Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1333

ตอนที่ 1333 ผลย้อนกลับ

ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ โลกของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ชั้นสามกลางหลุมศพผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ภายในวงแหวนอาคมหมอกกว้างใหญ่แห่งนั้น ยามนี้วงแหวนอาคมเกิดเสียงดังกึกๆ เพิ่งดังขึ้นก็เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น ระหว่างนั้นวงแหวนอาคมเกิดรอยร้าว นับไม่ถ้วน พริบตาเดียวรอยร้าวเหล่านี้ก็ระเบิดกระจายออกไปข้างนอก

เหมือนกับมีพลังยากจะบรรยายพุ่งออกไป ตอนที่วงแหวนอาคมนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีร่างเงาเกือบครึ่งที่มีเพียงหัวเด็กพุ่งออกมา มันมีหน้าตาดุร้าย มุมปากปล่อยกลิ่นอายพลัง ข้างกายยังมีลำคอที่ไม่มีหัวอีกสี่หัว

ช่วงที่พุ่งออกมา มันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าเสียงแหลม ในเสียงคำรามนั้นแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง ความดีใจ และยังมีการปลดปล่อยในทุกด้านที่เหมือนสั่งสมความแค้นมานานไม่รู้กี่ปี

หมอกกว้างใหญ่รอบๆ ม้วนถอยไปท่ามกลางเสียงคำราม ร่างเงานี้พุ่งออกไป ร่างมันเหมือนเป็นมายา จึงไม่มีสิ่งใดขวางได้เลย พริบตาเดียวก็ทะลวงผ่านพื้นดิน ขึ้นไปข้างบนไปอยู่ชั้นสอง ก่อนพุ่งอีกครั้งทะลวงผ่านแผ่นดินใหญ่ขึ้นไปยังสวรรค์ เก้าชั้น อีกวูบหนึ่ง…บินออกจากหลุมศพผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!

มาปรากฏอยู่ในโลกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ปรากฏอยู่ในสายตาจักรพรรดิรุ่งอรุณ เหยียนเผยที่เบิกตาค้างอ้าปากกว้าง และยังมีกระเรียนขนร่วงที่กำลังบ่นไม่หยุดข้างๆ ทันทีที่เห็นร่างเงาเทพสัตว์ห้าหน้าสภาพเสียหายนี้ มันพลันถอยหลังไปหลายก้าว หากมันมีขน ตอนนี้จะต้องขนลุกอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าตกใจกลัว

“จะ…เจ้า…” กระเรียนขนร่วงอ้าปากค้าง ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ร่างเสียหายของเทพสัตว์ห้าหน้าเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลังจากมันพ่ายแพ้ในตอนนั้นแล้วได้เปล่งเสียงคำรามในจักรวาลในความหมายแท้จริง

ท่ามกลางเสียงคำราม เทพสัตว์ห้าหน้าไม่ได้ลืมสาเหตุจริงๆ ที่ตนรวมขึ้นมาใหม่จากวิชาคำสาปของซูหมิง รวมถึงช่วยมันเอาชนะสามรกร้างได้ในความหมายบางอย่าง เมื่อมันร้องคำราม ตอนที่ดวงจิตยากจะบรรยายกับแรงกดดันในตัวมันเข้มข้นถึง ขีดสุดนั้น ร่างเสียหายของเทพสัตว์ห้าหน้าขยับวูบไหว อ้าปากกว้าง ระหว่างที่กระเรียนขนร่วงกับเหยียนเผยแล้วก็ชาวเผ่าจิ้วจอกสวรรค์กำลังตะลึงงัน มันฉีกมวลอากาศของหนึ่งโลกนี้บินไกลออกไป

“ฉีก…ฉีกมวลอากาศ…” เหยียนเผยหรี่ตาลง กระเรียนขนร่วงข้างๆ ปิดปากทันที เอาแต่มองเงาแผ่นหลังเทพสัตว์ห้าหน้าที่บินไกลออกไปกลางอากาศที่ถูกฉีก

