Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1395

ตอนที่ 1395 กฏสำนัก

“เจ้าคือ…เจ้าคือหวังเทา!” เวลานี้ศิษย์สำนักฝ่ายนอกโดยรอบพลันมีคนลังเล จำหน้าตาซูหมิงได้ จำจันทร์โลหิตในตำนานได้!

แทบเป็นทันทีที่เขากล่าวขึ้น ศิษย์โดยรอบต่างมีสีหน้าประหลาดใจ พากันมองซูหมิง พูดได้ว่านามหวังเทาโด่งดังกึกก้องสำหรับพวกเขา

ไม่ว่าจะเป็นในภัยพิบัติเจ็ดจันทราครั้งนั้น หวังเทาได้เข้าสำนักฝ่ายใน แม้จะ ไร้ข่าวคราวนับจากนั้น แต่เมื่อเยี่ยหลงท้าประลองวงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา ทุกครั้งจะบอกให้หวังเทาท้าประลองด้วยนั้น ทุกอย่างนี้ทำให้นามของหวังเทาเหมือนถูกลืมไปในสำนัก แต่ความจริงนามของเขา…ยังคงอยู่ตลอด

“หวังเทา เป็นเขา!”

“ข้านึกออกแล้ว ที่ผู้ดูแลใหญ่เฉินได้เลื่อนขั้นก็เพราะในกลุ่มคนที่เขาชี้แนะมีหวังเทา พอหวังเทาได้เข้าสำนักฝ่ายใน ผู้ดูแลเฉินถึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลใหญ่!” ขณะเดียวกับที่ผู้คนโดยรอบส่งเสียงดังเกรียวกราว ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขามองชายชราแซ่เฉินที่มี สีหน้าเหมือนตึงเครียด แต่ความจริงซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้ในแววตา

“ข้าต้องการคนนี้!” ซูหมิงยกมือขวาขึ้นชี้เป้ยฉยง

เป้ยฉยงหน้าเปลี่ยนสี เขาถอยหลังไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก มีสีหน้าตื่นกลัว

ชายชราแซ่เฉินเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งถึงมีสีหน้าเด็ดขาด มองซูหมิงพลางยิ้มพูดขึ้น

“ไม่ได้เจอสหายเก่ามาหลายปี เรื่องเล็กแค่นี้ย่อมไม่เป็นอะไร แต่ว่า…เป้ยฉยง คนนี้เป็นศิษย์ของข้า เอ่อ…สหายหวังใช้อำนาจจับกุมแบบนี้ มันผิดกฏสำนักนะ” ชายชราแซ่เฉินกล่าวพลางยกมือขวาแอบหยิบแผ่นหยกออกมาม้วนหนึ่ง เมื่อบีบเบาๆ แล้ว รอยยิ้มกว้างกว่าเดิม ในใจตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

‘หวังเทาหนอหวังเทา มีแต่คนบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ข้ามเรื่องที่ว่าจริงหรือเท็จไปก่อน ต่อให้เป็นจริงเจ้าก็ต้องปฏิบัติตามกฏสำนัก การบังคับศิษย์ฝ่ายนอกแบบนี้ เจ้าทำผิดกฏสำนักแล้ว!’ ชายชราแซ่เฉินยิ้มเยาะในใจ ตอนนี้เขาระงับความตึงเครียดก่อนหน้านี้ลง แต่เกิดความคิดสังหารขึ้น

เพียงแต่ว่าหากเขาจะสังหารซูหมิงอย่างมีคุณธรรมก็ต้องลงโทษซูหมิงตามกฏสำนัก ดังนั้นแล้วต่อให้มีผู้อาวุโสมาก้าวก่าย มีกฏสำนักอยู่ ตนก็จะยืนอยู่ฝั่งกฏสำนัก ไม่มีปัญหาอะไร

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่มองชายชราแซ่เฉินอีก แต่เดินหน้าไปทางเป้ยฉยง เป้ยฉยงหน้าเปลี่ยนสี ขณะจะถอยไป แต่กลับถูกชายชราแซ่เฉินคว้าเอาไว้ ก่อนผลักไปหา ซูหมิงข้างหน้า

“ไม่ต้องกลัว หากเจ้าไม่ยอมก็ไม่มีใครบังคับเจ้าได้ เขายังไม่ใช่ผู้อาวุโส และก็ไม่ใช่ผู้ดูแล ไม่มีสิทธิ์พาตัวเจ้าไป! หากเขาบังคับพาตัวเจ้าไป เขาจะทำผิดกฏสำนัก!” ชายชราแซ่เฉินจ้องซูหมิงพร้อมพูดไปทีละคำ

