Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1363

ตอนที่ 1363 เสียใจ

แผ่นดินดาวทมิฬ ยอดเขาที่เลี่ยซานซิวเคยมองทอดไกล วันนี้ ซูหมิงไปที่นั่นอีกครั้ง เวลาผ่านไปพันกว่าปี มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง ยามที่มองทอดไกลซูหมิงเหมือนเห็นตัวเอง

ผ่านไปนาน ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เดินเข้าไปในมวลอากาศ หายไปบนดาวทมิฬ เข้าสู่ผืนฟ้า เดินเข้าไปในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

แดนต้นกำเนิดจิตยังคงแบบเดิม ทุกอย่างในฟ้ายังคงเดิม บางทีอาจไม่เปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์ แต่กาลเวลาพันกว่าปียาวนานเล็กน้อยสำหรับซูหมิง แต่สำหรับทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแล้ว อาจแค่ช่วงหนึ่งของภพชาติมันเท่านั้น

ในทะเลดาราเหวลึกแห่งนี้ ซูหมิงเดินผ่านถิ่นฐานของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง เดินผ่านแดนพักผ่อนของสัตว์แต่ละกลุ่ม จนกระทั่งมาถึงแผ่นดินใหญ่ที่ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่ออยู่

เพียงแต่ที่นี่ไม่มีคน มองไปเห็นซากปรักหักพัง ไม่รู้ว่ารกร้างมากี่ปีแล้ว

เขาไม่อยู่แล้ว บางทีชาวเผ่าคนอื่นๆ อาจไม่อยู่เช่นกัน ร่องรอยที่นี่ถูกลบหายไปนานแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นทะเลดารา ความเหี้ยมโหดและการสังหารที่นี่เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างเผ่าพันธุ์

ซูหมิงเงียบตรงหน้าซากปรักหักพังอยู่นานก่อนหมุนตัวกลับเดินไปใน ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เดินไปทีละก้าวจนถึงภูเขามองสามี เดินมาถึงเขตนั้นของ เผ่าดินทราย ได้เห็นศีรษะรูปปั้นยักษ์ที่ลอยอยู่ระหว่างทางอีกครั้ง

ซูหมิงมาถึงยอดเขาภูเขามองสามี มองหินภูเขาร่างสตรีคนหนึ่งตั้งตระหง่าน บนยอดเขา หินนั้นเหมือนเกิดขึ้นตามธรรมชาติ มองไกลๆ จะเหมือนกำลังเพ่งมองทอดไกล รอวันที่สามีกลับมา

ซูหมิงมองหินภูเขานั้น เขานึกถึงจูโหย่วไฉที่อยู่ภูเขามองสามี และก็นึกถึงสีหน้าซับซ้อนของกระเรียนขนร่วงตอนอยู่ที่นี่ ยามนี้พอมองหินภูเขานั้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาพลันสังเกตเห็นว่าร่างเงาสตรีจากหินภูเขามีความคล้ายเล็กน้อยกับสตรีคนนั้นที่กระเรียนขนร่วงเพ่งมองข้างทะเลสาบร้อยปี

ความบริสุทธิ์นี้คือ ความรู้สึกที่ทำให้ซูหมิงเงียบ เขามองหินภูเขาดั่งร่างสตรีนั้น เหมือนได้ยินเสียงพึมพำจากในกาลเวลาดังข้างหู

แสงจันทร์อ่อน เป็นใครกำลังหวนคะนึงคิด

มองสุดขอบฟ้า คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนสุดหัวใจ

ซูหมิงมองหินภูเขาก่อนจากไป ภูเขานี้มีเรื่องราวของนาง เรื่องนี้เกิดขึ้นมา นานมากแล้ว สายตาที่เพ่งมองมาตลอดอาจมีเวลาแค่ร้อยปีสุดท้าย

ภายในเขตเผ่าดินทราย ซูหมิงเดินมาอยู่กลางทะเลทราย หยิบทรายขึ้นมา เขาเคยสัญญากับวิญญาณแห่งดินทรายไว้ว่าจะมอบความนิรันดร์ให้เขา เหมือนกับเพลงกลอนของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง สิ่งมีชีวิตที่ถูกเขียนนามลงในเพลงกลอนจะคงอยู่ นิรันดร์ในยุค

