Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1416

ตอนที่ 1416 โปรดเรียกข้าว่าซูหมิง

ช่วงที่เสียงคำรามดังแว่ว ไข่มุกเปล่งแสงสว่างเรืองรองนั้น ผู้อาวุโสใหญ่สิบสามคนรวมกู่ไท่ต่างเพ่งมองมา

แม้แต่กู่ไท่ยังหรี่ตาลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดว่าไข่มุกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้กับซูหมิง เขาเคยถือมันด้วยมือตัวเองมาแล้ว แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่เห็นคลื่นอารมณ์ เมื่อกำไข่มุกไว้ในมือแล้วก็ให้จิตสัมผัสหลอมรวมเข้าไป วูบเดียวก็รู้สึกถึงวิญญาณซางเซียงมายากลางโลกในไข่มุก และยังรู้สึกว่าวิญญาณซางเซียงเหมือนเสียสติปัญญาไป ตอนนี้…เป็นวิญญาณวัตถุของไข่มุก!

แต่ซูหมิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาสนใจแต่ดวงจิตสี่โลกแท้จริงของตน ตอนนี้ทันทีที่สัมผัสถึงวิญญาณซางเซียง เขาพลันคลำหาดวงจิตของตนพบ!

ต่อมา สี่ดวงจิตของซูหมิงในไข่มุกก็พุ่งไปรวมกับจิตสัมผัส เมื่อปะทะกันแล้ว สิ่งแรกที่ซูหมิงรู้สึกคือ ดวงจิตดาราสัจธรรม!

เดิมทีดวงจิตนี้เป็นของซูหมิง ตอนนี้เมื่อหลอมรวมกับดวงจิตแล้วก็ปะทุเป็นพลังที่ต่างจากขั้นพลังอย่างชัดเจน แต่กลับทำให้ผู้อาวุโสใหญ่สิบสามคนรอบๆ หน้าเปลี่ยนสี

พลังนี้ไร้รูป แต่กลับทำให้เส้นผมยาวเขาปลิวไสว อาภรณ์โบกสะบัด ส่วนกู่ไท่มี สีหน้าจริงจังขึ้นไม่น้อย

“นี่มัน…” กู่ไท่เพ่งมอง เหมือนคุ้นๆ กับพลังไร้รูปที่วนเวียนรอบซูหมิงอยู่เล็กน้อย…

ส่วนคนอื่นก็ได้แค่สัมผัสพลังไร้รูป แต่ไม่ได้ยิน ทว่าก็สังเกตได้ว่าพลังไร้รูปนี้…เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังที่ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน

ตอนนี้เองดวงจิตซูหมิงยกระดับอีกครั้ง เกิดเสียงดังสนั่นไร้เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน แต่ดังปานฟ้าผ่าในใจซูหมิง ในเสียงครึกโครมนั้น เขารู้สึกถึงดวงจิตพรรคเซียน!

การรวมกันของสองดวงจิตใหญ่ทำให้พลังไร้รูปในตัวซูหมิงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่รอบๆ สนใจมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อดวงจิตซูหมิงแกร่งขึ้น อย่างชัดเจน ความรู้สึกถึงอันตรายรางๆ พลันทำให้ผู้อาวุโสใหญ่เหล่านี้หน้าเปลี่ยนสี

“นะ…นี่มัน…” กู่ไท่เห็นถึงตรงหน้าก็เปลี่ยนสีอย่างรุนแรง แม้แต่ดวงตาสองข้าง ยังฉายตกใจ ไม่เห็นเขามีสีหน้าแบบนี้มานานปีแล้ว กระทั่งตอนเซินมู่มายังไม่เป็นอย่างนี้!