ทางด้านเทพสัตว์ห้าหน้า พอเข้าไปในมวลอากาศที่ถูกฉีกแล้วก็เดินหน้าสุดกำลัง พริบตาเดียวข้ามผ่านไปเกือบร้อยโลก ฉีกโลกจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณไปทีละโลก มุ่งหน้าสู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนตามการชี้นำของพลังคำสาปในร่างตน

ด้วยความเร็วของมัน เพียงไม่กี่ลมหายใจก็มาปรากฏอยู่ที่ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ขยับไหวอีกครั้งข้ามผ่านไปทีละโลก ลมหายใจต่อมา…หลังจากฉีกโลกหนึ่งแล้วก็เดินทางไปตามรอยแยกมวลอากาศนั้น จนเห็นในทันทีที่เข้าไปในโลกนั้นว่ามี แท่นบวงสรวงลอยอยู่สามแห่ง

ทั้งยังเห็นว่าตอนนี้บนแท่นบวงสรวงมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่สามคน จุดสำคัญคือบนแท่นบวงสรวงตรงกลาง บนกระดูกแตกตรงหน้าชายชราที่นั่งขัดสมาธิมีเส้นผมกำลังหลอมรวมกับกระดูกอย่างรวดเร็ว และยังมี…ของเหลวสีชมพูที่ยามนี้กำลังรินไหลในกระดูกนั้น

‘เป็นสามคนนี้!’ ช่วงที่หัวเด็กที่เหลือเพียงหัวเดียวของเทพสัตว์ห้าหน้าฉีกโลกที่เพิ่งฉีกไปอีกครั้งด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด พลันเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องเข้าไปในโลกที่ ผู้สูงส่งหวนคืนสามคนนี้อยู่ ทำให้สามคนนี้หน้าเปลี่ยนสี

คนแรกที่เงยหน้าขึ้นไม่ใช่เฟยฮวา ไม่ใช่เสวียนจิ่ว แต่เป็นชายวัยกลางคนเซียวซง ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ากลางฟ้าเกิดรอยแยกยักษ์สายหนึ่ง หัวเด็กเหี้ยมโหดยื่นมาจากในรอยแยกนั้นกำลังแสยะยิ้มมองเขา

คนที่สองที่เงยหน้าขึ้นคือเฟยฮวา พอเงยหน้าขึ้นก็หรี่ตาลง เกิดความรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว นางมีความรู้สึกเด่นชัดเหมือนว่าในตัวสิ่งมีชีวิตที่เหมือนคนและไม่ใช่คนนี้มีความคุ้นเคยอยู่ ระดับความคุ้นเคยคือเหมือนกับมองเห็นตัวเองอีกคน กระทั่งตอนที่นางมองไปยังสังเกตเห็นชัดว่าระหว่างนางกับสิ่งมีชีวิตตนนั้นมีเส้นเล็กไร้รูปสายหนึ่งเชื่อมต่อกันอยู่!

ตอนนี้เอง เทพสัตว์ห้าหน้าพุ่งออกมาจากในรอยแยกนั้น

ร่างเทพสัตว์ห้าหน้าดูเหมือนสมจริง แต่ความจริงแล้วร่างมันคือคำสาปของซูหมิง เส้นเล็กจากคำสาปเหล่านี้มาจากตัวซูหมิง ดังนั้นเทพสัตว์ห้าหน้าจึงมิใช่ของจริง ทว่าก็ไม่ใช่มายา แต่อยู่ระหว่างความจริงกับมายา การฉีกมวลอากาศเป็นสัญชาตญาณของมัน และก็เป็นผลจากพลังคำสาปของซูหมิง

ความจริงมันไม่อาจสังหารสิ่งมีชีวิตได้ แต่กลับใช้คำสาปได้ ให้ผู้สูงส่งหวนคืนสาม คนนั้นเกิดผลย้อนกลับ ดังนั้นพอบินออกมาแล้วจึงขยับไหวตัว…พุ่งตรงไปที่เฟยฮวา!

