Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1367

ตอนที่ 1367 สามรูปลักษณ์

น้ำวนมรณะหยิน โลกนี้ บนยอดเขา

เสียงตี้เทียนดังก้อง เมื่อสายลมภูเขาพัดผ่านก็กลายเป็นเสียงสะท้อนในโลกนี้

ร่างเงาระหว่างความจริงกับมายาเจ็ดร่างนั้นต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีใครพูด พอตี้เทียนพูดจบก็ไม่ได้ถามต่อ แต่รอคำตอบของเจ็ดคน

เขารอมานานมากแล้วจึงไม่ถือว่าจะรออีกเล็กน้อย ถึงอย่างการตัดสินใจครั้งนี้ หลังจากตอนนั้นที่พวกเขาตัดสินใจแล้วก็เคยลองมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่มีเพียงตี้เทียนในยุคนี้ที่สำเร็จ

เวลาผ่านไปจนกระทั่งตะวันยามอัศดงไกลๆ จะลาลับ ตอนที่ฟ้าเป็นยามโพล้เพล้สีน้ำตาล หนึ่งในเจ็ดร่างเงานั้นถอนหายใจเบา

“คนนอกเรียกพวกเราว่าสามราชันห้าจักรพรรดิ…แต่มีเพียงพวกเราที่รู้ว่าพวกเราไม่ใช่ราชันและก็จักรพรรดิ พวกเราคือคนกลุ่มนั้นที่ไม่ได้ติดตามคนจากทุกสำนักที่เลือกสร้างวิหารเหล่าเทพ

พวกเขาเลือกสละชีพตัวเองเพื่อสนับสนุนชนรุ่นหลัง แต่พวกเราเลือกเพื่อตัวเอง…กี่ยุคสมัยมาแล้ว พวกเราในอดีตเคยมีหลายร้อยคน แต่ยามนี้…พวกเขาหลงทาง แล้ว ละทิ้งหรือลืมความปรารถนาเดิมไปแล้ว เป็นคนที่ไม่ใช่คน เป็นสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์” เสียงถอนหายใจดังแว่วมาทำลายความเงียบของที่นี่

“ไม่มีอะไรต้องลังเลแล้ว ในเมื่อยุคนี้เจ้าสำเร็จเหนือกว่าพวกเราทุกคน เช่นนั้น…ก็จะมอบชีวิตกับวิญญาณให้กับเจ้า!” ร่างเงาทางขวาสุดในเจ็ดคนกล่าวอย่างเด็ดขาด เงยหน้าขึ้นมองตี้เทียน

“จำคำพูดที่เจ้าสัญญากับข้าเอาไว้ หากเจ้าสำเร็จต้องคืนชีพให้ข้า!”

ตี้เทียนมองร่างเงาทางขวาสุดนั้นพลางพยักหน้าอย่างจริงจัง

“นี่คือคำสาบานร่วมกันในอดีตของพวกเราแปดคน หากข้าสำเร็จ สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือคืนชีพพวกเจ้า!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…” ร่างเงาทางขวาสุดนั้นเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนยกมือขวาขึ้นกดตรงระหว่างคิ้วอย่างไม่ลังเล ร่างเงาพลันระเบิดออกเป็นผลึกแสงพุ่งไปหา ตี้เทียน หลอมรวมเข้าสู่ทั่วร่าง ทำให้เขาตัวสั่น กลิ่นอายพลังเพิ่มขึ้น เขาอดกลั้นไม่ให้คำรามด้วยความเจ็บปวดเอาไว้ แต่มองอีกหกคน

“ยังรู้สึกยอมไม่ได้อยู่เล็กน้อยจริงๆ แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือ ตี้เทียน เจ้าสำเร็จในยุคนี้จริงๆ เลือกเจ้า อย่างน้อยก็มีโอกาสสำเร็จเพิ่มมาอีกเล็กน้อย…ห้าสิบปีสุดท้ายรึ เกรงว่าตอนนี้คนที่รู้ถึงข่าวนี้มีน้อยมาก ถึงอย่างไรพวกเราก็รวมพลังของทุกคนมานานมากจนหาความลับสวรรค์พบ” หนึ่งในหกคนยิ้มพูดขึ้นพลางยกมือขวาตบตรง หน้าผาก ร่างเขาระเบิดออก แสงผลึกถูกตี้เทียนสูบไปเหมือนกัน