ถึงขั้นในตอนนี้กู่ไท่ไม่ได้แค่มีสีหน้าตกใจ แต่ยังลุกพรวดขึ้น นัยน์ตาฉายแวว… ตกตะลึงเหลือเชื่อ

ตอนนี้เองซูหมิงสัมผัสได้ถึงดวงจิตโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกจากในไข่มุก เมื่อดวงจิตกลับมาในทันใด ซูหมิงตัวสั่นไหวเบาๆ ขณะเดียวกันดวงจิตปะทุขึ้น การกลับมาครั้งนี้ ความรู้สึกดวงจิตอยู่ในตัวนี้ ซูหมิงไม่ได้สัมผัสมาสักระยะแล้ว กระทั่งตอนนี้ ส่วนลึกในใจเขาเกิดความรู้สึกถึงตอนอยู่โลกซางเซียง!

นั่นคือความรู้สึกว่าดวงจิตตนแข็งแกร่งจนควบคุมฟ้าดินจักรวาลได้!

ตอนนี้บนฟ้าของฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดพลันขุ่นมัว แผ่นดินสั่นสะเทือน มวลอากาศฟ้าดินรอบๆ เหมือนสั่นไหว เกิดการสะเทือนอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่เหล่านั้นพากันยืนขึ้น เห็นความตกใจของกู่ไท่ และยังสัมผัสถึงความรู้สึกน่าสะพรึงจากตัวซูหมิงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

เหมือนว่าซูหมิงมีพลังที่ไม่ใช่ของแคว้นกู่จั้งกำลังตื่นขึ้น!

‘นี่คือกลิ่นอายพลังของเทพเต๋าขั้นเก้า!’ กู่ไท่หน้าเปลี่ยนสีต่อเนื่องกัน กล่าวประโยคนี้ไม่จบ แต่พึมพำอย่างเหลือเชื่อต่อในใจ

เขาเป็นคนเดียวที่สู้กับสามเทพเต๋าขั้นเก้าในตำนานแล้วรอดมาได้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจขอบเขตเทพเต๋าขั้นเก้ามากกว่าคนอื่น ผู้อาวุโสที่นี่ไม่รู้ว่าพลังไร้รูปในตัว ซูหมิงคืออะไร แต่กู่ไท่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านี่…คือพลังของขอบเขตเทพเต๋าขั้นเก้า!

‘นี่ไม่ใช่กลิ่นอายพลังของเทียนซิวหลัว และก็ไม่ใช่ของกู่หวง และยิ่งไม่ใช่ของ ตาแก่บ้า นี่คือ…กลิ่นอายพลังขอบเขตเทพเต๋าขั้นเก้าคนที่สี่ที่ปรากฏเป็นครั้งแรกในแคว้นกู่จั้ง!’ ตอนนี้นัยน์ตากู่ไท่เป็นประกายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ยามนี้เองซูหมิงสัมผัสถึงดวงจิตดาราโบราณจากในไข่มุก เมื่อดวงจิตดาราโบราณหลอมรวมเข้ามา เมื่อสี่ดวงจิตกลับมาทั้งหมด พริบตาที่ซูหมิงลืมตาขึ้น ดวงจิตเขาเกิดเสียงดังสนั่น กวาดล้างไปรอบๆ วูบเดียวผู้อาวุโสใหญ่เหล่านั้นต่างดวงตาเรืองรอง ส่วนกู่ไท่มั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าตนมองไม่ผิด!

ซูหมิงลืมตาขึ้น ดวงจิตเขาค่อยๆ หายไปจนกลับเข้าไปในร่างกาย ไข่มุกในมืออ่อนแสงลงเล็กน้อย เขาไม่ได้คืนให้ ในเมื่อกู่ไท่บอกว่ามอบของนอกกายให้แล้ว เขาจึงพลิกมือขวาเก็บไข่มุกเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ

ซูหมิงในตอนนี้ ขั้นพลังยังคงเป็นเตรียมวิญญาณเต๋า หน้าตาไม่เปลี่ยนไป แต่ในมุมมองผู้อาวุโสใหญ่เหล่านั้น ซูหมิงเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน พลังเปลี่ยน นั่นคือพลังที่แข็งแกร่งอยู่ภายใน แต่ไม่รู้สึกจากภายนอก

