Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1409

ตอนที่ 1409 มหาเต๋าสูงศักดิ์เซินมู่

สงครามโดยตรงระหว่างสองสำนักใหญ่ได้ปะทุขึ้นในตอนนี้ ในมุมมองคนจำนวนมาก สงครามครั้งนี้กะทันหันเล็กน้อย แต่สงครามส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่าง ผู้ฝึกฌาน เดิมทีก็กะทันหันอยู่แล้ว!

มังกรสีดำร้องคำรามเอาหัวพุ่งชนพายุหิมะ เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน เมื่อมังกรวายุร่างระเบิด พายุสีดำไม่มีสิ้นสุดม้วนถอยไป ก็รวมเป็นชายชราชุดคลุมดำคนหนึ่งนอกพายุสีดำ

ชายชราถือไม้เท้าอันหนึ่ง พลังทั่วร่างแผ่ออกมามหาศาล นั่นคือ…ผู้แข็งแกร่งขอบเขตวิญญาณเต๋า!

“เต้าหาน ไฉนเจ้าต้องทำเช่นนี้เพื่อศิษย์ที่เข้าสำนักในร้อยปี ข้าแค่มาเป็นกลุ่มแรก ข้างหลังข้ายังมีอีกมาก หากพวกเจ้าไม่ส่งมาก็มีแต่จุดจบสำนักสูญสิ้น!”

“น่าหัวร่อ เรื่องทำลายสำนักแทบไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่โบราณ หากพวกเจ้ากล้าริเริ่ม อย่าว่าแต่สำนักอื่นจะลงมือหรือไม่เลย ต่อให้เป็นราชวงศ์กู่จั้งก็ไม่อนุญาตให้ เกิดเรื่องแบบนี้!” ใบหน้าชายชุดคลุมแดงที่นูนออกมาจากในพายุหมุนกล่าวเรียบๆ

“เต้าหาน คนที่ใช้เวลาฝึกฝนน้อยที่สุดในสิบสามผู้อาวุโสแห่งสำนักเจ็ดจันทรา ทั้งยังได้รับขนานนามว่าโอรสสวรรค์ ได้รับขนานนามว่าความหวังในภายภาคหน้าของสำนักเจ็ดจันทราอย่างเจ้า หรือว่าลืมไปแล้ว…นี่คือสามพันปีสุดท้ายที่จะเปลี่ยน องค์จักรพรรดิ สามพันปีนี้ ราชวงศ์จะไม่ก้าวก่ายสงครามระหว่างทุกสำนัก!” ชายชราชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดัง พริบตาที่ชายชุดคลุมแดงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ชายชุดคลุมดำพุ่งไปยังพายุหมุนอีกครั้ง

ขณะเดียวกันในสำนักเจ็ดจันทรา มีร่างเงาบินออกมาจากในรอยแยกเหล่านั้น โดยเฉพาะรอยแยกมวลอากาศยักษ์แสนกว่าจั้งอย่างรวดเร็ว และยังมีรถสงคราม น่ากลัวที่ปรากฏขึ้นจำนวนมากในตอนนี้

ทั้งฝ่ายนอกสำนักเจ็ดจันทราถูกผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าปิดล้อมอย่างหนาแน่น ผู้อาวุโสสิบสามท่านรอบๆ สิบสามทิศก็กำลังประมืออย่างสุดชีวิตกับคู่ต่อสู้ท่ามกลางเสียงครึกโครมของวงแหวนอาคม สงครามนี้ไม่มีหลักการ แต่ทำเพียงเพื่อสำนัก!

เห็นผู้ฝึกฌานนอกสำนักเจ็ดจันทราเยอะขึ้นเรื่อยๆ ชายชุดคลุมแดงในพายุหิมะยิ้มเยาะ มีวงแหวนอาคมนี้อยู่ เขาไม่กลัวว่าชายชราชุดคลุมดำจะทำลายเข้ามาได้ในเวลาสั้นๆ ยามนี้ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น ตอนที่ชายชราชุดคลุมดำถอยไปอีกครั้ง มีเสียงต่ำของเต้าหานดังแว่วมาจากในพายุหมุน

“เหมันต์แห่งเจ็ดจันทราคือหิมะแห่งพลิกนภา ฤดูแห่งความร้อนระอุ ดวงตะวันร้อนแรงมีเงา เงาแห่งเจ็ดจันทรา…มาเยือน!” สิ้นเสียง พายุหิมะเกิดเสียงดังครึกโครม ภายใต้การหมุนอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ขยายออกไปข้างนอกเหนือเกินกว่าพื้นที่สำนักเจ็ดจันทรา แผ่คลุมไปโดยรอบในฉับพลัน