ซูหมิงใช้ทรายในมือเป็นตัวนำ ตอนที่หลับตาลง ทรายในมือพลันสั่นไหว พริบตาเดียวก็ลอยขึ้นในมือ หมุนวนกลายเป็นร่างเงาทราย ผ่านไปนานมากตอนที่ ซูหมิงลืมตาขึ้น ร่างเงานั้นคารวะซูหมิงลึกๆ ในฝ่ามือเขา

จากนั้นลอยขึ้น ซูหมิงสะบัดมือขวาไปบนฟ้า เกิดน้ำวนขึ้นกลางอากาศ ร่างเงานั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังน้ำวน ค่อยๆ หายไป

ซูหมิงมองอีกฝ่ายจากไปไกล จนกระทั่งน้ำวนหายไป ซูหมิงได้ตามสัญญาในอดีตสำเร็จอีกข้อแล้ว

เขาเดินผ่านเส้นทางในอดีตต่างๆ เห็นสัตว์ร้ายในอดีตต่างๆ เขาเดินไปตลอด ในเมื่อมาแล้วก็ต้องไปทะเลลำดับห้าสักครั้ง ดูว่ามีเส้นทางไปสู่โลกแท้จริงที่ห้าที่ผุพังหรือไม่

ความหวังในตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังมี มีเพียงไม่ได้ตามหาศิษย์น้องเล็กของตนเท่านั้น ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่อคนนั้น นี่คือความเสียใจ แต่ซูหมิงไม่ได้ดึงดัน ด้วยพลังเขาตอนนี้ ความจริงตอนที่เห็นซากปรักหักพังก็รู้สึกถึงศิษย์น้องเล็กของเขาแล้ว ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่อสิ้นชีพไปแล้ว

สหายเก่าไปทางตะวันตก ยากจะได้พบกันอีก นี่คือชะตาคนต่างกัน ซูหมิงไม่อาจก้าวก่าย แต่บางที…อาจลิขิตไว้แล้วว่าความเสียใจของเขาตรงนี้ต้องได้รับการเติมเต็ม ขณะเดินทางในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตเขาจึงหยุดชะงักครู่หนึ่งกลางฟ้า

หลังจากหยุดครู่หนึ่งแล้ว เขาหมุนตัวกลับช้าๆ ยามที่มองไกลออกไป สีหน้าเริ่มทะมึนทึบทีละน้อย ในความอึมครึมมีจิตสังหาร

หลังจากกลับมาจากโลกปีกที่สี่ ซูหมิงแทบไม่เคยเผยจิตสังหารเลย ตอนนี้เป็นครั้งแรก

เขาเห็นว่าห่างจากที่นี่ไม่ถือว่าไกลนักมีแผ่นดินใหญ่ลอยอยู่ บนแผ่นดินมีสิ่งมีชีวิตกำลังลำบาก โลหิตไหลเป็นสายน้ำ ถูกชายชราผอมแห้งคนหนึ่งสังหารด้วยใบหน้า ไร้อารมณ์ ราวกับจะอาศัยการสังหารเพื่อดูดพลังชีวิตในอดีตและความกลัวยามชีวิตเหล่านี้ตายลง เมื่อสังหาร ชายชราผอมแห้งคนนี้ก็มีกลิ่นอายพลังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ข้างหลังชายชราแบกซากศพหนึ่งร่าง เวลานี้ซากศพมีเลือดเนื้อขยับยึกยือ เหมือนยิ่งสังหารมากเท่าไรร่างกายเขาก็ยิ่งฟื้นจากความเน่าเปื่อยเท่านั้น กระดูกขาวเกิดเนื้อ กระทั่งตอนนี้บางส่วนบนตัวเขามีผิวหนังใหม่แล้ว