เพราะรากฐานวิชาคำสาปซูหมิงอยู่ที่เฟยฮวา การเชื่อมต่อระหว่างแหวนวงนั้น เฟยฮวาคือหนึ่งจุดที่ซูหมิงลงวิชาคำสาป เหมือนกับเหตุและผล ต้องมีเหตุก่อนถึงเกิดผล

การเชื่อมต่อระหว่างเฟยฮวากับแหวนนั้นก็คือเหตุ!

ตอนนี้เทพสัตว์ห้าหน้าแสยะยิ้ม ด้วยความเร็วของมันจึงทำให้เฟยฮวาหลบไม่ทัน มันเข้ามาใกล้ในทันใด พอร่างเสียหายของมันเข้ามาใกล้แล้วก็กลายเป็นเส้นเล็กสีดำหลายเส้น ชั่วขณะที่เฟยฮวาหน้าเปลี่ยนสีดูตกใจกลัวนั้น เส้นเหล่านี้ทะลวงผ่านอาภรณ์นาง มุดเข้าไปในรูขุมขนทั่วร่างรวมถึงทวารทั้งเจ็ดอย่างรวดเร็ว

ภาพนี้อยู่ในสายตาเซียวซง เขาหรี่ตาลงทันที ในใจเต้นตึกๆ เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น

พูดเหมือนนาน แต่ความจริงเกิดขึ้นเพียงพริบตา เฟยฮวาตัวสั่น เมื่อถูกเส้นดำเหล่านั้นมุดเข้าไปทั้งหมดแล้ว ร่างเทพสัตว์ห้าหน้าหายไป ใบหน้าเฟยฮวาเกิดควันดำจำนวนมาก นางตัวสั่นและกระอักเลือดมาหนึ่งคำ โลหิตนั้นเป็นสีดำ

ระหว่างที่นางกระอักเลือด เซียวซงที่มีการเชื่อมต่อกับนางตัวสั่นสะท้านเช่นกัน ใบหน้าเกิดควันดำจำนวนมากในทันใด พริบตาเดียวก็ปะทุขึ้น เขากระอักเลือดสีดำเช่นกัน กลิ่นอายพลังอ่อนแอลงในฉับพลัน ซ้ำยังร้องด้วยความตกใจกลัว

พร้อมกันนั้นเสวียนจิ่วตัวสั่น มือสองข้างเป็นสีดำโดยพลัน แม้แต่ใบหน้ายังเหมือนมีเมฆดำปกคลุม ตัวสั่นพลันลืมตาขึ้น พอกระอักโลหิตมาหนึ่งคำแล้วก็ตะโกนอย่างไม่ยอม

“เหตุใดถึงเกิดผลย้อนกลับ นี่ไม่มีทางเกิดผลย้อนกลับได้ ข้าเชิญดวงจิตสูงสุดที่ปกป้องฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนมาแล้ว นี่เป็นไปไม่ได้…” สิ้นเสียง เสวียนจิ่วหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ทั่วร่างเขาเกิดจุดดำนับไม่ถ้วน จุดดำเหล่านี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเริ่มเน่าเปื่อย กลิ่นเน่าเหม็นอบอวลไปโดยรอบ ถึงขั้นแท่นบวงสรวงข้างล่างเกิดร่องรอยถูกกัดกร่อน

เพียงแต่มีแค่เขาที่มีจุดดำแบบนี้ขึ้นบนตัว เฟยฮวากับเซียวซงไม่มี แต่กลิ่นอายพลังของสองคนนี้อ่อนแอลงเรื่อยๆ ใบหน้าดำมืด พลังคำสาปผุดขึ้นในตัวพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง สูบชีวิตและพลังสองคนนี้ให้กลายเป็นคำสาปที่แรงยิ่งกว่าใส่ ชายชราเสวียนจิ่ว นี่เลยทำให้ชายชรามีสภาพอย่างที่เห็น