วูบเดียวก็ปกคลุมพื้นที่เกือบแสนจั้งนอกสำนักเจ็ดจันทรา คลุมผู้ฝึกฌานสำนัก เอกะเต๋าไว้ในพายุหิมะทั้งหมด พายุส่งเสียงแหลม หิมะเป็นดั่งคมมีด ยามนี้ระหว่างที่มันหมุนโคจรยังมีเสียงกรีดร้องแหลมดังแว่วมา ตอนนี้เองประตูสำนักเจ็ดจันทรา บิดเบี้ยวโดยพลัน เผยเป็นศิษย์ชั้นสองสามสี่ของสำนักเจ็ดจันทราที่เห็นได้ชัดว่า เตรียมตัวมานานแล้วพุ่งออกมา

พวกเขาไม่รับผลในพายุหิมะแม้แต่น้อย กระทั่งความเร็วยังเพิ่มขึ้นไม่น้อย อภินิหารก็แกร่งกว่าเดิมเล็กน้อย พายุหิมะนี้ปกป้องพวกเขา ขณะเดียวกันยังทำอันตรายร้ายแรงต่อคนสำนักเอกะเต๋า

โดยเฉพาะผู้อาวุโสสิบสามคนนั้น ทั่วร่างพวกเขาปกคลุมด้วยหิมะในพายุ พริบตาเดียวพลังก็เพิ่มขึ้น ระเบิดเป็นเสียงสะเทือนฟ้าดิน

แต่ชายชุดคลุมดำกลับหน้าเปลี่ยนสี เวลานี้เองมีร่างเงาชุดคลุมแดงเดินออกมาจากในพายุหิมะตรงหน้าเขา คนนี้ก็คือชายชุดคลุมแดง แต่ไม่ใช่ร่างจริง ตอนนี้ร่างจริงเขากำลังบัญชาการวงแหวนอาคมให้หมุนโคจรอยู่ ร่างในตอนนี้ก็คือ…เงาเต๋าของเขา!

‘เงาเต๋า!’ ชายชราชุดคลุมดำดวงตาแวววาว เขาถอยไปหลายก้าวในพายุหมุนที่เหมือนจะบดบังดวงตาเขาได้ ช่วงที่นัยน์ตาเผยจิตสังหาร เงาเต๋าของเต้าหานเดินเข้ามาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แล้ว

บางทีในด้านพลังสองคนอาจใกล้เคียงกัน แต่ในวงแหวนอาคมนี้ ชายชราชุดคลุมดำเป็นรองกว่าในทุกด้าน! แต่ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีวงแหวนอาคม แค่เต้าหานที่มีไข่มุกสมบัติล้ำค่าฟ้าเหนือฟ้าชั้นหกก็เอาชนะชายชราชุดคลุมดำได้แล้ว

แม้ว่าชายชราชุดคลุมดำจะฝึกฝนนานกว่าเต้าหานไม่น้อย แต่ด้วยพรสวรรค์และคุณสมบัติของเขา จึงไม่อาจเทียบกับเต้าหานโอรสสวรรค์ในตอนนั้นได้

ช่วงที่สงครามระหว่างสองสำนักใหญ่ปะทุขึ้นอย่างดุเดือด บนฟ้าสำนัก เจ็ดจันทราที่มีหิมะถาโถม ดวงตาขวาของเค้าโครงรูปปั้นนั้นเหมือนมีอีกโลกหนึ่ง

ตอนนี้กลางโลกนั้นมีทะเลสาบแห่งหนึ่ง ทะเลสาบมีคลื่นกระเพื่อมไม่มีสิ้นสุด กระจายออกอย่างต่อเนื่อง บนฟ้าฝนตก ข้างทะเลสาบมีศาลาแห่งหนึ่ง ในนั้นมี สามคนกำลังนั่งอยู่ มองสงครามสำนักเจ็ดจันทราที่สะท้อนออกมาจากใน คลื่นกระเพื่อมของหยาดฝนในทะเลสาบ!

