ตอนที่ 1338 บรรพบุรุษเผ่ายมโลก
เขาสวมชุดคลุมดำทั้งตัว บนชุดคลุมดำปักเป็นลายใบไม้ร่วงเล็กน้อย ปกปิดร่างกาย และยังปกปิดถึงเท้าสองข้าง มองแวบแรกจะไม่เห็นร่างเงาในชุดคลุมดำเลย เห็นแต่ชุดคลุมยาวสีดำตัวใหญ่
ซูหมิงมองไม่เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในชุดคลุม แต่เขาเห็นดวงตาสว่างวาบกับความเย็นชาในแววตาของใบหน้านั้น
ความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานแผ่ออกมาจากตัวคนชุดคลุมดำอย่างเข้มข้น เหมือนเขายืนอยู่ตรงนั้นหมายถึงการไหลผ่านของเวลา แต่ขณะเดียวกับที่เกิดความรู้สึกนี้ ซูหมิงเห็นภาพหลอนว่าร่างคนชุดคลุมดำเหมือนบิดรูปอยู่ในกาลเวลา!
กาลเวลากำลังบิดรูป แผ่กระจายความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนาน ประหนึ่งว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นกระจกโบราณที่สะท้อนการการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินหลายหมื่นอย่างเอาไว้
ซูหมิงมองคนชุดคลุมดำ คนชุดคลุมดำเงยหน้าขึ้นมองซูหมิงเช่นกัน สองคนอยู่กลางผืนฟ้า สบตากันภายในเสียงครึกโครมที่ยังคงดังไม่หยุด
“ชุดแบบนี้ทำให้ข้านึกถึงคนสองสามคน” ซูหมิงยิ้มแล้วพูดขึ้นเรียบๆ
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงกล่าวขึ้น คนชุดคลุมดำดวงตาขยับประกายวาว เผยประกายรวดเร็วและดุดัน เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว พริบตาที่เหยียบเท้าลง เสียงครึกโครมรอบตัวซูหมิงพลันดังสนั่นขึ้นเป็นร้อยเท่า
เสียงนั้นราวกับลูกคลื่นที่เหนือกว่าฟ้าผ่า เหมือนกับว่าพริบตาเดียวก็กลายเป็นอักษรดนตรีที่แกร่งที่สุดในฟ้ากระจ่างดาว ขณะเดียวกับที่ดังกึกก้อง มวลอากาศพลันบิดเบี้ยวเหมือนจมซูหมิงลงไป เป็นการผนึกเขาไว้ในคลื่นยักษ์อักษรดนตรีตัวนั้น
ขณะเดียวกันคนชุดคลุมดำยกมือขวาขึ้นกดฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างเรียบง่าย ฝ่ามือนี้ดูนุ่มนวล แต่ช่วงที่กดลงไปกลับเกิดเสียงกึกๆ ดังขึ้นพร้อมเกิดรอยร้าวยักษ์ เก้าสาย รอยร้าวเก้าสายนี้ประหนึ่งมังกรปริแตกเก้าตัว เสียงโครมครามรอบๆ ก็คือเสียงคำรามของพวกมัน จากนั้นพวกมันก็พุ่งไปหาซูหมิงที่ถูกผนึกด้วยความเร็วที่ ตาเนื้อมองไม่ทัน
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น แต่พร้อมกันนั้นเสียงดังสนั่นรอบๆ เหล่านี้หลอมละลายกลายเป็นเสียงที่ดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม ช่วงที่ดังก้องไปรอบๆ มวลอากาศรอบตัว ซูหมิงบิดเบี้ยวเป็นพื้นที่ใหญ่ยิ่งกว่า คล้ายกับว่า…ขอเพียงอยู่ในผืนฟ้าที่เต็มไป ด้วยเสียง เช่นนั้น…คนชุดคลุมดำที่กำเนิดร่างจากเสียงนี้จะไร้พ่าย
ภายใต้เสียงดังครึกโครม มังกรปริแตกเก้าตัวปะทะซูหมิงประหนึ่งฉีกผืนฟ้า มวลอากาศบิดเบี้ยวรอบตัวซูหมิงรวมถึงตัวเขาถูกฉีกออกในพริบตา
ซูหมิงมองคนชุดคลุมดำคนนั้นผ่านมวลอากาศบิดเบี้ยว มองกลิ่นอายผ่านโลก มาเนิ่นนานและกาลเวลาจากในตัวอีกฝ่ายพลางถอนหายใจเบา เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เหมือนกับสี่คนที่มาในทะเลลำดับห้าแห่งทะเลดาราตอนนั้น และยังมีตัวแทนหมายเลขห้าที่ซูหมิงไม่ได้เลือกในโลกแท้จริงที่ห้าปลอมนั้น