“น่าเสียดายยุคสมัยที่ข้าอยู่ ระหว่างดำเนินแผนการของพวกเราไม่ได้พบซูเซวียนอี และก็ไม่ได้พบซูหมิง และยังไม่พบ…เต้าเฉินน่าหัวร่อที่จะมายึดร่างเจ้าโดยบังเอิญ”

“ช่างเถอะๆ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์แล้ว ห้าสิบปีเท่านั้น…”

“หากเจ้าไม่ปฏิบัติตามคำสัญญา เจ้าต้องจำคำสาบานในอดีตของพวกเรา!” เสียงระเบิดดังก้อง ห้าคนที่เหลือมีสามคนตบระหว่างคิ้ว กลายเป็นแสงผลึกถูกตี้เทียนสูบไป ร่างตี้เทียนสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายพลังแกร่งขึ้นไม่หยุด เหมือนพบจุดสำคัญ แผ่กระจายกลิ่นอายพลังน่ากลัวออกมา

“กลายเป็นเผ่ายมโลก มีอภินิหารของเผ่ายมโลก ตี้เทียน…เจ้าในตอนนี้ สมบูรณ์แบบกว่าตอนดำเนินแผนการของพวกเราในอดีตอีก แต่โอกาสสำเร็จในท้ายที่สุดก็ยังไม่มาก เจ้าต้องระวัง!” หนึ่งในคนที่เหลือถอนหายใจเบา หลับตาลง ร่างกลายเป็นแสงผลึกหลอมรวมเข้าไปในร่างตี้เทียน ยอดเขาที่นี่ นอกจากตี้เทียนแล้วเหลือเพียงคนเดียว

ร่างเงานั้นเริ่มไม่บิดเบี้ยวอีก ไม่เลือนรางอีก แต่สมจริงขึ้นเป็นสตรีคนหนึ่ง นางสวมเครื่องแบบในวัง สีหน้าเรียบนิ่ง เพียงแต่ตอนที่มองตี้เทียน ในแววตาจะมีความอ่อนโยน

ตี้เทียนก็มองนางเช่นกัน สองคนไม่มีใครกล่าว ผ่านไปพักใหญ่ หญิงคนนั้น ถอนหายใจเบาแล้วพูดขึ้นช้าๆ

“ทุกอย่างที่พวกเราทำเพื่อชีวิตก่อนหน้านี้พูดได้ว่าถูกและผิด เพราะเดิมทีไม่มีถูกผิด แต่…ตี้เทียน หากเจ้าล้มเหลวก็ช่าง หากสำเร็จ…จำเอาไว้ว่าอย่าทำผิด

ซูเซวียนอีที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันกับเจ้าก็ดี ซูหมิงที่เจ้าเลือกตระหนักรู้ก็ดี รวมถึง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่มาอยู่ตรงหน้าพวกเรา เลือกพวกเราราวกับเส้นทางในโลกนั้นของเขา ไม่ว่าพวกเขาทำสำเร็จหรือไม่…แต่ เจ้าอย่าทำผิด อย่าเป็นศัตรูกับพวกเขา มิเช่นนั้น…โชคชะตาจะไม่มีความคิดหรอก ข้าเองก็อ่านมันไม่ออก

โดยเฉพาะ…ซูหมิง ข้ายิ่งอ่านเขาไม่ออก ตอนเผ่าหมาน ข้าเห็นอนาคตเขา แต่ตอนที่เขาออกจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ชีวิตเขาเต็มไปด้วยหมอก หมอกนั้นน่ากลัวมาก…โดยเฉพาะหลังกลับมาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน… ข้าไม่กล้าทำนายเขา”

“ภายภาคหน้าข้าช่วยเจ้าไม่ได้อีกแล้ว โชคชะตาไม่อาจสัมผัส ชีวิตและเส้นเลือด ต่อให้หลอมละลายก็ยังเกิดการแปรเปลี่ยน ชะตา…พวกเขาได้แต่เคารพยำเกรง ไม่รู้ว่าพวกเราเลือกถูกหรือไม่ แต่นี่คือทางเดียว เจ้า…รักษาตัวด้วย”

หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาจบก็หลับตาลง ร่างนางค่อยๆ หายไปกลายเป็นแสงผลึก ทว่าแสงผลึกนั้นกลับไม่ถูกตี้เทียนสูบไปเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ถูกรวมไว้ตรงระหว่างคิ้วตี้เทียน กลายเป็น…ดวงตาที่สามเหมือนกับของซูหมิง!