“ตะ…แต่เขา…” ขณะเป้ยฉยงกำลังกล่าว ซูหมิงเข้ามาใกล้แล้ว ยิ้มให้เป้ยฉยงเล็กน้อย ยกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้อ คว้าแขนเป้ยฉยงเอาไว้ก่อนขยับวูบไหวเตรียมจะจากไป

“หวังเทา เจ้าหาญกล้านัก เจ้ากล้าฝ่าฝืนกฏสำนักจริงๆ ถึงข้ากับเจ้าจะเคย สนิทสนมมาก่อน แต่ข้าก็มองดูเจ้าฝ่าฝืนกฏสำนักเฉยๆ ไม่ได้!” ชายชราแซ่เฉินดวงตาเป็นประกาย เขาก้าวเดินออกมาหลายก้าวแล้วตะโกนเสียงดัง

“กฏสำนักข้อที่สามสิบเจ็ด ในสำนักเจ็ดจันทรา นอกจากผู้อาวุโสกับผู้ดูแลแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามก้าวก่ายการฝึกฝนของศิษย์ฝ่ายนอก และยิ่งห้ามบังคับขู่เข็ญ นี่คือ การคุ้มกันศิษย์ฝ่ายนอก เพราะศิษย์ฝ่ายนอกคือรากฐานที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ของ สำนักเจ็ดจันทรา!

หวังเทา หากเจ้ายังไม่ปล่อยมือ ข้าจะแจ้งสำนักให้ลงโทษเจ้า! อีกทั้งตอนนี้ข้าได้บันทึกทุกอย่างที่เจ้าทำลงไปแล้ว!” ชายชราแซ่เฉินเดินหน้ามาอีกหลายก้าว ปะทุพลังทั่วร่าง ตอนที่ยกมือขวาขึ้นยังเผยแผ่นหยกนั้นกลางฝ่ามือ!

ซูหมิงมองชายชราแซ่เฉินอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่ตอบอะไร แต่คว้าเป้ยฉยงที่กรีดร้องเป็นสายรุ้งยาวหมายจะจากไป

“อาจารย์ช่วยด้วย อาจารย์ ศิษย์ชั่วช้าคนนี้…เขา…เขาไม่มีเงา เขาคือผู้สำเร็จวิชาเจ็ดชะตา!” เป้ยฉยงมีสีหน้าตื่นกลัว รีบพูดเสียงแหลม สิ้นเสียงศิษย์โดยรอบพลันมองซูหมิง ชายชราแซ่เฉินก็อึ้งไปเช่นกัน เมื่อมองไปแล้วดวงตาหรี่ลง

“ต่อให้ฝึกวิชาเจ็ดชะตาสำเร็จแล้วอย่างไร จะฝ่าฝืนกฏสำนักได้อย่างนั้นรึ! อีกอย่าง…หวังเทา เจ้าทำผิดกฏสำนักอีกข้อแล้ว ในสำนักเจ็ดจันทรา นอกจากผู้อาวุโสแล้ว ห้ามใครบิน!

เว้นแต่จะเป็นผู้ดูแลอย่างข้าถึงมีสิทธิ์บินไปจัดการเรื่องต่างๆ ได้ชั่วคราว!” ชายชราแซ่เฉินกัดกฏสำนักเอาไว้แน่น เขากล่าวพลางกระโดดลอยขึ้นไปหาซูหมิง พริบตาที่เขาบิน ไกลออกไปมีสายรุ้งหลายสิบสายพุ่งเข้ามา

ในสายรุ้งยาวหลายสิบสายนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอก พวกเขาได้รับข้อมูลมา ตอนนี้จึงพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนนำหน้าเป็นบัณฑิตชุดคลุมขาวในอดีต คนนั้น ตอนนั้นเขาคือผู้ดูแลใหญ่ และเพราะเยี่ยหลงตอนนี้ถึงเป็นเจ้าสำนักฝ่ายนอก ยามนี้เข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่กลับมีความน่าเกรงขาม

“หยุดมือ!” น้ำเสียงเขาปานฟ้าผ่า พลันดังกึกก้องไปรอบๆ มองแวบเดียวก็เห็น ซูหมิงกับเป้ยฉยงที่ถูกจับอยู่ในมือซูหมิง

