ตอนที่ 1400 วงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา 2
เทียบกับศิษย์ฝ่ายในฟ้าเหนือฟ้าชั้นสองแล้ว ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราชั้นสามตอนนี้แม้จะตื่นตะลึง แต่ก็ยังรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงวงแหวนอาคมชั้นหนึ่งกับชั้นสอง ถึงพวกเขาจะผ่านไปไม่ได้แบบสบายๆ แต่ก็ไม่ยาก
ทว่าสีหน้าเย้ยเยาะในตอนแรก ตอนนี้หายไปมากกว่าครึ่ง เปลี่ยนเป็นเพ่งมอง ซูหมิงอย่างจริงจัง การทำลายวงแหวนอาคมของซูหมิงก่อนหน้านี้สร้างความตื่นตกใจแก่พวกเขาแล้ว
มีเพียงคนบนชั้นสี่ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเหยียดหยาม
“ไม่เห็นจะเท่าไร พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีความจำเป็นก็เท่านั้น”
“เห็นได้ชัดว่าไม่มีความมั่นใจ เลยใช้วิธีนี้กู้เกียรติกลับมาก็เท่านั้น!”
“เฮอะๆ สามวงแหวนอาคมแรกไม่ถือว่าเท่าไร รอถึงวงแหวนอาคมที่ห้าก่อน มันต่างหากที่จะเผยพลานุภาพออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่”
ไม่เพียงแค่พวกเขาที่เห็นเช่นนี้ เยี่ยหลงยังมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะ ซูหมิงผ่านสองวงแหวนอาคม เขาไม่เคยดูถูกซูหมิงแม้แต่น้อย ในการคาดการณ์ ของเขา ซูหมิงจะผ่านวงแหวนอาคมที่ห้า แต่วงแหวนอาคมที่หกกับที่เจ็ดจะต้อง ยากแน่
ทว่าพวกเขากลับหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกันในพริบตาต่อมา
เมื่อเข็มทิศรวมขึ้นใต้เท้าซูหมิง ตอนที่มันรวมจนสมบูรณ์ เหนือเขาปรากฏอักขระขึ้นจำนวนมาก รวมเป็นอักขระที่ใหญ่ยิ่งกว่า พริบตาที่ปรากฏ ซูหมิงไปปรากฏอยู่บนเข็มทิศที่สอง ยังคงยกเท้าขึ้นเหยียบลงเบาๆ
เสียงครึกโครมพลันดังสนั่นฟ้าดิน กึกก้องเหนือเสียงฟ้าผ่า ส่งผลให้สายฟ้าหายไป เข็มทิศใต้เท้าพังลงอีกครั้งพร้อมกับเข็มทิศอีกอันข้างล่าง เข็มทิศสองอันเปล่ง แสงพร่างพราวในระหว่างที่ระเบิดกระจาย ในเวลานี้เอง…ศิษย์ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่หรี่ตาลงทั้งหมด
กระทั่งในศิษย์ชั้นสามยังมีบางส่วนยืนขึ้นจากสมาธิ เดินออกมายังหน้าผาของตน เพ่งสมาธิมองซูหมิงด้วยหน้าเปลี่ยนสี
ส่วนศิษย์ชั้นสองเกิดเสียงดังเกรียวกราว จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์ฝ่ายนอกชั้นหนึ่ง ตอนที่เสียงพวกเขาดังก้องยังมีเสียงร้องด้วยความตกใจ
วงแหวนอาคมที่หนึ่งกับสองพังลงยังไม่มากพอจะอธิบาย ถึงอย่างไรวงแหวนอาคมที่หนึ่งกับสองก็มีขีดจำกัด ขอเพียงมีพลังเหนือกว่าขีดจำกัดนี้ก็ทำแบบนี้ได้ อย่างเช่นขีดจำกัดคือสิบ เช่นนั้นด้วยพลังสิบเอ็ดก็จะระเบิดวงแหวนอาคมได้ ขณะเดียวกันต่อให้มีพลังหมื่นส่วนก็ยังให้มันระเบิดได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ฝึกฌานทั่วไปจึงมองไม่ออกถึงความอ่อนแอและแข็งแกร่ง แต่เมื่อวงแหวนอาคมเพิ่มขึ้น ขีดจำกัดแบบนี้จึงใหญ่ขึ้นไม่หยุด อย่างเช่นวงแหวนอาคมที่สามคือมีพลังมากกว่าวงแหวนอาคมที่สองสิบเท่า
แต่ว่า…ก็ยังพังลงจากการเหยียบครั้งเดียวด้วยสีหน้าปกติของซูหมิง!