“เจ้าคือ…ตัวแทนแห่งความสุข!” ซูหมิงที่ดูเหมือนถูกฉีกในความบิดเบี้ยวพูดขึ้นช้าๆ คนชุดคลุมดำดวงตาขยับประกายวาววับ ก่อนยกมือขวาขึ้นชี้ฟ้า เมื่อลดมือลงก็กดไปกลางอากาศ ขณะเดียวกันเขาเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
“การย้อนเวลา” ขณะเดียวกับที่พูดขึ้น มือขวาในชุดคลุมดำเกิดระลอกคลื่นสีทอง ระลอกคลื่นนี้แผ่ขยายออกโดยมีเขาเป็นใจกลาง ชั่วพริบตาเดียวก็ไปถึงจุดที่ซูหมิงอยู่ ฉับพลันนั้นวิชาแห่งเวลามายังที่นี่ เปลี่ยนกฏเวลา ย้อนไปในยุคโบราณ
มวลอากาศเปลี่ยนไป หมุนม้วนไปทีละชั้น ทำให้เสียงโครมครามที่นี่ดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งส่งผลถึงซูหมิง เขาก็เกิดสัญญาณจะเปลี่ยนไปในกาลเวลาเช่นกัน
“สุขเศร้าโกรธแค้นสี่คน ข้าน่าจะคิดออกตั้งนานแล้วว่าเจ้า…คือชาวเผ่ายมโลก” ซูหมิงถอนหายใจเบา ไม่เห็นเขาใช้อภินิหารใดๆ เพียงแค่ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเปิดออก มีประกายวาววูบวาบมาจากภายใน การขยับประกายครั้งนี้ ทำให้ซูหมิงที่ดูเหมือนแตกกระจายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจก แต่สิ่งที่แตก…ก็เป็นกระจกจริงๆ เป็นกระจกที่เหมือนวางไว้กลางฟ้า
ขณะเดียวกันการบิดเบี้ยวโดยรอบพลันหายไป แม้แต่เสียงโครมครามรอบๆ ยังเกิดความสงบนิ่งอย่างแท้จริงในทันใด กระทั่งพื้นที่ระลอกคลื่นแสงทองจากคน ชุดคลุมดำเหมือนถูกเงามืดกินไปภายใต้การขยับประกายดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วซูหมิง จึงหายไปจนหมด
ผืนฟ้ากลับมาปกติ ยังคงเป็นฟ้าก่อนหน้านี้ สองคนยังคงจ้องตากัน ยังคงเป็นสองคนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าการลงมือเมื่อหลายลมหายใจก่อนเป็นเพียงความฝัน
“มีวิชาย้อนเวลาแบบนี้ได้ เป็นหนึ่งในสี่ตัวแทนสุขเศร้าโกรธแค้นได้ คนแบบนี้…ในเมื่อเป็นเผ่ายมโลก เช่นนั้นนอกจากบรรพบุรุษยมโลกผู้ซื่อสัตย์ต่อฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณในตอนนั้นแล้ว ข้าไม่นึกถึงใครอีก
ตอนนี้ดูแล้วคนที่บรรพบุรุษซื่อสัตย์ด้วยคงไม่ใช่เงามืดรุ่งอรุณ แต่เป็น…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง” ซูหมิงส่ายศีรษะ ปลงอนิจจังอยู่ภายในอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความผ่อนคลาย
เพราะว่าตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เทียนเสียจื่อก็ดี เลี่ยซานซิวก็ดี พวกเขา…ยังไม่ตาย เหมือนกับสี่ตัวแทนสุขเศร้าโกรธแค้นในตอนนั้น ตอนนี้ตัวแทนความสุข อยู่ที่นี่ เช่นนั้นตัวแทนอีกสามคนก็ต้องอยู่เช่นกัน
“ได้เห็นชนรุ่นหลังเผ่ายมโลก ข้าชื่นใจนัก” เสียงแหบแห้งดังเนิบๆ มาจากปากคนชุดคลุมดำที่เงยหน้าขึ้น ดังก้องอยู่รอบๆ ไม่ได้จงใจให้ดังกว่าเสียงครึกโครมโดยรอบ แต่เสียงนี้กลับผ่านฟ้าที่มีเสียงดังสนั่นเข้าไปถึงหูซูหมิงอย่างเสถียรภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นี่คือ…ขั้นไม่อาจกล่าวตอนกลางที่ในด้านพลังเหนือกว่าเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน กระทั่งแกร่งกว่าชายชราวิญญาณสวรรค์เล็กน้อย!