ภาพนี้ทำให้ซูหมิงนึกถึงร่างแยกในอดีตของซูเซวียนอี นั่นคือร่างกาฝากของซากศพข้างหลังที่ถูกขังอยู่ที่ใดบางแห่งในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

ซากศพนั้นเหมือนกับโครงกระดูก ส่วนร่างอาศัยคนนี้ก็ไม่ใช่ร่างแยกซูเซวียนอีแล้ว แต่เป็น…ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่อที่เขาไปตามหาแต่กลับไม่พบ นั่นคือ ศิษย์น้องเล็กของเขา

ซูหมิงมองชายชราคนนั้นเงียบๆ เขาไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้ กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากซากศพนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งยุคหนึ่ง อีกฝ่ายเข่นฆ่าก็ดี สูบกินก็ดี เดิมทีซูหมิง ไม่สนใจ นี่คือส่วนหนึ่งของกฏก่อนภัยพิบัติ เขาจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยว

แต่คนนี้…ไม่ควรใช้ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่อเป็นร่างกาฝาก

คนโบราณล้วนพูดว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด คำพูดนี้ใช้ไม่ได้กับซูหมิง ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ บางเรื่องหากทำไปแล้ว เช่นนั้นก็ต้องจ่ายในราคาที่ควรจ่าย อย่างเช่นผู้แข็งแกร่งในยุคหนึ่งคนนี้…

ซูหมิงยกมือขวาขึ้นชี้ผืนฟ้าไกลๆ เพียงชี้ไป ฟ้ากระจ่างดาวพลันบิดเบี้ยว ปรากฏเงามายาร่างหนึ่งตรงหน้าซูหมิงอย่างเงียบเชียบ นั่นคือเงามายานิ้วมือเขา เงามายานี้พลันสมจริง รวมจนมีขนาดร้อยจั้งแล้วก็พุ่งไกลออกไป

ระหว่างพุ่งไป มันเปลี่ยนขนาดไปอีกครั้ง กลายเป็นนิ้วมือหนึ่งเกือบพันจั้ง นิ้วนี้ฉีกมวลอากาศไปปรากฏบนฟ้าของแผ่นดินใหญ่นั้นในพริบตา ก่อนกดไปยังซากศพที่กำลังสูบชีวิตบนแผ่นดินใหญ่

ตอนนี้เองแผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับไม่อาจรับพลังทำลายล้างยากจะบรรยายจากนิ้วซูหมิงบนฟ้าได้ โดยเฉพาะซากศพนั้น เดิมทีหลับตา แต่ยามนี้ลืมตาขึ้นเผยลูกตาสีเหลือง ตอนนี้เองเขาหรี่ตาลงอย่างเร็วไว ฉายแววหวาดกลัว

“เป็นสหายท่านใดลงมือกับข้า หากสหายถูกใจแผ่นดินนี้ก่อนแล้ว ข้าขออภัยด้วย จะยอมมอบพลังชีวิตที่สูบมาทั้งหมดให้ และยังมอบสมบัติล้ำค่าเป็นการขอโทษด้วย!”

ซากศพนั้นเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นิ้วซูหมิงบนฟ้าไม่หยุดแม้แต่น้อย มันเข้ามาแทนที่ฟ้า ลงมาเยือนในฉับพลัน

แผ่นดินสั่นสะเทือน กระทั่งตอนนี้ตรงขอบแผ่นดินใหญ่เหมือนรับแรงกดดันไม่ได้จึงเริ่มพังลง เหตุการณ์นี้ทำให้ซากศพนั้นหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง เขาอ้าปากสูบอย่าง ไม่ลังเล ชายชราที่แบกเขาอยู่ข้างหลังพลันกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก กลายเป็นศพแห้ง เหมือนเลือดเนื้อทุกอย่างถูกซากศพนั้นสูบไป

เมื่อศพแห้งหุ่นเชิดที่เดิมทีตายไปนานแล้วล้มลงกับพื้น ร่างซากศพนั้นพลันเกิดเลือดเนื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นชายชรามีสีหน้าชั่วร้าย ยามนี้เงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ประสานมุทราด้วยสองมือกดผ่านฟ้าไปยังนิ้วมือที่ตรงเข้ามา

