Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1414

ตอนที่ 1414 ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร!

ต่อหน้าชาวเผ่ายมโลก ความตาย…ไม่ได้อยู่ในมือตัวเอง เพราะพรสวรรค์ เผ่ายมโลกมีการย้อนเวลา ดั่งเช่นตอนนี้ ทันทีที่ซูหมิงกล่าวขึ้นพร้อมกับที่บัณฑิตคนนั้นกำลังจะระเบิดตัวเองด้วยความอวดดี ซูหมิงยกมือขวากดระหว่างคิ้วอีกฝ่ายเบาๆ

เมื่อกดไป กาลเวลาในตัวบัณฑิตพลันย้อนกลับ การระเบิดตัวเองในร่างกายหายไป หน้าเขาเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาไม่ได้ควบคุมสีหน้าด้วยตัวเอง แต่เกิดจากการย้อนเวลา ทว่าในใจนั้น…กลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ เกิดความตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในแคว้นกู่จั้งไม่เคยปรากฏ…วิชาย้อนเวลา!

ขณะที่บัณฑิตตื่นกลัว ซูหมิงเปลี่ยนจากนิ้วชี้มือขวาเป็นฝ่ามือตบหน้าผากบัณฑิตวัยกลางคน พลังมหาศาลพลันพุ่งเข้าไปในร่างกาย เมื่อผนึกร่างไว้ในพริบตาแล้วก็คว้าเส้นผมอีกฝ่าย กระชากไปข้างหลังออกจากโลกน้ำแข็งแห่งนี้

ศาลาหินใต้ร่างพลันกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

ซูหมิงปรากฏตัวบนฟ้าสำนักเจ็ดจันทรา หิ้วบัณฑิตวัยกลางคนตรงไปยัง ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า

ขณะเดียวกับบนฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ด เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวละสายตาจากซูหมิงแล้วพูดเรียบๆ

“เรื่องนี้มันเกินไปหน่อย เจ้าสังหารคนสำนักเอกะเต๋าได้ นี่คือการเดิมพัน แต่จับมาเป็นๆ ออกจะเกินไปหน่อย”

“นั่นคือของที่เขายึดมาได้จากการต่อสู้” กู่ไท่ยิ้มเล็กน้อย มองเด็กหนุ่ม ชุดคลุมขาวแวบหนึ่งแล้วก็ตรึกตรองครู่หนึ่งก่อนส่ายศีรษะ

“เอาล่ะ ในเมื่อมหาเต๋าสูงศักดิ์เซินมู่ร้องขอ ข้ารับประกันว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินเดือน”

“ระหว่างสำนักเอกะเต๋ากับเจ็ดจันทราหลีกเลี่ยงกันไม่ได้แล้ว พวกเจ้า…ต้องเตรียมทำสงคราม” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวพูดขึ้นแล้วประสานมือคารวะกู่ไท่ จากนั้นหมุนตัวกลับเดินไปยังมวลอากาศ วูบเดียวก็ออกจากสำนักเจ็ดจันทรามาปรากฏอยู่ ฟ้าดินข้างนอก ตอนนี้เองนัยน์ตาเขาเผยประกายเย็นเยือกและจิตสังหาร

ครั้งนี้ระหว่างสำนักเอกะเต๋ากับสำนักเจ็ดจันทราเป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันที่ไม่มากนัก ครั้งนี้สำนักเอกะเต๋าแพ้ แต่สำหรับสำหรับสำนักนี้แล้ว รอยแผลเหล่านี้เล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง

คล้อยหลังเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว พายุหิมะนอกสำนักเจ็ดจันทราค่อยๆ หายไป มีเพียงรูปปั้นเกือบแสนรูปบนแผ่นดินที่เป็นพยานยืนยันในความอนาถาของสงคราม

ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราแต่ละคนต่างเงียบไปชั่วครู่หนึ่งแล้วก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องดีใจอะไร แต่เก็บกวาดสนามรบ ตามหาศพศิยย์ร่วมสำนัก หลังเซ่นไหว้ร่วมกันแล้วก็มีกลุ่มคนเฉพาะวาดวงแหวนอาคมบนรูปปั้นน้ำแข็งเหล่านั้น

ยามนี้ศิษย์สำนักเอกะเต๋าในรูปปั้นน้ำแข็งเหล่านั้นดูเหมือนยังมีชีวิต ร่างกายพวกเขา รูปปั้นน้ำแข็งพวกเขาคือวัตถุดิบหุ่นเชิดน้ำแข็งที่ดีที่สุด

ส่วนศิษย์ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ ตอนนี้ส่วนใหญ่ออกลาดตระเวนข้างนอก ตามหาอีกฝ่ายที่ยังเหลือรอด รวมถึงป้องกันอย่างหนาแน่น กันสำนักเอกะเต๋าบุกอย่างกะทันหันอีกครั้ง

ระหว่างที่ทั้งสำนักเจ็ดจันทราเริ่มจัดระเบียบอย่างเป็นขั้นตอน เต้าหานกลับไปฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ด พวกเขาผู้อาวุโสใหญ่สิบสามคนได้ทำการประชุมกันอย่างลับๆ

ส่วนซูหมิงนั่งฌานอย่างสงบนิ่งบนฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า นอกเรือนตอนนี้ วางเตาหลอมยักษ์อันหนึ่ง ในนั้นเคยมีร่างชายชราผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอก แต่ตอนนี้หายไปแล้วเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณที่ยังคงร้องโหยหวนเสียงเบาไม่หยุด

นอกจากเตาหลอมนี้แล้วยังมีบัณฑิตที่ซูหมิงจับมาเป็นๆ ตอนนี้เขาหลับตา ไม่มีสติเหมือนหลับใหล

ช่วงที่ผู้ฝึกฌานแต่ละชั้นของสำนักเจ็ดจันทราต่างกำลังยุ่ง ซูหมิงมองบัณฑิตวัยกลางคนด้วยสีหน้าลังเล ผ่านไปพักใหญ่ดวงตาพลันขยับประกายเด็ดขาด

‘เรื่องนี้ต้องดูต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าใครจะสังหารข้ากันแน่!’ หากซูหมิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็จะไม่ลังเลอีก เขาหลับตาลงยกมือซ้ายขึ้นกดหน้าอก ขณะเดียวกันระหว่างคิ้วแยกออก ดวงตาที่สามโผล่มาในบัดดล เผยเป็นจิตเต๋าสามร่างในนั้น!

เพียงแต่จิตเต๋าที่สามเลือนรางเล็กน้อย เหมือนไม่สมจริงเอามากๆ แต่พริบตานี้เอง จิตเต๋าสามร่างลืมตาขึ้นพร้อมกัน เผยประกายวูบวาบ ส่วนซูหมิงยกมือขวาขึ้นกดระหว่างคิ้วบัณฑิตวัยกลางคน

เมื่อนิ้วมือสัมผัสหน้าผากบัณฑิตวัยกลางคน ร่างบัณฑิตสั่นไหว เขาลืมตาขึ้นด้วยแววตาสับสน ลูกตาสองข้างยังแผ่ขยายออก เหมือนจะมาแทนที่ตาขาว

จิตสำนึกเขาในยามนี้ราวกับถูกกริชคมกริบแทงเข้าไปในร่าง กวาดล้างลบปราการทั้งหมด เปลี่ยนเป็นความทรงจำที่ซูหมิงสัมผัสได้ตามใจชอบ

หากค้นความทรงจำง่ายๆ ก่อนหน้านี้ซูหมิงคงไม่ลังเลมากนัก และก็ไม่ใช้พลังของจิตเต๋าขั้นสาม สิ่งที่เขาต้องทำไม่ใช่เพียงค้นความทรงจำ แต่ใช้วิชาย้อนเวลา ใช้ความทรงจำของบัณฑิตกับร่างกายเป็นตัวนำ ให้เกิดการเชื่อมต่อกับคนและสิ่งของในความทรงจำ จนเปิดเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ไม่เพียงแต่ต้องใช้จิตมองว่าองค์ชายใหญ่ที่กล่าวถึงเป็นใครเท่านั้น!

แต่ต้องลองดูด้วยว่าอีกฝ่ายมีพลังระดับใด!

นี่ก็คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ซูหมิงเข้าไปในโลกดวงตาขวาเค้าโครงรูปปั้นนั้น อีกทั้งไม่ได้สังหารบัณฑิตคนนี้ ยามนี้ระหว่างที่บัณฑิตตัวสั่นและมีสีหน้าสับสน ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน

ตรงระหว่างคิ้วบัณฑิตวัยกลางคนที่นิ้วมือสัมผัสเหมือนปรากฏน้ำวน น้ำวนนี้เป็นดั่งเส้นทาง เมื่อจิตซูหมิงเข้าไปแล้วก็เกิดเสียงครึกโครมในใจเขา

ภายใต้เสียงโครมคราม เขาเหมือนกลายเป็นเรือโดดเดี่ยวโคลงเคลงกลางคลื่น ลูกใหญ่ ลอยล่องอยู่ในความทรงจำบัณฑิต จนกระทั่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จิตสำนึกถึงสั่นไหว

“อู่คุน เจ้าเป็นอะไร?” มีน้ำเสียงลังเลดังแว่วมาข้างหู ซูหมิงลืมตาขึ้น เห็นว่า คนข้างกายที่มองตนเป็นผู้ฝึกฌานจิตเต๋าขั้นสองที่ถูกเขาสังหารไปก่อนหน้านี้

ที่นี่คือภูเขาไฟที่เหมือนจะปะทุ ส่วนซูหมิงในตอนนี้อยู่ตรงส่วนลึกของภูเขาไฟ เป็นขอบของหินหนืด ไอร้อนโดยรอบโถมเข้ามา ควันดำลอยโชยจากในหินหนืด พุ่งขึ้นไปข้างบน

ตอนที่เงยหน้าขึ้นมอง ภูเขาไฟไม่มีปากปล่อง เหมือนว่านี่เป็นภูเขาที่สมบูรณ์ เพียงแต่รอบๆ มีรอยแยกจำนวนมาก หากมองจากข้างนอกจะต้องเห็นว่านี่เป็นภูเขาประหลาดที่เต็มไปด้วยรอยแยก อีกทั้งในทุกรอยแยกยังเปล่งแสงสีแดง

ดวงตาซูหมิงขยับประกาย เขาก้มหน้าลงเห็นว่าตนสวมชุดคลุมยาวของบัณฑิต ในมือถือพัดอันหนึ่ง ตอนนี้เขาถูกหลอมรวมเข้ามาในความทรงจำของคนที่จับตัวมาและใช้วิชาย้อนเวลายึดควบคุม

“ไม่มีอะไร” ซูหมิงยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบบัณฑิตจิตเต๋าขั้นสองข้างๆ

“อืม องค์ชายใหญ่ใกล้จะออกฌานแล้ว ทุกวันเขาจะออกมาจากหินหนืดในเวลานี้ ถึงตอนนั้นเจ้าก็อธิบายแผนการให้เขาฟัง หากองค์ชายใหญ่เห็นด้วย พวกเราก็จะ ส่งต่อให้สำนัก ให้สำนักตัดสินใจ” ขณะที่บัณฑิตข้างกายซูหมิงกำลังพูดอยู่นี้ หินหนืดในภูเขาไฟพลันไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง หินหนืดระเบิดออกเป็นคลื่นระอุ

มีร่างเงาหนึ่งบินออกมาจากในคลื่นระอุนั้น เมื่อคลื่นระอุตกลงดั่งสายฝน ร่างเงานี้ยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่กลางหินหนืด หันหลังให้ซูหมิง ระหว่างสองฝ่ายมีสายฝนระอุตกลงมาขวางเอาไว้

“คารวะองค์ชายใหญ่!” บัณฑิตข้างกายซูหมิงประสานมือคาระด้วยความเคารพทันที แต่ไม่นานก็แปลกใจ เพราะซูหมิงไม่ได้คารวะ

ตอนนี้เองฝนรุอุตกลงมาทั้งหมด ร่างเงาที่หันหลังให้ซูหมิงหมุนตัวกลับมาเนิบช้า เผยใบหน้าหล่อหลา นั่นคือชายหนุ่มสวมชุดคลุมขาว!

จังหวะที่ชายหนุ่มหมุนตัวกลับมามองซูหมิง เหมือนเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ซูหมิง พริบตาที่เห็นชายหนุ่ม พลันเกิดเสียงดังสนั่นในความคิด

มอบแวบแรกองค์ชายใหญ่ที่ว่ากันนี้ดูคุ้นตาเล็กน้อย จนเมื่อมองดีๆ แล้วก็ นึกออกโดยพลัน อีกฝ่าย…คล้ายกับผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเล็กน้อย กระทั่งพูดได้ว่าเป็น ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่หนุ่มกว่าเดิมมาก!

มิหนำซ้ำซูหมิงยังรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของเหลยเฉินเสี้ยวหนึ่งจากในตัวอีกฝ่าย!

“อู่คุน พบองค์ชายแล้วยังไม่คารวะอีก!” บัณฑิตข้างกายเห็นซูหมิงผิดปกติไปเล็กน้อยจึงรีบพูดขึ้น ทั้งยังประสานมือคารวะองค์ชายใหญ่

“โปรดองค์ชายใหญ่ละเว้นโทษด้วย ช่วงนี้อู่คุนวางแผนการใหญ่เลยเหม่อลอยไปบ้าง”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ใช่คนที่สนใจกฏอะไรมากนักอยู่แล้ว อู่คุน แผนการเจ้าเป็นอย่างไร?” องค์ชายใหญ่ยิ้มเล็กน้อยพลางมองซูหมิง

ซูหมิงยิ้ม เขามององค์ชายใหญ่ตรงหน้า มองผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่หนุ่มกว่าเดิมมากพลางนึกถึงคำพูดอีกฝ่ายตอนที่ถูกเสวียนจั้งสูบไปหลังพ่ายแพ้ให้กับตนในโลกซางเซียง

‘เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหรือ…’ ซูหมิงยิ้มพร้อมยกเท้าขวาขึ้นกระโดดข้าม หินหนืดตรงไปหาองค์ชายใหญ่

แทบเป็นทันทีที่เขาก้าวเดิน องค์ชายใหญ่หรี่ตาแคบลง ยกมือขวาขึ้นอย่างไม่ลังเล เกิดเสียงโครมดังสนั่นทีหนึ่ง หินหนืดปะทุขึ้น คลื่นระอุยากจะบรรยายพุ่งไปหา ซูหมิงกลายเป็นปราการขวางเอาไว้ก่อนเกิดเสียงระเบิดดังสะเทือนฟ้า

ขณะเดียวกัน ซูหมิงยกมือขวาขึ้นโบกไป พายุหิมะพัดเข้ามาปะทะกับหินหนืด ตอนนี้เกิดเสียงอื้ออึงกึกก้อง หินหนืดนั้นแข็งกลายเป็นหินภูเขา!

“เจ้าไม่ใช่อู่คุน เจ้าเป็นใคร!” นัยน์ตาองค์ชายใหญ่ฉายแววแปลกใจ ชั่วขณะที่กล่าวพลันมีสีหน้าจริงจัง

“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร” ซูหมิงไม่เดินหน้าต่อ แต่ถอยไป ประกายในดวงตา สองข้างหายไป แม้แต่ทั้งโลกยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าเขา

ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง ดวงตาเขาวาววับ นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า อู่คุนตรงหน้าตอนนี้โลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด สิ้นชีพไปแล้ว!

ขณะเดียวกัน แทบเป็นทันทีที่จิตซูหมิงกลับมา มีแผ่นหยกแผ่นหนึ่งข้ามมวลอากาศจากฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดมาโผล่ตรงหน้าซูหมิง แผ่นหยกขยับแสงวิบวับ มีเสียงแก่ชราดังแว่วมา

“องค์ชายสาม ข้ากู่ไท่ ขอเชิญมาพบที่ฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดด้วย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!