เหตุการณ์นี้มากพอจะสร้างความตกใจแก่คนจำนวนมาก
แต่นี่ลิขิตไว้แล้วว่าในคืนฝนตกนี้ ความตื่นตะลึงแบบนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ช่วงที่ผู้ฝึกฌานจำนวนมากเพ่งมองซูหมิง ซูหมิงกล่าวราบเรียบ เสียงดังกังวานไปรอบๆ เข้าถึงหูผู้ฝึกฌานแทบทุกคน
“วงแหวนอาคมที่สี่” เพิ่งกล่าว วงแหวนอาคมส่งเสียงลากยาวแหลม เข็มทิศจากอักขระที่พังลงสองอันนั้นรวมขึ้นใต้เท้าซูหมิงอีกครั้งในทันที
อักขระด้านบนหมุนโคจรพร้อมกัน แผ่แรงกดดันที่แกร่งกว่าทุกวงแหวนอาคม แรงกดดันนี้เหมือนกับอานุภาพสวรรค์มาเยือน ราวกับว่ามีมือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่งปรากฏขึ้นจากมวลอากาศ คว้าเข้ามาที่ซูหมิงอย่างแรง
ซูหมิงยังคงมีสีหน้าปกติ หน้าไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย ขณะเดียวกับที่เอ่ยว่า วงแหวนอาคมที่สี่ เขายกเท้าขึ้นเหยียบลง เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดินอีกครั้ง เมื่อเข็มทิศใต้เท้าเกิดรอยร้าว มันพลันพังทลายลงพร้อมกับเสียงดังสนั่น และยังมีเข็มทิศที่สองข้างล่าง เวลานี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ราวกับว่านี่ไม่ใช่วงแหวนอาคมที่สี่ แต่ยังเป็นวงแหวนอาคมที่หนึ่ง ภาพนี้สั่นจิตใจของผู้ชมทุกคน แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ซูหมิงขยับ วูบไหวลอยอยู่กลางอากาศ ชุดคลุมโบกสะบัด เส้นผมม่วงดูเหมือนยุ่งเหยิง ฟ้าผ่า ข้างหลังส่งเสียงอึกทึก ระหว่างสายฟ้าตัดสลับกันก็เสริมร่างเงาเขาให้เด่นชัดยิ่ง
“วงแหวนอาคมที่ห้า!” สิ้นเสียง ฟ้าผ่าพลันเข้ามาเสริมดุล สายฟ้าต้องหลบ สายฝนหยุดนิ่งพร้อมกัน ใต้เท้าซูหมิงปรากฏเข็มทิศใหญ่ที่สาม ขณะเดียวกับที่มัน รวมขึ้น เข็มทิศสองอันที่พังลงข้างล่างก็รวมออกมาอีกครั้ง
เข็มทิศสามอันลอยอยู่ข้างบนซูหมิง เขาในตอนนี้เป็นที่จับจ้องของทุกคน เยี่ยหลงหน้าซีดขาวเล็กน้อยอยู่ไกลๆ เขาจ้องซูหมิงตาเขม็ง ไม่คิดเลยว่าซูหมิง… จะผ่านวงแหวนอาคมที่สี่ได้สบายๆ แบบนี้!