“เจ้าสำนักฝ่ายนอก คนนี้ฝ่าฝืนกฏสำนัก อันดับแรกเขามาจับศิษย์ฝ่ายนอก อย่างไร้เหตุผล ต่อมาก็บินโดยพลการทั้งๆ ที่ไม่ใช่ผู้ดูแลหรือผู้อาวุโส ข้าพูดโน้มน้าว ก็ไม่ฟัง หวังว่าเจ้าสำนักจะตัดสินใจด้วย! นี่คือหลักฐาน” ชายชราแซ่เฉินเห็น บัณฑิตชุดคลุมขาวมาแล้วก็ยิ้มเยาะในใจ แอบคิดว่าจะต้องให้หวังเทาถูกสั่งสอนบ้าง ให้ได้รู้ว่าอย่ามาล่วงเกินตน

เขาเอ่ยขึ้นพร้อมสะบัดแผ่นหยกม้วนนั้น แผ่นหยกตรงไปหาบัณฑิตชุดคลุมขาว เมื่อถูกคว้าไว้ในมือแล้ว เขาถึงขมวดคิ้วมองซูหมิง

ซูหมิงอยู่กลางอากาศ ไม่รีบร้อนจากไป แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง เห็นความ ตึงเครียดก่อนหน้านี้ของชายชราแซ่เฉินเปลี่ยนเป็นความโอหังในตอนนี้

บัณฑิตชุดคลุมขาวขมวดคิ้ว เขามองแผ่นดินใหญ่แวบหนึ่ง ยามนี้มีศิษย์ไม่น้อยล้อมเข้ามาเพื่อดูเรื่องที่เกิดขึ้น ในใจเขาไม่ชอบวิธีของชายชราแซ่เฉินเล็กน้อย กฏสำนักที่ว่านี้ แม้จะต้องปฏิบัติตาม แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก

อย่างเช่นศิษย์สำนักฝ่ายในจับตัวศิษย์สำนักฝ่ายนอก ขอแค่ไม่มากเกินไปพวกเขาก็ไม่สนใจ ถึงอย่างไรสำนักฝ่ายในก็สูงส่งไม่น้อย อีกทั้งเรื่องแบบนี้ยังเกิดขึ้นประจำ เรื่องอย่างเช่นต้องการชิงตัวศิษย์หญิงเพื่อสูบพลังหยินมาเสริมพลังหยาง อย่างเช่นต้องการศิษย์ฝ่ายนอกมาเป็นผู้รับใช้ เรื่องเหล่านี้มีมากเกินไปจึงดูแลไม่ไหว

แต่ตอนนี้ชายชราแซ่เฉินกลับไม่ปล่อยวาง ทำให้บัณฑิตวัยกลางคนจัดการยากเล็กน้อย หากใช้กฏสำนักลงโทษซูหมิง แน่นอนว่าต้องล่วงเกินผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่ายด้วย

อีกอย่าง…บัณฑิตวัยกลางคนจำได้ว่าซูหมิงคือศิษย์คนนั้นที่อยู่กับเยี่ยหลง นอกจากนี้เขายังมีข้อมูลของตัวเองอีก รู้เรื่องเกี่ยวกับซูหมิงที่คนอื่นไม่รู้ ได้ยินมาคร่าวๆ ว่าซูหมิงเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหลันหลัน

“ศิษย์น้องหวัง เอาแบบนี้ เจ้าส่งศิษย์ฝ่ายนอกคนนี้มาให้ข้าก่อน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าแค่ดูก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ ศิษย์น้องหวังไม่ได้กลับมาหลายปี ย่อมใจร้อนเป็นธรรมดา เรื่องนี้เข้าใจได้” บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับซูหมิง

ชายชราแซ่เฉินดวงตาขยับประกายวาว แค่นเสียงขึ้นจมูก

“เจ้าสำนัก แบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อหวังเทาฝ่าฝืนกฏสำนักก็ต้องจัดการ มิเช่นนั้นหากคนอื่นทำตามจะทำอย่างไร ตอนนี้อยู่ต่อหน้าศิษย์มากมาย หวังว่าเจ้าสำนักจะยุติธรรม!” ชายชราแซ่เฉินตอบกลับทันที ในเมื่อเขาล่วงเกินซูหมิงแล้ว ในเมื่อให้เขาจับด้ามกระบี่แล้วก็จะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ ขอเพียงคว้าด้ามกระบี่เอาไว้ ภายภาคหน้าก็จะปลอดภัยไม่น้อย อย่างน้อยหากซูหมิงจะเล่นงานตน ตนก็ยังพูดถึงตรงนี้ได้

