให้ลอยไกลออกไป ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วขยับประกาย ทั้งโลกถูกขยายอย่างไร้ขีดจำกัดในดวงตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!