“สงครามครั้งนี้องค์ชายใหญ่มอบหมายมาให้ด้วยตัวเอง พวกเราจะดูถูก สำนักเจ็ดจันทราไม่ได้” สามคนนี้สวมชุดบัณฑิต หนึ่งในนั้นกล่าวนิ่งๆ ด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย

“เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าสำนักเจ็ดจันทราจะต่อต้านโดยไม่สนสิ่งใดเช่นนี้…” ส่วนอีกคนแม้จะสวมชุดบัณฑิตเช่นกัน แต่คิ้วกระบี่บนใบหน้ากลับทำให้เขาดูโฉบเฉี่ยวและดุดันจริงๆ

“เดิมทีควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว นี่คือการแย่งชิงอำนาจจักรพรรดิ หากสำนัก เจ็ดจันทราไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้และยอมเชื่อฟัง นั่นต่างหากที่น่าแปลก” บัณฑิต คนสุดท้ายดูซูบผอมเล็กน้อย ในมือถือพัดอันหนึ่ง เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ ดวงตาสองข้างมีความหลักแหลมราวกับแฝงไว้ด้วยดารา

“แต่ว่าสำนักเจ็ดจันทราก็ใช้วงแหวนอาคมเหมันต์เจ็ดจันทราตามที่ศิษย์พี่เฝิงคาดการณ์ไว้จริงๆ ส่วนองค์ชายสาม…ก็ถูกห้ามไม่ให้ออกมาจริงๆ แต่ให้อยู่ ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า” ตอนนี้บัณฑิตที่มีสีหน้าจริงจังเล็กน้อยเผยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นเนิบๆ

“เรื่องนี้ไม่ยาก ด้วยนิสัยของผู้อาวุโสเต้าหานคนนี้คงคาดการณ์ได้ไม่ยาก ภายใต้การกดดันสี่สิบปี เขาจะต้องเลือกวงแหวนอาคมเหมันต์เจ็ดจันทราจากในเจ็ดยอด วงแหวนอาคมประตูสำนักแน่ๆ ส่วนองค์ชายสาม…ขอเพียงสำนักเจ็ดจันทราไม่ยอมส่งเขาออกมา เขาจะไม่ออกมาอย่างแน่นอน” บัณฑิตแววตาหลักแหลมโบกพัดทีหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง

“เช่นนั้น บางทีก่อนที่องค์ชายใหญ่จะมา พวกเราอาจมีโอกาสจับตัวองค์ชายสาม” นัยน์ตาบัณฑิตคิ้วกระบี่ฉายแววเฝ้ารอคอย เห็นได้ชัดว่าฐานะองค์ชายสามที่เขาเอ่ยถึงทำให้เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนกลายเป็นความตื่นเต้น ทำให้เขาปลดปล่อยพลังออกมา

นั่นคือ…จิตเต๋าขั้นสอง!

“ช่างเถอะ จากที่องค์ชายใหญ่คาดการณ์ ขั้นพลังขององค์ชายสามน่าจะประมาณจิตเต๋าขั้นหนึ่ง เจ้าไปจับตัวเขาคงไม่มีปัญหาอะไร ข้าจะช่วยเจ้ากำราบ ผู้แข็งแกร่งของฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าครึ่งเค่อ ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเจ็ดจันทรา พวกนั้น มีผู้แข็งแกร่งในสำนักควบคุมอยู่ไกลๆ แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร

มีเพียงอย่างเดียวที่ต้องให้ความสำคัญคือหลังจากเข้าไปในยอดวงแหวนพายุหิมะนั่นแล้ว ต้องปฏิบัติตามที่ข้ากำชับไว้ก่อนหน้านี้ ถึงจะแทรกซึมเข้าไปในสำนัก เจ็ดจันทราได้ รู้ไว้ด้วยว่าภารกิจครั้งนี้ของเจ้าคือกุญแจสำคัญของพวกเรา พวกคนที่ปิดล้อมอยู่ข้างนอกเพียงแค่ช่วยเจ้าเบี่ยงเบนความสนใจจากสำนักเจ็ดจันทราเท่านั้น!

อีกอย่าง เจ้ามีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ในหนึ่งก้านธูปนี้จะต้องจับตัวเขามาให้ได้!”

“ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปหรอก ครึ่งก้านธูปก็พอแล้ว!” ชายคิ้วกระบี่หัวเราะเสียงดัง นัยน์ตาเปล่งประกาย ตอนนี้เองเขาเดินไปยังทะเลสาบนอกศาลา กลายร่างเป็นสายรุ้งยาวหายวับไปในสำนักเจ็ดจันทราที่สร้างภาพออกมาในคลื่นกระเพื่อมจากหยาดฝนตกลงในทะเลสาบ

คล้อยหลังร่างเงาบัณฑิตคิ้วกระบี่ เหลือสองคนในศาลา คนที่มีสีหน้าจริงจังขมวดคิ้ว

“ศิษย์น้องซุนมีนิสัยอวดดีเล็กน้อย เรื่องนี้…ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ”

“หากมิใช่เพราะรอยแตกของวงแหวนอาคมนี้ที่อย่างมากสุดรับได้เพียงจิตเต๋าขั้นสอง ข้าคงไม่เลือกศิษย์น้องซุน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นจิตเต๋าขั้นสองที่แกร่งที่สุดในสำนัก วางใจเถอะ จากที่ข้าคาดการณ์แล้วไม่น่าจะมีปัญหา ข้าคำนวนไว้หมดแล้ว” บัณฑิตที่แววตาหลักแหลมตอบกลับช้าๆ

ภายในสำนักเจ็ดจันทรา พายุหิมะถาโถมอบอวลฟ้าดิน ปกคลุมไปรอบๆ ตอนนี้เองในพายุหิมะบนฟ้ามีเกล็ดหิมะหนึ่งเพิ่มมา หากมองดีๆ จะเห็นว่ามันออกมาจากใน ดวงตาขวาของเค้าโครงรูปปั้นบนฟ้า ยามนี้ลอยล่อง รวมกับหิมะรอบๆ จึงแยกไม่ออก

ขณะที่มันลอยล่อง ช่วงที่มีเสียงเข่นฆ่าดังแว่วมาจากในพายุหิมะไม่หยุด มันค่อยๆ…เข้าไปในประตูสำนักเจ็ดจันทราตามสายลม!

เหมือนว่าวงแหวนอาคมนี้จะไม่ขวางหิมะนี้แม้แต่น้อย เหมือนปราการทุกอย่างจะไม่มีกฏเกณฑ์สำหรับหิมะนี้ แต่ลอยล่องไปตามวงโคจรบางอย่าง ทะลวงผ่านไปโดยไม่มีใครสังเกตเห็น จนกระทั่งหิมะตกลงในฟ้าเหนือฟ้าชั้นสอง เข้าไปในชั้นสาม ชั้นสี่ จนสุดท้าย…ลอยล่องเข้าไปในโลกฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า

ขณะโปรยปราย หิมะพลันหลอมละลายกลายเป็นชายคิ้วกระบี่สวมชุดคลุมยาวบัณฑิต แต่เขาไม่ได้ทำอะไร เพียงหลับตาลง ร่างลอยตัวเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง

ทันทีที่เขาปรากฏตัวในฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าพลันสั่นสะเทือน บนฟ้าปรากฏมือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันปรากฏได้อย่างไร แต่กดลงไปยังแผ่นดินใหญ่ ฟ้าดินทั้งฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง แรงกดดันมหึมา ปกคลุมไปรอบๆ ทำให้ผู้ฝึกฌานฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าใจสั่นสะท้าน ร่างแข็งทื่อ ไม่อาจขยับตัวได้

อีกทั้งโลกของฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้ายังเกิดรอยร้าวขึ้นปกคลุมโดยรอบในพริบตา ผนึกทุกพื้นที่เอาไว้ รอยแยกเหล่านี้เหมือนหาสุดขอบฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าพบจึง ผนึกเอาไว้ แม้เต้าหานชายชุดคลุมแดงข้างนอกรวมถึงคนอื่นจะสังเกตเห็นในฉับพลัน แต่ก็กลับมาไม่ทันเวลา

ต่อให้รีบกลับมาก็ไม่มีทางทำลายผนึกฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าได้ในเวลาหนึ่งก้านธูป!

เพราะสิ่งที่ใช้ผนึกฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้ากับกำราบผู้ฝึกฌานชั้นนี้คือคนที่พวกเขาไม่อาจต่อต้าน คนนี้…อยู่ที่ฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ด กำลังกดฝ่ามือผนึกฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าพลางยิ้มมองผู้อาวุโสใหญ่สำนักเจ็ดจันทราสิบสองคนที่มีสีหน้าเย็นชา

“สหายทุกท่านไม่ได้พบกันนาน สบายดีหรือไม่?”

“มหาเต๋าสูงศักดิ์เซินมู่!” ชายวัยกลางคนจีวรเต๋าฟ้าครามที่เป็นอาจารย์ซูหมิงในสำนักเจ็ดจันทราหนึ่งในสิบสองผู้อาวุโสใหญ่มองเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดคลุมขาวกำลังที่เดินเข้ามาใกล้พลางพูดขึ้นช้าๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!