นี่ก็เป็นเพราะพวกเขาสามคนมีพลังไม่อาจกล่าว หากมีขั้นพลังอ่อนกว่านี้เล็กน้อยคงละลายเป็นโลหิตไปนานแล้ว แต่ถึงพวกเขาจะบรรลุขั้นไม่อาจกล่าว ต่อให้วิชา คำสาปของซูหมิงก่อให้เกิดผลย้อนกลับ

ทว่าด้วยการรบกวนของสามรกร้างทำให้เทพสัตว์ห้าหน้าอ่อนแอลง เลยทำให้พลังคำสาปลดน้อยลงมากด้วย แต่ผู้สูงส่งหวนคืนสามคนนี้ก็ยังต่อต้านไม่ได้

เฟยฮวาหลับตาลงทันที ใช้มือขวาหยิบเม็ดยาออกมากินจำนวนมาก นางไม่ทันขยับตัวก็นั่งขัดสมาธิโคจรพลังทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อต่อต้านคำสาปในร่างกาย แต่รักษาพลังชีวิตของตน หากไม่ทำแบบนี้เกรงว่าอีกไม่นานนางจะสิ้นชีพลงจากคำสาป

เซียวซงก็เช่นเดียวกัน อันตรายมรณะลงมาเยือนในใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาจึงหยิบเม็ดยาออกมากินจำนวนมากแทบจะพร้อมๆ กับเฟยฮวาอย่างไม่ลังเล ก่อนโคจรพลังรักษาชีวิตพร้อมกัน

“ข้าไม่ยอม!” มีเพียงเสวียนจิ่วที่มีสีหน้าเหี้ยมโหด ไม่สนใจการเน่าเปื่อยทั่วร่าง ขณะกำลังจะร่ายวิชาคำสาปต่อนั้น เขาพลันยกมือขวาขึ้น มือขวาในสายตาเขากลายเป็นน้ำโลหิตสีดำ!

กระทั่งเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด มิหนำซ้ำในตอนนี้กระดูกนั้นตรงหน้าเขาเกิดเสียงดังกึกๆ ก่อนแตกกระจายออก!

สิ่งที่แตกออกพร้อมกันคือของเหลวสีชมพูเหล่านั้น พวกมันกลายเป็นหมอก ไม่นานก็หายไป เหลือเพียงเส้นผมนั้นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่กลับให้ความรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่หลังจากมันทำลายกระดูกและของเหลว

แทบเป็นช่วงที่กระดูกนี้แตกออก แขนซ้ายเสวียนจิ่วกลายเป็นโลหิตสีดำอย่างเงียบเชียบ ขณะที่เขาหัวเราะเสียงแหลม ใบหน้าเขาเริ่มเน่าเปื่อย สำหรับซูหมิงแล้ว คนที่เขาแค้นมากที่สุดคือ ชายชราคนนี้

เห็นๆ อยู่ว่าเขากับชายชราไม่มีความแค้นต่อกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงวางแผนต่อเขา คนแบบนี้…ซูหมิงไม่สนใจจะหาสาเหตุ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ขอเพียงเลือกอยู่ตรงข้ามกับเขา เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวตายด้วยเพลิงแค้นให้ดี

บางทีซูหมิงอาจจะรู้สาเหตุจริงๆ นานแล้ว ตอนที่เขาเห็นผู้สูงส่งหวนคืนสามคนนี้จากในดวงตาที่สามภายในเส้นทางเลือดเนื้อ ตอนที่เห็นเส้นผมนั้นในขวดเล็กของเหลวสีชมพู เขาก็รู้คำตอบแล้ว

เส้นผมนั้นเป็นของเขา ทว่าไม่ใช่ตอนเติบใหญ่ แต่เป็นเส้นผมของทารก!

การเตรียมการเช่นนี้ หากซูหมิงอยู่ที่นี่ตอนนี้จะต้องถามไปประโยคหนึ่งแน่

“เจ้าเตรียมการเสร็จแล้วหรือยัง?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!