ตอนที่ 1343 การร้องขอเรื่องมรดก
“เป็นอย่างที่ข้าคาดเดาไว้จริงๆ…” เด็กเลี้ยงสัตว์กล่าวขึ้นอย่างขมขื่น ก่อนมองชายชราชุดคลุมม่วงกับชายหนุ่มชุดคลุมขาว สองคนนี้ต่างก็เงียบ
คนที่ฝึกฝนถึงระดับอย่างพวกเขา อีกทั้งยังใช้ชีวิตมานานยิ่ง ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้เข้าใจความเป็นตายนัก แต่ตอนนี้บ้างมากบ้างน้อยแล้ว ไม่ได้สนใจความเป็นตายมากขนาดนั้น
สิ่งที่พวกเขาสนใจคือ…พลังของพวกเขา เมื่อฝึกถึงระดับอย่างพวกเขาแล้ว บางทีไม่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว แต่ความยึดมั่นต่อการฝึกฝนในใจกลับตกตะกอนไปตามกาลเวลา กลายเป็นเรื่องที่ปรารถนาที่สุดในชีวิต
มีชีวิตอยู่ไม่ใช่เพื่อใช้ชีวิต แต่เพื่อให้ตนฝึกฝนต่อและต้องมีคุณสมบัติของพื้นฐานสูงสุด นี่ต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเงียบ
ผู้คนที่อยู่มานานขนาดนี้ มีไม่กี่คนที่กลัวตาย แต่ว่าการฝึกฝนที่ยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุดในใจส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะอายุขัยไม่พอ ความรู้สึกไม่ยอมนี้ต่างหากคือจุดสำคัญ
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามีเวลาแค่หลายร้อยปีรึ” ชายหนุ่มชุดคลุมขาวยิ้ม ภายในรอยยิ้มไม่มีความขมขื่น แต่กลับมีความเด็ดขาดและยึดมั่น
“หลายร้อยปี…” ชายชราชุดคลุมม่วงถอนหายใจเบา เขายังมีเรื่องอีกมากที่ต้องทำ แต่ตอนนี้เวลาน้อยลง สำหรับเขาแล้ว หลายร้อยปีเหมือนกับหลายวันสำหรับ คนธรรมดา
“ในเมื่อทุกอย่างต้องถูกทำลาย เช่นนั้นข้าก็จะฝากสภาวะเต๋า ฝากมรดกการฝึกฝนทั้งหมดของข้าเอาไว้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาส…เก็บเอาไว้แล้ว แต่ก็ต้องลอง สักครั้ง!” ชายชราชุดคลุมม่วงมีสีหน้าเด็ดขาดเช่นเดียวกัน ตอนนี้ความบ้าอำนาจที่แผ่มาจากในตัวเขาเด่นชัดยิ่ง เห็นได้ชัดว่านั่นคือพลังที่ไม่เกรงกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแท้จริงที่จะมาถึง
เด็กเลี้ยงสัตว์ก็ดี ชายชราชุดคลุมม่วงก็ดี และยังมีชายหนุ่มชุดคลุมขาว สามคนนี้เป็นสหายสนิทกันที่สุด อยู่ด้วยกันมาหลายยุคมาก มิตรภาพที่กาลเวลาสั่งสมผ่าน พายุโหมกระหน่ำได้ทุกอย่าง
ส่วนชายชราคูมู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนิทกับสามคนนี้มากนัก มิเช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้คงไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น หากเป็นชายชราชุดคลุมม่วงหรือชายหนุ่มชุดคลุมขาว เด็กเลี้ยงสัตวจะต้องห้ามอย่างแน่นอน
จุดนี้ซูหมิงวิเคราะห์จากวิธีและสีหน้าตอนมาที่นี่ของทุกคน และยังมีการสนทนา ดังนั้นก่อนหน้านี้ถึงลงมืออย่างเหี้ยมโหดและไม่ลังเลเพื่อสร้างความหวาดกลัว
