Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1373

ตอนที่ 1373 ภัยพิบัติสามรกร้าง 5

“เขายังไม่ตาย ซางเซียงทั้งหมดในจักรวาลต้องถูกทำลาย…นี่คือชะตาลิขิต!” ผีเสื้อร่างแปลงซางเซียงตัวสั่น มีความบ้าคลั่ง มันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดมันถึงไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของซางเซียงตัวอื่นอีก มันคิดว่านั่นเป็นเพราะหลังจากตนถูกยึดร่างเลยเสียความสามารถนี้ไป

มันยังฝันว่าหลังจากชิงอีกครึ่งกลับมาแล้วจะทำให้ตนสมบูรณ์ จากนั้นสยายปีกตามหาพวกมันในจักรวาลกว้างใหญ่ ตามหาคนในครอบครัว ตามหาบ้าน

แต่ตอนนี้มันเข้าใจแจ่มชัดแล้ว ไม่ใช่ว่ามันเสียปฏิกิริยาโต้ตอบ แต่…ซางเซียงตัวอื่นหรือส่วนใหญ่ถูกชะตาลิขิตไว้ว่าต้องถูกลบ ส่วนมัน…

‘ข้า…หยุดอยู่ที่นี่มานานเท่าไรกันแน่?’ ขณะซางเซียงอยู่ในความขมขื่น มันรู้สึกว่ามันอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการอ่อนแอลงทำให้มันเหมือนเสียดวงจิตไปเกือบสามส่วน มันเข้าใจ อันดันแรกมันจะอ่อนแอ จนกระทั่งดวงจิตหายไปแล้วถึงเป็นดวงจิตสามรกร้าง ทว่ามันกลับหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะแก่ชราแฝงไว้ด้วยความแหลมเล็ก แฝงไว้ด้วยความแค้นเหนือกว่าทุกสิ่ง มันไม่แค้นคนที่ส่งกลิ่นอายพลังนี้มา แต่มันแค้นดวงจิตสามรกร้างที่ยึดร่างตน!

‘ในเมื่อถูกลิขิตไว้ว่าต้องถูกลบ เช่นนั้น…ข้าก็อยากเห็นเจ้าตายกับตา!’ ซางเซียง อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรดวงจิตสามรกร้างก็สังเกตเห็น ซูหมิงก็เห็นเช่นกัน แต่ที่ต่างไปจากสามรกร้างที่พุ่งไปหาซางเซียงคือซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขาคาดเดาคำตอบได้แล้ว

เป็นตอนนี้…

“ซูหมิง เจ้าจะช่วยก็ช่วย ไม่ช่วย…ก็ต้องช่วยเหมือนกัน! เพราะมีแต่ดวงจิตสามรกร้างตายเท่านั้น เจ้าถึงมีเวลามากพอจะส่งญาติพี่น้องของเจ้าเข้าไปในโลกนั้นอีกครั้ง

เพราะหากดวงจิตสามรกร้างไม่ตาย การคงอยู่ของเขาในภัยพิบัติตอนนี้จะเท่ากับปิดทางเข้าไปสู่มวลอากาศทั้งหมด เว้นแต่เจ้าจะมาแทนที่เขา มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าไม่มีทางส่งคนยอดเขาลำดับเก้าของเจ้าไปอีกครั้งได้!

เจ้าไม่กล้าเดิมพัน! แต่ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าโลกนั้นที่เจ้าใช้ความเชื่อเปิดมัน มันมีอยู่จริง!” เสียงแหลมของซางเซียงแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหด ทันทีที่ดังก้อง ภายในมหาโลกสามรกร้าง ขณะที่โลกข้างบนกำลังลดระดับลงมา ในมวลอากาศปรากฏน้ำวนยักษ์แห่งหนึ่ง

น้ำวนนี้หมุนย้อนกลับ ภายในจะเห็นเป็นแม่น้ำลืมเดินทางสายหนึ่ง และแม่น้ำนั้น…ย้อนกลับเช่นกัน เห็นได้ว่าอีกฝากของแม่น้ำมีร่างเงาอยู่จำนวนหนึ่ง ซูหมิงคุ้นกับ ร่างเงานั้น…

ร่างกายพวกเขาเหมือนถูกพลังยากจะบรยายฉุดดึง เหมือนจะกระชากออกมาจากในกาลเวลานั้น!