แทบเป็นทันทีที่เขาลงมือ พลันปรากฏเงามายายักษ์นอกตัวชายชรา เงามายานั้นเหมือนกับสัตว์ยักษ์ทั่วร่างเน่าเปื่อยสีดำตัวหนึ่ง มีเก้าหัว ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดหลายร้อยจั้ง เปล่งเสียงคำรามด้วยความไม่ยอมพร้อมกับพุ่งจากพื้นไปหา นิ้วมือซูหมิง

“สมควรตาย ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าก็สังหารข้าไม่ได้ นี่คือส่วนหนึ่งของกฏ ในเมื่อเจ้าสังหารข้าไม่ได้แล้ว ไฉนต้องมาก่อกวน!” ขณะชายชราตะโกน นิ้วมือซูหมิงปะทะกับร่างชายชราคนนั้นกลางอากาศ เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน ดังจนกลบเสียงร้องโหยหวนของชายชรา

มองไกลๆ นิ้วมือซูหมิงมาแทนที่ฟ้า แทนที่จักรวาล ยามที่ลงมาเยือน เพียงแค่นิ้วเดียวก็ปกคลุมพื้นที่เกือบสองส่วนของแผ่นดินแล้ว หลังปะทะกับสัตว์ยักษ์ร่างแปลง ชายชราแล้ว นิ้วมือซูหมิงไม่ได้หยุดแค่นี้ ถึงขั้นพูดได้ว่ากดร่างเงาชายชราลงกับแผ่นดินที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ

โครม โครม โครม!

แผ่นดินสั่นไหว เกิดรอยร้าวขึ้นทั่วแผ่นดิน เพียงไม่กี่ลมหายใจแผ่นดินใหญ่พังลงทั้งหมด และไม่ได้พังแค่แห่งเดียว แต่แตกออกเป็นชั้นๆ จนกระทั่งระเบิดออกเป็น เถ้าธุลี…

แม้แต่ร่างชายชราคนนั้นยังถูกนิ้วมือจากดวงจิตซูหมิงลบหายไปพร้อมกับแผ่นดินพังลง!

“ข้าพาเจ้าไปอีกฟากไม่ได้…ในเมื่อเจ้าสิ้นชีพไปแล้ว สิ่งที่ข้าทำได้คือให้มันลงหลุมไปพร้อมกับเจ้า ให้แผ่นดินใหญ่ที่ไร้สิ่งมีชีวิตนี้เป็นหลุมศพให้เจ้า” ซูหมิงถอนหายใจเบาก่อนยกมือขวาขึ้นโบกไป แผ่นดินใหญ่ที่แตกเป็นเถ้าธุลีรวมขึ้นจากอากาศอีกครั้ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นหลุมศพโบราณลอยอยู่กลางฟ้า

บนหลุมศพโบราณมีป้ายหนึ่ง ด้านบนค่อยๆ ลอยออกมาเป็นตัวอักษรแถวหนึ่ง

ยอดเขาลำดับเก้า หลุมศพโม่ซา

ตี้จิ่วโม่ซา ศิษย์ในนามของเทียนเสียจื่อในอดีตคนนี้ ยามนี้หลับใหลอยู่ในหลุมศพ เขาอยู่กับซูหมิงไม่นานนัก แต่ซูหมิงไม่ลืมศิษย์น้องคนนี้ เพียงแต่นี่เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง ภายในความรู้สึกในใจ อีกฝ่ายเทียบไม่ได้กับพวกศิษย์พี่ใหญ่ ถึงขนาดที่ว่าบางทีเทียนเสียจื่ออาจจะลืมไปแล้วว่าที่นี่เคยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยึดมั่นอยากจะเป็นศิษย์ของเขา…

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…เขาคือ ศิษย์น้องเล็กของซูหมิง

แม้หลุมศพนี้จะอยู่ได้อีกร้อยปี แต่คำว่ายอดเขาลำดับเก้าได้เอ่ยความเสียใจภายในใจซูหมิงแล้ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!