เขาคิดไว้แล้วว่าซูหมิงต้องผ่านวงแหวนอาคมที่สี่ แต่ไม่คิดว่า…จะง่ายขนาดนี้ ง่ายจนเขารู้สึกว่าเหตุการณ์ตลอดแปดปีมานี้เป็นเรื่องตลก
ทำให้เขารู้สึกว่าคำพูดที่ตนท้าซูหมิงตลอดแปดปีมานี้เหมือนเป็นเพียงการเหน็บแนม
ตอนนี้ผู้ฝึกฌานคนอื่นของฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ไม่มีใครดูถูกอีก แต่เพ่งมองซูหมิง และก็ไม่มีใครเย้ยเยาะคนของยอดเขาสายเลือดที่สามอีก เพราะพวกเขาต่างตกใจกับการผ่านวงแหวนอาคมของซูหมิงแล้ว
ส่วนบนชั้นสาม ตอนนี้มีคนมากกว่าครึ่งยืนอยู่บนหน้าผา เพ่งมองซูหมิง ส่วนชั้นสองตอนนี้เต็มไปด้วยคนเกือบทั้งหมด จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์ฝ่ายนอกฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่ง
“วงแหวนอาคมที่สี่เอง มาดูวงแหวนอาคมที่ห้ากับวงแหวนอาคมที่หกกันว่าเขาจะผ่านไปได้สบายๆ แบบนี้หรือไม่!”
“ใช่ พวกเราทุกคนผ่านวงแหวนอาคมที่เจ็ดมาหมดแล้ว โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่เฟยเฟิงแห่งสายเลือดที่หนึ่ง นั่นคือหมายเลขหนึ่งในรุ่นเรา เขาผ่านไปสิบเก้าชั้นแล้ว!”
“นอกจากศิษย์พี่ใหญ่เฟยเฟิงแล้ว ศิษย์พี่เฉินเถาแห่งสายเลือดที่สองก็ผ่านชั้นที่สิบเจ็ดแล้ว!”
“ไม่ผิด และยังมีศิษย์พี่หญิงเยวี่ยเยียนแห่งสายเลือดที่สาม ข้าจำได้ว่านางผ่านชั้นที่สิบหก ส่วนคนอื่นๆ ก็มีผ่านชั้นสิบบ้าง หวังเทาคนนี้…ก็ยังน่าหัวเราะอยู่ดี”
“หึ สิบสามยอดเขา ศิษย์ใหญ่ผู้ดูแลภูเขาของสิบสามสายเลือดไม่มีใครต่ำกว่า ชั้นที่สิบสามเลย!”
ขณะศิษย์ชั้นสี่เหล่านี้กำลังสนทนากัน หลังจากเข็มทิศสามอันรวมออกมาแล้ว ซูหมิงก้มหน้ามองเข็มทิศใต้เท้าแวบหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจเป็นครั้งแรก
‘เข็มทิศนี้…ยิ่งดูยิ่งคล้ายกับเข็มทิศของเสวียนจั้ง…’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขารู้สึกว่าระหว่างที่เข็มทิศสามอันนี้หมุนโคจรไม่หยุด แรงกดดันที่แผ่ออกมาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พลังนี้เหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่ก็ยังไม่ทำให้เขาตกใจ แม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าเขามองไปมองมาก็รู้สึกรางๆ ว่าการหมุนของเข็มทิศสามอันนี้เหมือนจะมีกฏบางอย่างอยู่
‘วงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา ในเมื่อมันมีนามแบบนี้ เช่นนั้นจะต้องเกี่ยวกับ วิชาเจ็ดชะตาแน่…’ ซูหมิงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ทำลายวงแหวนอาคมอย่างก่อนหน้านี้ แต่สังเกตอย่างละเอียด
พอสังเกต ดวงตาพลันหรี่ลง เขาเริ่มเห็นว่าบนเข็มทิศสองอันข้างล่างเหมือนจะมีเงาสองเงา สองเงานั้นก็คือเงาของเขา!