ตอนนี้ตี้เทียนตัวสั่นไปทั่วร่าง เขาเงยหน้าคำรามเสียงสะเทือนฟ้าดิน ขณะคำรามตรงหางตามีน้ำตา ต่อให้เขาไร้ความรู้สึกกว่านี้อีก เย็นชากว่านี้อีก แต่ในเจ็ดคนนี้ มีศิษย์พี่เขา มีสหายสนิทของเขา มีอาจารย์ของเขา และยังมี…คนรัก

นับจากนี้ไปฟ้าดินจะรู้ว่าเขาได้ลาลับไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฌานอีก แต่คนที่รู้จักเขาก็ยังไม่รู้นามจริงของเขา รู้แค่เขามีนามว่า…ตี้เทียน!

‘ข้าจะต้องสำเร็จ ข้าจะล้มเหลวไม่ได้ เพราะคนที่ข้าเลือกหลอมรวมชะตาด้วยคือซูหมิง เพราะซูหมิงในตอนนี้สำเร็จแล้ว ในสายตาพวกเจ้า หากบอกว่าพวกเจ้าเชื่อข้า สู้บอกว่าพวกเจ้าเชื่อเขาจะดีกว่า!

หากเขาสำเร็จ ข้าก็สำเร็จ เพราะรูปแบบชะตาข้ารวมกับรูปแบบชะตาเขาเป็นหนึ่ง ไปแล้ว!’ กลิ่นอายพลังตี้เทียนค่อยๆ หายไป ก้มหน้าลงอยู่พักใหญ่ถึงเงยหน้าขึ้น แผ่กระจายพลังที่แทบจะเหมือนกับซูหมิงอย่างยิ่งออกมา

‘รูปแบบชะตาของพวกเราหลอมรวมกันแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงพบกันไม่ได้ หากพบกันรูปแบบชะตาจะปริแตก เขาจะสังเกตเห็น…ซูหมิง เจ้าต้องทำสำเร็จแน่ เมื่อเจ้าทำสำเร็จเราจะได้พบกัน เมื่อนั้น…จะเป็นเวลาที่ข้ายึดร่างเจ้า’ ตี้เทียนยิ้มมุมปากเย็นชา

“เหลืออีกห้าสิบปี…ใกล้แล้ว ใกล้จะถึงเวลาแล้ว…” ภายในโลกแท้จริงที่สี่ ซูเซวียนอี ที่หายไปในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ในพระราชวังลอยฟ้าแห่งหนึ่ง พระราชวังนี้เหมือนกับเข็มทิศยักษ์ หน้าตาประหลาดมาก

เหลยเฉินนั่งขัดสมาธิแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าซูเซวียนอี บนตัวเขามีเข็มสีดำปักอยู่นับไม่ถ้วน ทุกเข็มแกะสลักเป็นอักขระอยู่เหลือคณานับ

ซูเซวียนอีมองเหลยเฉินด้วยความเมตตา สองมือยกขึ้นประสานมุทราหล่อหลอมเหลยเฉินราวกับสมบัติล้ำค่าดอกบัว

“เหลยเฉินบุตรข้า อดทนต่ออีกหลายปีพวกเราก็จะสำเร็จแล้ว เมี่ยเซิงก็ใกล้จะลงมือแล้วเหมือนกัน เขาต้องให้พ่อช่วยเขาลงมือด้วย ตอนที่พ่อร่วมมือกับเขาจะเป็นตอนที่พวกเราสองพ่อลูกผงาดขึ้น!