อีกทั้ง ซูหมิงไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของซางเซียงจากตัวอีกฝ่าย คนนี้…ไม่ได้หลอมรวมกับตัวเองอีกคนในมหาโลกซางเซียง
ที่นี่คือโลกที่นี่ เป็นโลกตรงข้ามที่ต่างกับเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอย่างชัดเจน ที่นี่…ไม่มีคนมากขนาดนั้น และก็ไม่มีตัวเองอีกคนให้ผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหลอมรวมกับตัวเอง
เพราะโลกนี้มีช่องโหว่ไปสู่จักรวาลกว้างใหญ่ เพราะว่าที่นี่…มีผู้แข็งแกร่งที่มีชีวิตรอดมาจากหลายยุคเหล่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่หลับใหล แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งบางคนตื่นแล้ว
บางทีอาจตื่นได้แค่ในโลกที่สี่
บางทีเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ เลยทำให้โลกนี้ต่างกับปีกที่สามของซางเซียงอย่างโลกเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน…ดังนั้น…จึงเริ่มไม่เหมือนกันทีละน้อย
คนชุดคลุมดำกล่าวขึ้นพร้อมกับยกมือขวาเปิดผ้าคลุมหัวสีดำออก เผยใบหน้าแก่ชรา เต็มไปด้วยรอยย่น เส้นผมขาวทั้งศีรษะ ภายในดวงตาสองข้างที่เว้าลงไปเป็นประกายสว่างวาบ มองซูหมิง
ใบหน้านี้มีความคล้ายกับซูเซวียนอีหลายส่วน ความบ้าอำนาจแผ่มาจากชายชราคนนี้อย่างชัดเจนโดยไม่กักไว้แม้แต่น้อย เพราะเขาคือโยวหมิง เขาคือบรรพบุรุษ เผ่ายมโลก เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแท้จริงที่ห้าของมหาโลกสามรกร้าง!
ซูหมิงเป็นเผ่ายมโลก ทว่าหากเป็นความบริสุทธิ์ของสายเลือด เขายังเทียบกับ ซูเซวียนอีไม่ได้ จึงยิ่งเทียบไม่ได้กับบรรพบุรุษเผ่ายมโลกที่ปกครองหนึ่งทิศในสมัย ที่สามของยุคนี้ตรงหน้าตน
“จะต้องสู้กันต่อหรือไม่?” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก็ถามขึ้นช้าๆ
“เดิมทีโลกนี้ไม่มีเผ่ายมโลก มีเพียงเผ่ายมโลกใหญ่ จนกระทั่งผู้มีพระคุณปรากฏตัว ใช้โลหิตตัวเองเหนี่ยวนำ ค่อยๆ ให้เผ่ายมโลกใหญ่กลายเป็นเผ่ายมโลก
ข้าไม่อาจตอบแทนบุญคุณนี้ได้ไปชั่วชีวิต ข้าเคยสาบานไว้ว่าขอเพียงข้าเป็น ชาวเผ่ายมโลก ข้าจะคารวะท่านผู้มีพระคุณไปทุกยุคทุกสมัย จะยอมเป็นทาสเขาจนกว่าอากาศธาตุจะถูกทำลาย