สามคนนี้เชื่อคำพูดซูหมิง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้พวกเขาก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว ต่างก็มีการคาดเดาของตัวเองเล็กน้อย ประกอบกับการมาของซูหมิง และยังมีความแกร่ง ที่เหนือกว่าพวกเขาอย่างชัดเจนอีก เลยทำให้ทุกอย่างมีการอธิบายอย่างเหมาะสม
อีกอย่างสามคนนี้ใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ ต่างมีการตัดสินใจของตัวเอง…พวกเขาจึงไม่สงสัยซูหมิง
“คำถามที่สอง อยากถามสหายซูว่าในภัยพิบัติทำลายล้างแท้จริงแบบนี้ เจ้า…มีความมั่นใจกี่ส่วนที่จะรอดชีวิตไปได้?” เด็กเลี้ยงสัตว์มองซูหมิง พูดจบ ชายชราชุดคลุมม่วงกับชายหนุ่มชุดคลุมขาวพลันมองมาทางซูหมิงพร้อมกัน รอคำตอบจากเขา
“ครึ่งส่วน” ซูหมิงเงียบอยู่พักใหญ่แล้วตอบกลับช้าๆ
“ห้าส่วนหรือว่า…” เด็กเลี้ยงสัตว์ได้ยินดังนั้น แม้จะมีคำตอบในใจแล้ว แต่ก็ยังต้องการความมั่นใจ น้ำเสียงไม่สงบนิ่งแล้ว
“ครึ่งของหนึ่งส่วน” ซูหมิงมองเด็กเลี้ยงสัตว์
พูดจบ สามคนเงียบลงทันที ซูหมิงไม่ได้ปิดบัง เขามีความมั่นใจเพียงครึ่งส่วนเท่านั้นที่จะรอดชีวิตจากภัยครั้งนี้
“ใช้วิธีใด? จักรวาลกว้างใหญ่รึ?” เด็กเลี้ยงสัตว์เงียบแล้วก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“แต่จักรวาลกว้างใหญ่นั้นไร้พรมแดน หมอกในนั้นรวมถึงสิ่งมีชีวิตแฝงไว้ด้วย พลังแกร่งกล้า พวกข้าอยู่ในนั้นได้ไม่นานนัก ไม่ถึงร้อยปีจะต้องสิ้นชีพลงแน่” ชายชราชุดคลุมม่วงลอบถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้นนิ่งๆ เขาพูดความจริง ต่อให้มีพลังอย่าง ซูหมิงก็ใช้ชีวิตได้ไม่นานนักในจักรวาลกว้างใหญ่…
เว้นแต่…จะฝึกถึงขั้นไม่อาจกล่าวสมบูรณ์ ถึงระดับนั้นแล้วจะเหมือนกับซางเซียงเก้าตัวนั้น มีคุณสมบัติเดินทางในจักรวาลกว้างใหญ่
“นั่นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง” ซูหมิงถอนหายใจเบา กวาดสาตามองทุกคนแล้วตอบกลับช้าๆ
“สหายมีทางเลือกอื่นหรือ? บอกได้หรือไม่” เด็กเลี้ยงสัตว์ถามอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทางเลือกที่สองคือฝึกฝนถึงระดับเท่าซางเซียงตัวนี้ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ร้ายจำนวนมากที่อันตรายกว่าจักรวาลกว้างใหญ่ห่างไกลนั่นแล้ว ก็ยังมีโอกาสครึ่งส่วนอยู่ดี
ทางเลือกที่สาม ในระหว่างที่ข้าตระหนักรู้ครั้งหนึ่ง ข้าเคยสัมผัสได้ว่าในอีกไม่รู้ กี่ปีจากนี้หรือไม่รู้กี่ปีก่อน ในที่ที่ห่างไกลจากที่นี่ยิ่งในจักรวาลกว้างใหญ่อาจจะมี อีกโลกหนึ่ง
ข้าเคยส่งเผ่าวิญญาณไว้อาลัยไปยังโลกนั้นผ่านคำสาป แต่ข้าไม่รู้ว่าโลกนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ บางทีทุกอย่างอาจเป็นของปลอม และบางที…อาจมีอยู่จริง