ซูหมิงเคยเห็นแม่น้ำลืมเดินทางไหลย้อนกลับมาก่อน นั่นไม่ผิดแน่ เป็นเหตุการณ์จริง นั่นคือเส้นตายของเขา ตอนที่เขาตรวจไม่พบร่องรอยการรบกวนของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง เขาก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนรบกวนกันแน่

จนถึงตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าคนที่รบกวนคือซางเซียง! นี่คือกลอุบายที่มันใช้ควบคุมซูหมิง หากซูหมิงไม่ร่วมมือ เช่นนั้นมันก็จะจัดการเรื่องนี้ ต่อให้ซูหมิงผิดคำพูดในตอนแรกสุดไปร่วมมือกับดวงจิตสามรกร้าง เช่นนั้นในเมื่อซางเซียงกล้าปรากฏตัวที่นี่ ก็เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจเต็มสิบ

ซูหมิงเงียบ เขามองใบหน้าคุ้นเคยในน้ำวนโลกภายนอก นัยน์ตาค่อยๆ เผยจิตสังหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือเส้นตายของเขา และซางเซียง…แตะเส้นตายของเขาแล้ว!

“เจ้าทำพลาดแล้ว” ช่วงที่ซูหมิงกล่าวขึ้น ผีเสื้อร่างแปลงเขาหายไปกลายเป็นตัวเขา ก่อนขยับวูบไหวพุ่งไปหาซางเซียง ตอนนี้ดวงจิตสามรกร้างข้างๆ หัวเราะเสียงดัง ผีเสื้อสีขาวจากสามรกร้างก่อเป็นพายุหมุนสีขาวหมายจะกลบซางเซียง

“ไม่ทันการแล้ว การกลับมาของพวกเขาคือชะตาที่เจ้าขวางไม่ทัน มีเพียงยึดร่างสามรกร้างเท่านั้นเจ้าถึงจะส่งพวกเขาไปอีกครั้งได้!” ขณะซางเซียงหัวเราะเสียงแหลม แม่น้ำลืมเดินทางในน้ำวนเร่งความเร็วในการย้อนกลับร้อยเท่า แม้แต่ทุกคนอีกฟาก ยังตัวสั่น ถูกดึงมาอยู่ที่แม่น้ำลืมเดินทาง ได้เห็นอีกฝากของแม่น้ำกับตา

ตอนนี้เอง ฟากนั้นพลันปรากฏอักขระสีโลหิตเก้าตัว อักขระนี้ขยับแสงวูบวาบก่อนกลายเป็นปราการหมอกโลหิตตัดขาดการย้อนเวลา ทำให้น้ำวนเหมือนถูกเก็บไป

เหตุการณ์นี้ทำให้ซางเซียงอึ้งไป ยามนี้เองซูหมิงพุ่งมาด้วยจิตสังหารที่ถูกแตะเส้นตาย เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าการผนึกของตนอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่ง จะอยู่ไม่นานนัก เขาต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเพื่อส่งคนยอดเขาลำดับเก้าที่ถูกดึงออกมาจากแม่น้ำลืมเดินทางกลับไปในโลกนั้นให้เร็วที่สุด

แต่การจะออกจากที่นี่ก็ต้องกำราบซางเซียงก่อน ให้ดวงจิตสามรกร้างยึดร่างมัน มีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะให้ดวงจิตสามรกร้างไม่มีเวลาสนใจรบกวนเขา เมื่อความคิดเป็นลำดับขั้นตอนขยับวูบไหวขึ้นมาในความคิดแล้ว เขาก็เข้าไปใกล้ซางเซียง

“ยังทันเวลาอยู่!” นัยน์ตาซูหมิงเกิดเส้นเลือดฝอย ตอนนี้จิตใจไม่ได้สงบนิ่ง ดั่งภายนอกเลย ใจเขากำลังเจ็บปวด จิตใจกำลังสั่นไหว ภาพในความลับสวรรค์แทบจะกลายเป็นเงามืด กลายเป็นตราประทับที่ลบไม่ได้

ที่นั่นคือผู้คนที่เขาสนใจที่สุดในชีวิต ที่นั่นคือความอาลัยอาวรณ์ที่ลุ่มลึกที่สุดในชีวิตนี้ เขาไม่ยอมให้ภาพในความลับสวรรค์เป็นจริง เขาไม่ยอมให้ตนเสียทุกอย่างแล้วกลายเป็นคนโดดเดี่ยว!

ต่อให้ตอนนี้เขาเป็นคนโดดเดี่ยวแล้วก็ตาม แต่เขายังมีความฝันในใจ ยังมี ความปรารถนา มีการแสวงหาด้วยความยึดมั่น การแสวงหานั้นคือสักวันหนึ่งเขาจะได้ไปยอดเขาลำดับเก้า ไปหาพวกเขา ใช้ชีวิตต่อในโลกนั้น!

เส้นเลือดฝอยในดวงตาซูหมิงเยอะขึ้นเรื่อยๆ พริบตาที่เขาพุ่งตรงไปหาซางเซียงด้วยความเร็วและบ้าคลั่งนั้น ร่างกายเขาปะทุดวงจิตที่แกร่งที่สุดในชีวิต ดวงจิตนี้ รวมสี่โลกแท้จริง รวมวิญญาณเขา กลายเป็นการโจมตีที่แกร่งที่สุดในชีวิต!

การโจมตีครั้งนี้ เขาเคยใช้ต่อหน้าชายหนุ่มชุดคลุมดำในกาลอดีตมาแล้ว การโจมตีครั้งนี้เคยใช้กับดวงจิตสามรกร้างในเส้นทางเลือดเนื้อ ตอนนี้…การโจมตีครั้งนี้ยังเพิ่มจิตเต๋าของซูหมิงไปด้วย!

นี่คือการโจมตีที่แกร่งที่สุดที่รวมกลิ่นอายพลังของขั้นเต๋าไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้เสี้ยวหนึ่ง ยามนี้ปะทุออกมาประหนึ่งปลดปล่อยชีวิต ใช้ร่างกายเป็นกระบี่ ใช้ดวงจิตเป็นมีด ชั่ววูบเดียวก็เข้าไปใกล้ซางเซียง ชั่วขณะที่ซางเซียงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วก็เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดินกึกก้องไปทั้งโลกซางเซียง กระทั่งดังแว่วออกไปก้องในจักรวาล กว้างใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มชุดคลุมดำบนเข็มทิศก้มหน้าลงมองแวบหนึ่ง

ท่ามกลางเสียงครึกโครม ซูหมิงผ่านร่างซางเซียง สามรกร้างตามหลังมาติดๆ มาพร้อมกับความกระหายไม่รู้กี่หมื่นปี และยังมีความบ้าคลั่งด้วยความยึดมั่น ซ้ำยังมีความตกตะลึงต่อการโจมตีที่แกร่งที่สุดของซูหมิง หลังจากร่างซางเซียงรับการโจมตีของซูหมิงแล้ว พายุไม่มีสิ้นสุดสีขาวจากสามรกร้างพลันปกคลุมซางเซียงเอาไว้

ซางเซียงร้องเสียงแหลม สามรกร้างกระหายจะกินมาไม่รู้กี่ยุคแล้ว ตอนนี้…ได้เริ่มแล้ว!

ซางเซียงคาดการณ์การตัดสินใจของซูหมิงผิด มันคิดว่าวิธีนี้จะควบคุมซูหมิงได้ แต่กลับคาดการณ์ไม่ได้ว่าซูหมิงมีนิสัยไม่เคยยอมใครมาก่อน โดยเฉพาะหลังจากถูกแตะเส้นตาย เขาจะปะทุขึ้นเงียบๆ หรือไม่ก็…เลือกดับสูญไปเงียบๆ

ไม่มีทางเลือกที่สาม ไม่มีการประนีประนอม!

ราคาต้องจ่ายสำหรับการคาดการณ์พลาดคือมันเร่งความเร็วในการตายของตัวเอง คือมันสนับสนุนสามรกร้าง และมันไม่ได้เห็นความตายของสามรกร้าง ได้เห็นอย่างเดียวคือ สุดท้ายสามรกร้างกินตนกลายเป็นร่างสมบูรณ์ของโลกนี้!

ซูหมิงในตอนนี้ไม่สนใจสามรกร้างที่กินซางเซียง เขาพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าน้ำวน ผนึกสีโลหิตที่เขาวางไว้ในน้ำวนก่อนหน้านี้เริ่มอ่อนแอลงแล้ว เหมือนจะขวางการย้อนเวลาจากดวงจิตซางเซียงไม่ได้อีก กระทั่งซูหมิงยังเห็นใบหน้าสับสนของคนยอดเขาลำดับเก้าทุกคนที่ส่งไปอีกฝากหลังหมอกแดงเบาบาง

ซูหมิงเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เขายกมือขวาขึ้นหมายจะใช้วิชาอีกครั้ง ระหว่างที่สามรกร้างกินซางเซียง เขาฉีกมวลอากาศอีกครั้ง ให้คนยอดเขาลำดับเก้ากลับไป อีกฟาก ให้ภาพในความลับสวรรค์ไม่มีวันเกิดขึ้น!

เพียงแต่…บางครั้งก็เปลี่ยนโชคชะตาได้ แต่บางครั้ง…เมื่อการเปลี่ยนโชคชะตาอยู่ต่อหน้าเจ้า เจ้าใช้พลังทั้งหมดแล้วก็ยังไม่อาจสัมผัสมัน…

เหมือนกับเวลาที่ผ่านไปดั่งสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำดั่งความฝัน ถามคนว่าชีวิตมีเท่าไร เหตุใดจากฤดูหนาวถึงต้องไปถึงปลายฤดูร้อน เหตุใดจากต้อง ตีกลองจากยามอัศดงไปจนถึงยามรุ่งอรุณ ในสี่ฤดูกาลที่ผ่านไปนั้น ใครกำลัง ถอนหายใจ ในเสียงกลองที่ดังนั้น มีทุกข์มีสุขเท่าไร…

ระหว่างที่ใครดีดนิ้ว ดอกไม้บานดอกไม้ร่วงโรย จันทร์เต็มดวงจันทร์เสี้ยว กลางแสงเทียนที่ก้มหน้ามอง สิ่งที่เจ้าเห็นคือไฟของหมื่นครัวเรือน…และยังมีพิณจีนสวยงามหรูหราอีกเท่าไรที่ค่อยๆ ไกลออกไป มีแสงสว่างพร่างพราวอีกเท่าไรที่ มัวหมองลง

เหลือเพียงรอยย่นของกาลเวลาเล็กน้อย ฝุ่นบางที่บดด้วยกาลเวลา แตกแยกละเอียด

บางทีนี่อาจเป็นเต๋า

และก็เป็นเสียงหัวเราะแหลมเล็กในช่วงที่โลกถูกทำลาย เส้นผมยาวยุ่งเหยิงนั้น สีม่วงประหลาด ตอนนี้กลายเป็นน้ำตาในใจ น้ำตานั้นเป็นสีโลหิต แต่หากรวมกับ เงามืดก็จะกลายเป็น…สีที่ผู้คนรู้นามมัน แต่ไม่รู้ความหมาย นั่นคือ…ม่วง

ม่วงเกิดจากการหลอมรวมกันของโลหิตกับเงามืด เป็นเสียงแหลมของโลหิตนั้นรวมกับความบ้าคลั่งของเงามืด จึงเกิดเป็นการสิ้นชีพที่ไม่อาจแตะต้องได้ชั่วนิรันดร์…ย้อมใจเป็นสีม่วง ย้อมโลหิตเป็นเงามืด จากนั้นจึงกลายเป็นสีม่วงน่าตื่นตกใจที่คนอื่นไม่เข้าใจ!

ภายใต้เส้นผมยาวสีม่วงนั้น ดวงตาสองข้างสีม่วงกลายเป็นเรือโดดเดี่ยวลำเดียวที่แล่นผ่านแม่น้ำลืมเดินทางได้

ภายใต้แสงจันทร์ ยามที่หันไปมอง เรือโดดเดี่ยวนั้น…ไม่มีร่างเงาที่นั่งอย่าง เงียบเหงาแล้ว

มีเพียงภาพเลือนรางกลางเงาสะท้อนของแม่น้ำที่ยังจดจำคนพายเรือสวมงอบ สวมชุดกันฝนในอดีตคนนั้นได้

เต๋าของซูหมิง เดิมทีเดินจากฤดูหนาวไปสู่ใบไม้ผลิแห่งการตื่น เดิมทีเดินมาถึง ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว…เดินทีเดินจากความตายสู่เป็น เดินทีเดินมาถึงช่วงลืมตาแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้…เต๋าของเขาเปลี่ยนไป

ในเมื่อไม่มีฤดูใบไม้ผลิแห่งการตื่น เช่นนั้นไฉนข้าต้องแสวงหาการตื่น ข้ายอมอยู่ในเงามืด ตามหาร่างเงาแตกสลายที่อยู่ข้างกายข้า

ในเมื่อพอลืมตาแล้วเห็นการตายของโลกเช่นนี้ ข้ายอมหลับตาชั่วนิรันดร์จะดีกว่า ให้ตรงหน้าข้าเป็นเงามืดไม่มีสิ้นสุด นำเงามืดนี้มอบให้แก่โลก นำเงามืดนี้มอบให้กับทุกชีวิต นี่ต่างหากที่อาจจะเป็นเต๋าของข้า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!