‘ระดับวงแหวนอาคมนี้ต่ำเกินไป จึงมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก…’ ซูหมิงกำลังตรึกตรอง ดวงตาขยับประกายวาว ครั้งนี้ไม่เดินอีก แต่สะบัดแขนเสื้อ ระหว่างสะบัดฟ้าดินเกิดเสียงดังครึกโครม เข็มทิศใต้ร่างสั่นสะเทือน คนโดยรอบร้องด้วยความตกใจ ตอนนี้เองเข็มทิศพังลงอีกครั้ง สองอันข้างล่างก็พังลงเช่นกัน
“วงแหวนอาคมที่หก!” ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย พริบตาที่เอ่ย เข็มทิศสามอันใต้ร่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก่อนเขายกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้ออีกรอบ
เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องสะเทือนจิตใจผู้ฝึกฌานทุกคนของฟ้าเหนือฟ้าชั้นสาม แม้แต่ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ยังมีไม่น้อยที่การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ในใจเกิดการสั่นคลอน
“นี่มัน…หรือว่าจะบุกถึงวงแหวนอาคมที่สิบ!”
“หรือว่าวันนี้จะได้เห็นคนบุกผ่านวงแหวนอาคมที่สิบ? เป็นที่รู้กันว่าคนที่ผ่าน วงแหวนอาคมที่สิบในสำนักเจ็ดจะปรากฏขึ้นหนึ่งคนในทุกๆ สิบปีเท่านั้น”
“เป็นไปไม่ได้ ด้วยพลังของเขาทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น สำหรับพวกเราแล้ววงแหวนอาคมที่สิบค่อนข้างยาก ดังนั้นในพวกเราจึงมีไม่น้อยที่ผ่าน แต่นอกจากศิษย์พี่ที่ผ่าน วงแหวนอาคมที่สิบสามขึ้นไปเหล่านั้นแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ามั่นใจเต็บสิบว่าจะผ่านไปได้ในครั้งเดียว!”
“ไม่ผิด เรื่องนี้ไร้สาระเกินไปแล้ว เขาเพิ่งเข้าสำนักมากี่ปีเอง การตระหนักรู้ วงแหวนอาคมที่สิบไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!”
ขณะที่ศิษย์ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่เหล่านี้กำลังสนทนากัน เยี่ยหลงหน้าซีดขาวแล้ว เหมือนต้องประคองพลังทั้งหมดไว้ถึงจะไม่ให้ตนเซถอยไป เขาเหม่อมองซูหมิง ใบหน้าฝืดเฝื่อนทีละน้อย
เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าแปดปีมานี้ไม่ใช่ว่าซูหมิงหลบ แต่อีกฝ่ายไม่แยแสการท้าสู้นี้เลยต่างหาก ครั้งนี้มีโอกาสสูงมากที่อีกฝ่ายจะรำคาญตนเลยลงมือ
‘แปดปีมานี้ ที่แท้ข้าก็เป็นตัวตลกในสายตาเขามาตลอด…ข้าเยี่ยหลงไม่ยอม ไม่ยอม!’ ดวงตาเยี่ยหลงเผยความมุ่งมั่นในการต่อสู้แรงกล้า เพียงแต่แม้แต่เขายังรู้ว่าความมุ่งมั่นนี้เป็นของปลอม เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เป็นสิ่งที่เปราะบางจนไม่มีอยู่…
“วงแหวนอาคมที่เจ็ด เขายังไม่ผ่านวงแหวนอาคมที่เจ็ด!” ขณะเยี่ยหลงพึมพำก็มองซูหมิงในทันที
ทางด้านซูหมิง เข็มทิศสามอันรวมขึ้นข้างล่างเขา ข้างบนเป็นเข็มทิศที่สี่ ด้วยความใหญ่ของมันมองไปจึงเหมือนที่ราบ ตอนนี้ลอยอยู่เหนือซูหมิง หมุนโคจรตามเข็มทิศสามอันข้างล่าง
ขณะหมุนโคจร ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาฉายแววเข้าใจทีละน้อย ก่อนยิ้มภายใต้สายตาจับจ้องและรอคอยของผู้คนโดยรอบ
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้! เช่นนั้น วงแหวนอาคมที่แปด วงแหวนอาคมที่เก้าก็จงออกมาพร้อมกันเลย” ซูหมิงกล่าวขึ้นพร้อมยกมือขวาสะบัดแขนเสื้อ ครั้งนี้เข็มทิศไม่ได้พังลง แต่เหนือเข็มทิศที่สี่ปรากฏอักขระมากกว่าเดิม รวมขึ้นเป็น…เข็มทิศที่ห้า!