ข้าจะส่งคนที่สำคัญในชีวิตข้าไปยังโลกที่ข้าก็ไม่รู้ชัดนั่นผ่านคำอวยพร เพียงแต่ทางเลือกนี้…เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถึงจะมีโลกนั้นจริงๆ เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้วจะยังเป็นพวกเขาอยู่หรือไม่ จะยังมีความทรงจำอยู่หรือไม่… จะมีวันที่พวกเราได้พบกันอีกหรือไม่” ซูหมิงตอบกลับช้าๆ ในคำพูดมีความห่อเหี่ยวที่สามคนรู้สึกได้
สามคนเงียบอีกครั้ง
“คงจะถามครบสามคำถามแล้ว ส่วนวิหารแห่งการทำลายล้างชีวิต หากพวกเจ้าไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ…ข้าขอตัว หากมีวาสนาพวกเราอาจได้พบกันอีก ขอบคุณมากสำหรับสุรา” ซูหมิงประสานมือคารวะสามคน
“สหายซู!” เด็กเลี้ยงสัตว์พูดขึ้น ตอนที่ซูหมิงมองมา เขาประสานมือคารวะ ซูหมิงลงลึก ชายชราชุดคลุมม่วงข้างๆ รวมถึงชายหนุ่มชุดคลุมก็ประสานมือคารวะ ซูหมิงลงลึกด้วยสีหน้าเคารพเช่นกัน
“ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ เรือโบราณลำนั้นจะปรากฏเพียงสถานที่หนึ่ง นั่นคือ ข้างช่องโหว่จักรวาลกว้างใหญ่ ทว่ามันจะซ่อนตัวเป็นบางครั้ง แต่ข้ามั่นใจว่ามัน อยู่ที่นั่น ส่วนผู้เฒ่าเมี่ยเซิง…เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือโบราณนั้นตลอดปี!” เด็กเลี้ยงสัตว์เงยหน้าขึ้นตอบกลับอย่างไม่ลังเลด้วยสีหน้าเด็ดขาด
ซูหมิงเพ่งมองสามคนนี้ แม้จะรู้จักกันเป็นครั้งแรก แต่เด็กเลี้ยงสัตว์ให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก นี่คือผู้แข็งแกร่งในยุคหนึ่งที่มีสติปัญญามาก
“ขอบคุณมาก” ซูหมิงพยักหน้า
“ข้าไม่อาจรับคำขอบคุณได้ ข้าอยากเชิญสหายซูตอบรับเรื่องหนึ่ง…” เด็กเลี้ยงสัตว์มีสีหน้าแน่วแน่และเด็ดขาด ยามที่กล่าวขึ้นยังมองซูหมิงด้วยความหวัง
“เต๋าของข้าป้านปู่จื่อต่างกับคนอื่น ในผู้ฝึกฌานไม่รู้กี่ยุคของทั้งจักรวาล เต๋าของข้า…มีเพียงหนึ่งเดียว! เต๋าของข้า ในการตระหนักรู้ของข้า ฟ้าดินนี้ จักรวาลนี้ ซางเซียง กระทั่งทุกชีวิต พวกเขาล้วนมีสองรูปแบบ ตอนที่ทุกคนหลับตา ทุกอย่างจะเป็นความว่างเปล่า เป็นอนุภาคที่มองไม่เห็น
แต่ตอนที่ทุกคนลืมตา พวกเขาจะรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นโลกนี้
นี่คือเต๋าของข้าป้านปู่จื่อ และก็เป็นที่มาของนามข้า ข้าหวังแค่ไม่ให้เต๋านี้ไร้ การสืบต่อ ขอให้สหายซูรับปาก นำเต๋าของข้า…ส่งไปในโลกที่อาจจะมีอยู่หรืออาจจะไม่มีนั่น ให้มัน…นำพาความหวังไปที่นั่น!” เด็กเลี้ยงสัตว์มีสีหน้าจริงจัง กล่าวขึ้นพลางคารวะซูหมิงอีกครั้ง
“ข้าก็ด้วย ขอให้สหายซูช่วยอย่างเต็มที่ นำการตระหนักรู้ต่อฟ้าดินของข้า นำมรดกการฝึกฝนทั้งชีวิตที่ข้ารวมเอาไว้ส่งไปในโลกที่หากไม่มีก็เป็นไรนั่นด้วย!” ชายชราชุดคลุมม่วงสะบัดแขนเสื้อ ประสานมือคารวะซูหมิงเช่นกัน