เจ้าเป็นชาวเผ่ายมโลก เจ้าต้องปฏิบัติตามข้อนี้เหมือนกัน หากไม่ปฏิบัติตาม…สายเลือดเจ้าจะแว้งกัด เพราะนี่คือชะตาของเผ่ายมโลกเราทุกยุคสมัย!” บรรพบุรุษเผ่ายมโลกพูดขึ้นช้าๆ ภายในดวงตาเป็นประกายดุดัน
“นั่นคือชะตาชีวิตของท่าน ไม่ใช่ของข้า ในเมื่อท่านยึดมั่นจะสู้ ข้าเคารพท่านเป็นบรรพบุรุษเผ่ายมโลก ข้าก็จะไม่ใช้ดวงจิตกดขี่ท่าน แต่ให้พวกเราใช้วิชาย้อนเวลา ดูว่าใครจะกลายเป็นโครงกระดูกก่อนกัน” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเบา จากนั้นถึงพูดขึ้นเนิบๆ
คนห้ามลืมกำพืดตัวเอง เขาปฏิบัติต่อบรรพบุรุษเผ่ายมโลกต่างกับซูเซวียนอี เขาเคารพอีกฝ่ายมาก ความเคารพไม่เกี่ยวกับผู้เฒ่าเมี่ยเซิง แต่เป็นเพราะบรรพบุรุษเผ่ายมโลกประคับประคองเผ่ายมโลกในโลกแท้จริงที่ห้า ทำให้เผ่ายมโลกผงาดขึ้น ซูหมิงยังไม่ลืมอีกว่าภรรยาของซูเซวียนอีหรือสตรีในเตาหลอมลำดับห้าคนนั้นเคยพูดกับตนประโยคหนึ่ง
ตอนที่ซูหมิงเกิด…บรรพบุรุษเผ่ายมโลกเป็นคนตั้งชื่อให้เขา ซูหมิงเชื่อว่าคำพูดนี้เป็นจริง
บรรพบุรุษของทั้งเผ่ายมโลก คนแบบนี้…หากไม่สู้ด้วยได้ซูหมิงก็คงไม่สู้ แต่หากต้องสู้ ซูหมิงต้องให้ความเคารพที่ควรจะมีให้อีกฝ่าย ดังนั้น…เขาจึงเลือกใช้อภินิหารเวลาหนึ่งในพรสวรรค์เผ่ายมโลกสู้กับบรรพบุรุษเผ่ายมโลก!
“ได้” บรรพบุรุษเผ่ายมโลกมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วตอบกลับช้าๆ ตอนนี้เองเขานั่งขัดสมาธิลงกลางอากาศ หลับตาลง ทันใดนั้นพลังแห่งเวลาปะทุออกมาจากตัวเขา ตอนแรกเป็นสีทอง แต่ชั่ววูบเดียวเหมือนกลายเป็นแสงที่สว่างที่สุดในฟ้า
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิลงเงียบๆ แล้วหลับตาลงเช่นกัน ตัวเขาเริ่มเลือนราง เกิดเป็นสีทึบ เหมือนจะหลอมรวมกับความมืดของทั้งฟ้า แต่กลับไม่เข้ากันเลย เพราะว่า…สีดำของฟ้าไม่คู่ควรจะย้อมเงามืดของซูหมิง
หากบอกว่าย้อมจริงๆ นั่นก็ต้องเป็นซูหมิงที่ย้อมเงามืดทั้งผืนฟ้า
“เริ่มได้” บรรพบุรุษเผ่ายมโลกลืมตาขึ้น พูดจบก็หลับตาลงอีกครั้ง ทันใดนั้น พลังแห่งเวลาเข้มข้นกลายเป็นแสงสว่างจ้าแสบตาบนตัวเขา ส่องแสงออกไปรอบๆ ในฉับพลัน แสงสว่างนี้เหมือนกับสีขาวยามกลางวัน พริบตาเดียวก็ส่องสะท้อนผืนฟ้าแห่งนี้อยู่ภายใน เหมือนว่าในแสงนี้จะไม่มีความมืดของฟ้ายามค่ำคืนใดคงอยู่ได้ การย้อนเวลา…เริ่มต้นขึ้นในตอนนี้