“อ้อ ไม่ทราบว่าแซ่หวังทำผิดกฏสำนักข้อใด?” ซูหมิงยิ้มเล็กน้อยกลางอากาศ สีหน้ายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตอนนี้ถามขึ้นเรียบๆ

“ต้องให้ข้าพูดซ้ำอีกรอบรึ ข้อแรก เจ้าฝ่าฝืนกฏห้ามบิน ข้อสอง เจ้าจับตัว ศิษย์สำนักฝ่ายนอก เจ้า…” ชายชราแซ่เฉินยิ้มเยาะ แต่ยังพูดไม่จบหน้ากลับเปลี่ยน สีอย่างรุนแรง นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ กระทั่งบัณฑิตชุดคลุมขาวรวมถึงผู้ดูแลรอบๆ ยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงเช่นกัน

ส่วนศิษย์โดยรอบมีสีหน้าสับสน แม้พวกเขาจะเห็นว่า…ซูหมิงโบกมือซ้าย ในมือปรากฏตราสีฟ้าชิ้นหนึ่งก็ตาม!

พวกเขาไม่รู้ว่าตรานี้คืออะไร แต่ชายชราแซ่เฉินกับบัณฑิตชุดคลุมขาว รวมถึงผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอกหลายสิบคนรู้ว่าตรานี้หมายถึงอะไร!

นี่คือ…ตราชนิดหนึ่งที่พูดได้ว่าสูงสุดในสำนักเจ็ดจันทรา ตรานี้มีเพียงแค่ผู้อาวุโสที่มี หากมี ก็จะพูดได้ว่าฐานะก้าวสู่จุดสูงสุดของสำนักเจ็ดจันทรา!

เหนือกว่าก็มีเพียงผู้อาวุโสใหญ่ที่ดูแล แล้วก็สิบสองผู้อาวุโสใหญ่ที่หลับใหล นอกจากสิบสามคนนี้แล้วไม่มีใครมีฐานะเหนือกว่าคนที่ถือตรานี้ อย่างมากสุด… ก็เท่ากันเท่านั้น

ต่อหน้าคนที่ถือตรานี้ ไม่ว่ากฏสำนักอะไรล้วนเป็นเรื่องตลก! เขาอยากบินก็บิน อย่าว่าแต่จับศิษย์สำนักฝ่ายนอกเลย แม้แต่กับพวกเขาเองยังมีอำนาจสังหาร จะขับไล่ออกจากสำนักเพียงแค่เอ่ยประโยคเดียวเท่านั้น

“สวี่อี้เจ้าสำนักฝ่ายนอก คารวะผู้อาวุโสหวัง” ระหว่างที่บัณฑิตชุดคลุมขาว หน้าเปลี่ยนสี ก็ประสานมือคารวะซูหมิงลงลึกอย่างไม่ลังเล

“พวกเราขอคารวะผู้อาวุโสหวัง!” ผู้ดูแลหลายสิบคนข้างหลังบัณฑิตชุดคลุมขาวต่างคารวะซูหมิงพร้อมกันด้วยสีหน้าตึงเครียดและยำเกรง

ส่วนศิษย์สำนักฝ่ายนอกรอบๆ ตอนนี้มีสีหน้างุนงง แต่ก็รีบคุกเข่าคารวะ

“คารวะผู้อาวุโสหวัง” แม้แต่พวกคนข้างกายชายชราแซ่เฉินยังพากันคารวะซูหมิง อย่างตึงเครียด มีเพียงชายชราแซ่เฉินที่ตอนนี้หน้าซีดขาว มีสีหน้าเหลือเชื่อ เขาไม่นึกเลยว่าซูหมิง…จะเป็นผู้อาวุโส!

นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดฝัน ในมุมมองเขาอย่างมากสุดอีกฝ่ายก็เป็นศิษย์ของผู้อาวุโส ท่านหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้…เขาตัวสั่น รีบก้มหน้าลง ความกังวลและตื่นกลัวพลันกลับมาที่ตัวเขา ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงลงลึกๆ

“คารวะ…ผู้อาวุโสหวัง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!