“ในเมื่อสองท่านทำเช่นนี้ ข้าก็หวังว่าจะไม่ใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่าเช่นกัน หากโลกนั้นมีอยู่จริงๆ จิตกระบี่ของข้าจะสร้างเป็นมรดกผงาดขึ้นอีกครั้ง หากไม่มีอยู่จริง…ทุกอย่างก็หวนคืนสู่อากาศธาตุก็เท่านั้น” ชายหนุ่มชุดคลุมขาวยิ้ม แต่สีหน้ากลับแน่วแน่ เขาประสานมือคารวะซูหมิงเช่นกัน
“พวกเจ้าคิดเรื่องนี้ดีแล้วรึ?” ซูหมิงมองสามคนที่ประสานมือคารวะตนตรงหน้าพลางลอบถอนหายใจ รู้ว่าสามคนนี้ไม่สนใจความเป็นตาย แต่จะไม่สนใจมรดกที่ตนฝึกฝนมาทั้งชีวิตไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่ภัยจะมาถึง พวกเขาจึงมอบเสี้ยวชีวิตแก่มรดกนี้
“ไม่ต้องคิดอีกแล้ว!” เด็กเลี้ยงสัตว์เงยหน้าขึ้นเพ่งมองซูหมิง
“ดี ข้าไม่แน่ใจว่าจะอยู่โลกนี้อีกนานเท่าไร อย่างเร็วก็หลายเดือน อย่างช้าก็นาน กว่านั้น…สามเดือนจากนี้ ข้าจะมาที่นี่อีก ใช้อภินิหารส่งมรดกของพวกเจ้าสามคนไปยังโลกนั้น” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด คนแบบนี้ควรค่าแก่ การเคารพจากเขาซูหมิง
“หากมีคนอื่น…” เด็กเลี้ยงสัตว์ลังเลเล็กน้อย
“ขอเพียงเป็นผู้มีความแน่วแน่อย่างพวกเจ้า ถึงข้าจะใช้พลังไปมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อยก็จะช่วยพวกเจ้าสักครั้ง แต่ข้ารับประกันไม่ได้ว่าหลังจากส่งมรดกพวกเจ้า ไปแล้ว โลกนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ และรับประกันไม่ได้ว่าต่อให้มีอยู่จริงๆ มรดก พวกเจ้าจะถูกเปลี่ยนแปลงเพราะเหตุนี้หรือไม่” ซูหมิงมองเด็กเลี้ยงสัตว์ จากนั้น พยักหน้าให้อีกสองคน ก่อนประสานมือคารวะหมุนตัวบินขึ้นไปยังปากถ้ำที่ถูก ปิดผนึกข้างบน พริบตาเดียวก็หายวับไป
จนกระทั่งซูหมิงจากไป ภายในถ้ำเหลือเพียงพวกเด็กเลี้ยงสัตว์สามคน พวกเขาเงียบอยู่ชั่วครู่ ชายชราชุดคลุมม่วงถอนหายใจยาว รอยย่นบนใบหน้าเพิ่มมากขึ้น
“ข้าจะกลับไปเตรียมตราประทับมรดก ขอตัวก่อน หลายร้อยปี…” ชายชรา ชุดคลุมม่วงส่ายศีรษะ เมื่อประสานมือคารวะแล้วก็ก้าวออกจากปากถ้ำไป
ชายหนุ่มชุดคลุมขาวเงียบ เขาพยักหน้าให้เด็กเลี้ยงสัตว์แล้วขยับวูบไหวจากไป
จนภายในถ้ำเหลือเพียงเด็กเลี้ยงสัตว์ เขานั่งลงข้างโต๊ะยาวเงียบๆ หยิบสุราขึ้นมาดื่ม ความแน่วแน่ภายในสีหน้าเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
‘หลายร้อยปีหรือ…จะได้เห็นการทำลายล้างกับตาตัวเอง ต่อให้ต้องสิ้นชีพลง… ก็ใช้ชีวิตอย่างไม่เสียเปล่าแล้ว! มีเพียงมรดกของข้าที่ต่างกับคนอื่น…ทั้งแฝงไว้ด้วย การตระหนักรู้ของข้าและยังมีมรดกชีวิตของข้า
ไม่รู้ว่าตอนที่ส่งไปในโลกที่อาจจะมีอยู่นั่นแล้ว ทายาทที่แฝงอยู่ในมรดกข้า… จะเปลี่ยนหน้าตาเป็นอย่างไร จะยังจำได้หรือไม่ว่าที่นี่มีบรรพบุรุษของพวกเขาอยู่’ เด็กเลี้ยงสัตว์วางแก้วสุราลง สุรานั้นเผ็ดร้อน รสชาติหอมหวานในตอนสุดท้ายเหมือนกับกาลเวลา เหมือนกับการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน…