Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1377

ตอนที่ 1377 ภัยพิบัติสามรกร้าง 9

สังหาร!

ในโลกของข้าเหมือนเพียงการสังหาร มีเพียงการสังหารแบบนี้เท่านั้น มีเพียง ไอร้อนจากโลหิตสาดกระจายเท่านั้นถึงทำให้ข้ารู้ว่าข้า…ยังคงอยู่

สังหาร!

หากข้าไม่สังหาร คนในโลกนี้ก็คิดว่าข้าสังหาร หากข้าไม่สังหาร กลิ่นอายความแค้นจะรุนแรงขึ้นไม่หยุด หากข้าไม่สังหาร…ข้าจะผิดต่อใจตัวเอง ผิดต่อเต๋าตัวเอง และยังผิดต่อยอดเขาลำดับเก้า!

ดังนั้น ข้า…ซูหมิงมีแต่ต้องสังหาร

ถูกก็ดี ผิดก็ดี ข้าไม่อยากคิด ตอนนี้ใจข้าเหมือนหายไป ความรู้สึกว่างเปล่า ภาพต่างๆ ก่อนคนยอดเขาลำดับเก้าในความทรงจำจะสลายไปทำให้ข้าคลุ้มคลั่งราวกับเสียจิตวิญญาณ!

นอกจากสังหารแล้ว…ข้ายังทำอะไรได้อีก ต่อให้เป็นผู้อ่อนแอเหล่านั้น เดิมที ผู้อ่อนแอไม่ควรตาย แต่ผู้อ่อนแอเหล่านี้ พวกเขา…สมควรตาย! หากพวกเขาไม่ผสมปนเปนจนมั่ว หากไม่มีกลิ่นอายความแค้นพวกเขามาขวาง ทุกอย่างก็ไม่ควรเกิดขึ้น…

ดังนั้นพวกเขาสมควรตาย! ดังนั้น ในเมื่อพวกเขาเคยคิดว่าข้าทำ ข้าก็จะทำจริงๆ ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้ข้าอธิบาย เช่นนั้น…นับจากนี้ข้าซูหมิงจะไม่อธิบายกับ ใครอีก!

เต๋าของข้า เส้นทางของข้า ผู้เข้าใจข้ารู้ใจข้า ผู้ไม่เข้าใจข้าตายด้วยมือข้าแล้วอย่างไร!

ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะแหลมเล็ก น้ำตาตรงหางตาหลั่งไหลเป็นโลหิต เหมือนจะสาดน้ำตาโลหิตของเขาไปแต่ละโลก จุดที่ผ่านจะเกิดพายุ กลิ่นคาวเลือด โลกซ้อนทับกันข้างหลัง ภัยพิบัติลงมาเยือนข้างหลังเขา ทำลายล้างและเริ่มหัวเราะเยาะข้างหลัง

เพียงแต่เสียงหัวเราะเยาะนี้สุดท้ายแล้วกลายเป็นเสียงคำราม เพราะก่อนที่ ภัยพิบัติจะมาถึง ซูหมิงได้ไปเยือนเป็นภัยพิบัติก่อนแล้ว ให้ภัยนี้…โลหิตชะล้างใต้หล้า

ผ่านเงามืดรุ่งอรุณ ผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน สายลมสีม่วงของซูหมิงม้วนทะเลโลหิตเข้าไปในโลกปีกที่สี่ที่กำลังกดลงมาข้างบน ทำลายล้างมวลอากาศ ข้ามผ่านปราการโลก ทันทีที่เข้าไปในโลกปีกที่สี่ ข้างหูเขาดังก้องไปด้วยเสียงครึกโครมไม่มีสิ้นสุดของโลกนี้

เพียงแต่ยามนี้ เสียงดังสนั่นสำหรับซูหมิงช่างน่ารำคาญยิ่งนัก เดิมทีเขาอยู่ในความฉุนเฉียวอยู่แล้ว ตอนนี้จิตใจไม่สงบ ความคิดไม่โลดแล่น จึงเงยหน้าตะโกนเสียงดัง

“เงียบ!”

ฟ้าดินส่งเสียงครึกโครม เสียงซูหมิงพลันดังไปทั่วโลกปีกที่สี่ อัดแน่นอยู่รอบๆ ใช้ดวงจิตเปลี่ยนกฏ ทำให้กฏฟ้าพังทลายลง ทำให้เสียงดังสนั่นที่อยู่ที่นี่มาชั่วนิรันดร์หายไป

เหมือนกับเสียงครึกโครมหวาดกลัวซูหมิง ราวกับว่าเสียงดังสนั่นไม่มีสิ้นสุดนี้ ตัวสั่นตรงหน้าซูหมิงจึงต้องเงียบลง ทำให้ทั้งโลกปีกที่สี่ในยามนี้เงียบสงัด

ไม่มีเสียงโครมคราม ตอนที่ทุกอย่างสงบลง พายุสีม่วงร่างแปลงซูหมิงถาโถมไปรอบๆ พุ่งตรงไปยังช่องโหว่มุ่งหน้าไปสู่จักรวาลกว้างใหญ่ ไปยังจุดที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงอยู่

ทั้งโลกเหมือนย้อนกลับ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าข้างบน…เป็นโลกฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกำลังซ้อนทับกันไม่หยุด เกิดเค้ารางพังทลายและการทำลายล้าง เสียงดังสนั่นของดาวแต่ละดวง แผ่นดินแตกออกทีละแห่ง ซูหมิงเห็นผู้แข็งแกร่ง ยุคก่อนไม่น้อย เดิมทีพวกเขาเสียจิตใจของผู้ฝึกฌานไปแล้ว แต่ตอนนี้ภายใต้ภัยพิบัติกลับมองโลกด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์และหลุดพ้น

เขาเห็นคนที่เคยมีจิตใจชั่วช้าก้มหน้ามองดอกไม้พืชเขียวขจีใต้ร่างก่อนตาย ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นมีความจริง มีความงดงาม จนกระทั่งกลายเป็นอากาศธาตุสลายไป

ตอนที่คนใกล้จะตาย คำพูดเขามักจะดีงาม แม้แต่คำพูดยังเป็นเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับจิตใจ

การทำลายล้างโลกก็ทำให้ซูหมิงที่เหมือนเสียจิตใจไปจมอยู่ในห้วงมวลอากาศ มีเพียงสายลมร่างแปลงเขาเท่านั้นที่พุ่งตรงต่อไปจนเห็นร่างเงาหนึ่ง

นั่นคือร่างเงาสูงใหญ่ ร่างกำยำดั่งภูเขาเล็ก ยืนอยู่บนดาวที่กำลังพังทลายลง ร่างเงานั้นเงยหน้าหัวเราะด้วยความเศร้า ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังก้อง มันแฝงไว้ด้วยความเสียดายของเขา เสียงถอนหายใจ และยังมีความกล้าหาญไม่กลัวตาย

เพียงแต่ว่าความแหลมเล็กและเศร้าโศกในเสียงหัวเราะก็มากพอจะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก ซูหมิงเห็นใบหน้าของร่างเงานี้ นั่นคือ…

เลี่ยซานซิว!

เทพหมานรุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิว!

“ข้าเดิมพันพลาดแล้ว ซูหมิง ข้าพลาดแล้ว แต่เจ้า…ต้องยืนหยัดต่อไป!” ขณะ เลี่ยซานซิวกำลังหัวเราะเสียงแหลม เขาไม่หลบการพังทลายของดาวใต้ร่าง แต่ปล่อยให้แผ่นดินถล่มจมร่างเขา จนเมื่อร่างถูกกลืนกินไปแล้ว ดาวนั้นเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ทุกอย่างในนั้นแหลกเป็นเสี่ยงๆ เป็นเถ้าธุลีในอากาศธาตุ

มีเพียงเสียงหัวเราะด้วยความเศร้าที่เหมือนยังคงดังก้องอยู่ในผืนฟ้าแห่ง การทำลายล้าง กลายเป็นเสี้ยวความคิดไม่ยอมสลายไปอยู่นาน

ซูหมิงมองดาวนั้นกลายเป็นเศษซาก มองเลี่ยซานซิวเลือกความตาย ความตายของคนนี้เป็นเพราะเดิมพันพลาด เป็นเพราะความละอายใจต่อซูหมิง เป็นการสละชีพยากจะบรรยายอย่างหนึ่งต่อการตายของทั้งเผ่าหมานแสนคน เขามีแต่ต้องตายเท่านั้น

ขณะเงียบ พายุสีม่วงร่างแปลงซูหมิงไปปรากฏอยู่ตรงช่องโหว่เชื่อมไปยังจักรวาลกว้างใหญ่ ตลอดทางมานี้เขาไม่พบเทียนเสียจื่อ และก็ไม่สังเกตเห็นกลิ่นอายพลังของเทียนเสียจื่อแม้แต่น้อย ราวกับว่าเทียนเสียจื่อหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีกลิ่นอายพลังใดๆ

ไม่พบเทียนเสียจื่อ แต่ซูหมิงพบเรือโบราณที่นี่ เห็นผู้เฒ่าเมี่ยเซิงบนเรือโบราณนั้น!

ซูหมิงไม่ได้เพิ่งเคยเห็นหน้าตาอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ตอนนั้นที่เขาตระหนักรู้เต๋าไร้ที่สิ้นสุด ก็เคยใช้จิตเต๋าเห็นกับตามาแล้ว แต่ตอนนี้…หน้าตาผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเปลี่ยนไปมาก

เส้นผมแทบหนึ่งส่วนของเขากลายเป็นสีดำ แม้แต่ใบหน้ายังมีหนึ่งส่วนเป็นวัยหนุ่ม อีกทั้งยังต่างกับความแก่ชราส่วนอื่นอย่างชัดเจน แม้แต่กลิ่นอายพลังยังเกิดความรู้สึกคละปนกัน

เหมือนว่าในตัวเขามีกลิ่นอายพลังสองชนิด แม้พลังที่สองจะอ่อนแอเล็กน้อย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหมายแห่งการไม่ดับสูญ ไม่ว่าผู้เฒ่าเมี่ยเซิงจะควบคุมอย่างไรก็ยากจะไล่มันไปได้

ซูหมิงคุ้นกับกลิ่นอายพลังที่สองนี้ นั่นเป็นของ…เหลยเฉิน!

แทบเป็นทันทีที่สายลมสีม่วงของซูหมิงเข้ามาใกล้ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงพลันลืมตาขึ้น เผยประกายแสงหม่นมองซูหมิง

“สามรกร้างคนนี้คู่ควรแก่การเคารพ หากไม่ใช่เพราะเขาช่วยเจ้าเอาไว้ เจ้าคงเป็นของเซ่นไหว้ไปแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร เจ้าก็ยังหนีชะตาของเจ้าไม่พ้นอยู่ดี” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงกล่าวขึ้นเรียบๆ พลางยกมือขวาชี้ซูหมิง

เมื่อชี้ไป ฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้าซูหมิงกลายเป็นวงแสงแปดเหลี่ยมวงหนึ่ง พริบตาที่ปรากฏวงแสงนี้ กลิ่นอายพลังทำลายล้างพลันเพิ่มขึ้น ก่อนพบว่ามวลอากาศไกลออกไปเหมือนถูกฝืนฉีกออกจากโลกภายนอก เผยเป็นรอยแยกยักษ์สายหนึ่ง จะเห็นจักรวาลกว้างใหญ่นอกรอยแยก และยังเห็นอีกว่ามีนิ้วมือหนึ่งพุ่งเข้ามาจากจักรวาลกว้างใหญ่ กดลงมาที่ซูหมิง

“ข้าอยากรู้มาตลอดว่าเหตุใดเจ้าถึงกำหนดว่าใครเป็นของเซ่นไหว้ได้…” ซูหมิงมอง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง กล่าวขึ้นเนิบๆ พร้อมเดินหน้าหนึ่งก้าว เมื่อปะทะกับวงแสงแปดเหลี่ยมแล้วก็เกิดเสียงครึกโครมสนั่นฟ้า วงแสงนั้นแตกออกอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวซูหมิงก็เดินเข้าไป

ช่วงที่เดินเข้าไป นิ้วนั้นพุ่งตรงเข้ามา ก่อนเข้ามาแทนที่มวลอากาศข้างหลังซูหมิง เข้ามาใกล้ในฉับพลัน ซูหมิงไม่หลบ แต่ปล่อยให้นิ้วนั้นสัมผัสร่าง

ยามนี้เกิดเสียงดังสนั่นบนตัวเขา ร่างเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ นิ้วนั้นทะลวงผ่านร่างพุ่งตรงไปหาผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ภาพนี้ทำให้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหน้าเปลี่ยนสี สองมือประสานมุทรา จิตเต๋าปรากฏขึ้นตรงระหว่าคิ้วในทันใด ไม่รู้ว่าใช้อภินิหารอะไรถึงทำให้นิ้วนั้นหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนดึงกลับช้าๆ เมื่อหายไปในมวลอากาศแล้วก็มีเสียงทุ้มต่ำดังแว่วมาจากจักรวาลกว้างใหญ่นอกโลก

“เจ้ายังเตรียมของเซ่นไหว้ของข้าไม่เสร็จ”

สิ้นเสียง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหน้าซีดขาว ขณะกำลังจะพูดตอบนั้น ก็พบว่ามวลอากาศตรงจุดที่ร่างซูหมิงแหลกสลาย ร่องรอยแตกสลายนั้นพลันรวมกันขึ้น ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏร่างซูหมิงที่ไร้ความเสียหายใดๆ!

ภาพนี้ทำให้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหรี่ตาลง

ขณะเดียวกันกลางน้ำวนมรณะหยินที่พังทลายไปแล้ว ตี้เทียนร่างแห้งเหี่ยว กระอักเลือด ภายในดวงตามีลูกตาซ้อนทับแปดดวง ตอนนี้หายไปหนึ่ง!

เหลือเพียงลูกตาเจ็ดดวงที่ยังซ้อนทับกัน หนึ่งดวงที่หายไปนั้นใช้รักษารูปแบบชะตาที่แหลกสลายไปแล้ว รวมขึ้นมาใหม่ ขอเพียงเขาตี้เทียนไม่ตาย ซูหมิง…ก็จะไม่ตาย!

จุดนี้ เห็นได้ชัดว่าซูหมิงก็รู้แล้วเหมือนกัน ถึงปล่อยให้นิ้วนั้นเข้ามาใกล้แล้วทำลายตน ตอนนี้หลังรวมขึ้นมาใหม่แล้วก็เดินหน้าไปหาเมี่ยเซิง

“ใครให้สิทธิ์เจ้าในการเลือกว่าข้าเป็นของเซ่นไหว้!” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหารเหลือล้น สีม่วงในดวงตาทำให้ทั้งตัวเขาเหมือนไม่ใช่ผู้ฝึกฌานอีก แต่เป็นวิญญาณ เหิมเกริม

ดวงตาเขาขยับประกายสว่างจ้า ยามนี้เดินเข้าไปไม่ช้าไม่เร็ว แต่กลับมีพลังที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ปะทุมาจากในตัวเขา ความแกร่งของพลังนั้นทำให้ทันทีที่ซูหมิงเหยียบเท้าลง การพังทลายของโลกเหมือนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง!

ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง ยิ้มเยาะพร้อมประสานมุทราชี้ไป

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีชีวิตไม่มีสิ้นสุด!” เมื่อชี้ไป รอบตัวซูหมิงปรากฏ วงแหวนอาคมแปดเหลี่ยมนั้นอีกครั้ง ต่อมานิ้วเสวียนจั้งที่ทำลายล้างทุกอย่างได้ก็เข้ามาจากในรอยแยกจักรวาลกว้างใหญ่อีกครั้ง พุ่งตรงไปหาซูหมิง ด้วยความเร็วของมันชั่ววูบเดียวก็เข้ามาใกล้…

เกิดเสียงโครมดังขึ้น ร่างซูหมิงสลายไปอีกครั้ง นิ้วนั้นทะลวงผ่านร่างเขาไปปรากฏตรงหน้าผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงประสานมุทราด้วยสองมืออย่างรวดเร็วกดตรงระหว่างคิ้ว นิ้วนั้นพลันหยุดนิ่ง ก่อนดึงกลับแล้วหายไป

“ของเซ่นไหว้ข้าอยู่ที่ใด!” ครั้งนี้ เสียงทุ้มต่ำที่ดังแว่วมาจากนอกรอยแยกยังคงเย็นชา แฝงไว้ด้วยความไร้ปรานี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!