เหลยเฉิน เจ้ารู้แค่ว่ามารดาเจ้าตายเพราะข้า แต่เจ้าไม่รู้ว่านางทำเพื่อเจ้า! ส่วนข้า ห้าสิบปีจากนี้จะยอมสละทุกอย่างเพื่อเจ้า ขอเพียงเจ้าสำเร็จ ขอเพียงในภายภาคหน้าเจ้าทำให้เผ่ายมโลกปรากฏในจักรวาลอีกครั้ง หลังเปิดประตูยมโลกแล้วครอบครัวพวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง!

เจ้าอย่าโทษข้าที่สร้างความลำบากให้ซูหมิงเลย มีแต่ต้องทดสอบกับเขาก่อน ข้าถึงกล้าใช้กับเจ้า และก็มีแต่ให้เขาบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตพวกเราถึงมีโอกาส…สำเร็จ!”

“ใกล้แล้ว ไม่ถึงห้าสิบปีแล้ว…” ซูเซวียนอีมีสีหน้ายึดมั่นและบ้าคลั่ง ขณะพึมพำยังประสานมุทราต่อเพื่อหล่อหลอมเหลยเฉิน

เตาหลอมลำดับห้าลอยอยู่ตรงหัวเหลยเฉิน มันแผ่เปลวเพลิงคู่กับการประสานมุทราของซูเซวียนอี เกิดการเผาไหม้ขึ้น เหลยเฉินในเปลวเพลิงนั้นหลับตาแน่นิ่ง

นอกโลกของปีกซางเซียง ในจักรวางกว้างใหญ่ไร้พรมแดน มีสิ่งมีชีวิตประหลาดนับไม่ถ้วน วิธีเดียวที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แข็งแกร่งคือ ให้โลกในร่างตนสมบูรณ์แบบเรื่อยๆ จนกระทั่งให้กำเนิดชีวิตในโลกนั้น ให้กำเนิดฟ้า

จักรวาลกว้างใหญ่แห่งนี้เหมือนกับต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง แต่ยามนี้ในจักรวาลกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านั้นตัวสั่น ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ทุกตัวหมอบกราบราวคารวะอยู่ตรงนั้น ตอนที่เข็มทิศยักษ์ผ่านข้างกายพวกมัน ร่างพวกมันเหมือนถูกเข็มทิศฉีกกินไปจนหมด

เข็มทิศขยับแสงแห่งการทำลายล้างมืดหม่น อักขระเว้านูนขยับแสง ทุกอักขระแฝงไว้ด้วยความเก่าแก่ราวกับต้นกำเนิดของจักรวาลกว้างใหญ่ และยังมี…ชายหนุ่มชุดคลุมดำนั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศ

อาภรณ์ยาวสีดำ เส้นผมดำ ชายหนุ่มคนนี้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา มือขวาถือไข่มุกพวงหนึ่ง ทั้งหมดเก้าเม็ด ตอนนี้มีหกเม็ดขยับแสงวาววับ…

“ใกล้จะถึงแล้ว…” ผ่านไปพักใหญ่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มือขวาหมุนไข่มุกพวงนั้นในมือ สายตามองไกลออกไป เหมือนมองทะลุจักรวาลกว้างใหญ่ไปเห็นว่าไกลออกไปมีผีเสื้อซางเซียงตัวหนึ่งแผ่กลิ่นอายมรณะ สี่ปีกค่อยๆ ซ้อนทับกัน ราวกับจะไปถึง ช่วงสุดท้ายของชีวิต ปีกบรรจบและตายจากไป

ทันทีที่มองซางเซียง ชายหนุ่มชุดคลุมดำใช้สองนิ้วมือขวาบีบไข่มุกเม็ดที่เจ็ด เดิมทีไข่มุกนั้นมัวหมอง แต่ตอนนี้กลับขยับประกายวาวอย่างรวดเร็ว เผนเงามายาของกระเรียนตัวหนึ่งในไข่มุก

“วิญญาณหวนคืนลำดับเจ็ด เจ้าหนีไม่รอดแล้ว” ชายหนุ่มชุดคลุมดำกล่าวราบเรียบ หลับตาลง แต่มือขวายังคงบีบไข่มุกเม็ดที่เจ็ดนั้น แน่นิ่งไม่ขยับตัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!