กู่ไท่มองซูหมิง ดวงตาเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ แล้วพลันหัวเราะเสียงดัง

“องค์ชายสาม เจ้าสร้างความตกใจและยินดีครั้งใหญ่ให้กับข้าแล้ว ถึงขั้นพูดได้ว่าความตกใจและยินดีครั้งนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่คาดคิด เพียงแค่นี้ก็คุ้มค่าให้ข้าจ่ายทุกอย่างเพื่อเจ้าแล้ว!” ขณะเสียงหัวเราะกู่ไท่ดังกึกก้อง ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย

“โปรดเรียกข้าว่าซูหมิง”

“ซูหมิง ซูหมิง ดี ซูหมิง เดิมทีข้ายังกังวลเรื่องแย่งผลเต๋าอยู่เลย ตอนนี้แผนการพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว โดยเตรียมการให้เจ้าเคาะเสียงวิญญาณเต๋าก่อน จากนั้นข้าจะพาเจ้าไปพบผู้อาวุโสคนหนึ่ง

หากผู้อาวุโสคนนี้ยอมรับเจ้า เจ้าจะมีโอกาสในการแย่งชิงผลเต๋ามากขึ้นไม่น้อย! อีกทั้งก่อนการแย่งชิงผลเต๋า ข้าจะส่งคนไปตามหาแส้ดารา เรื่องนี้ต้องให้เจ้าร่วมมือด้วย หากพวกเราหาแส้ดาราพบ ประกอบกับสำนักเจ็ดจันทราช่วยอย่างสุดกำลัง เจ้าจะมีโอกาสได้ผลเต๋าเจ็ดส่วน!

หากได้ผลเต๋า หากเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวิญญาณเต๋า นั่นจะเป็นวันที่เจ้าผงาดขึ้นในแคว้นกู่จั้ง!” ขณะกู่ไท่หัวเราะเสียงดังกึกก้องก็มีสีหน้าดีใจ ผู้อาวุโสใหญ่ทุกคนที่นี่ต่างสัมผัสได้ชัดเจน

“ซูหมิง เจ้าไม่ต้องกลับฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าแล้ว ด้วยไข่มุกวิญญาณหวนคืนเจ้าฝึกฝนที่ฟ้าเหนือฟ้าชั้นหกได้ อย่างเร็วครึ่งเดือน อย่างช้าหนึ่งเดือน ข้าจะเตรียมความพร้อมให้เจ้าเคาะเสียงวิญญาณเต๋า ให้ทั้งแคว้นกู่จั้งรู้จักเจ้า!” ซูหมิงประสานมือคารวะท่ามกลางเสียงหัวเราะกู่ไท่ จากนั้นมองสวี่จงฝานที่มีความดีใจเช่นกันอยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง แล้วประสานมือคารวะเช่นกัน

การคารวะครั้งนี้สร้างรอยยิ้มให้สวี่จงฝานมากกว่าเดิม เขารีบพยักหน้า ทั้งยังเหมือนนึกอะไรออก จึงหยิบแผ่นหยกส่งให้ซูหมิง

“ในนี้มีการตระหนักรู้เกี่ยวกับการเคาะเสียงวิญญาณเต๋าของอาจารย์อยู่เล็กน้อย เจ้าเอาไปศึกษาเถอะ”

ซูหมิงรับแผ่นหยกมาแล้วเพ่งมองสวี่จงฝานอยู่ชั่วครู่ก่อนพยักหน้าให้แล้วคารวะอีกครั้ง หมุนตัวกลับเดินอากาศไปหนึ่งก้าว ร่างเงาหายวับไป มาปรากฏอีกทีอยู่ที่ ฟ้าเหนือฟ้าชั้นหกผ่านไข่มุกวิญญาณหวนคืน!

ที่นี่ไม่มีใครอยู่ หากไม่มีไข่มุกวิญญาณหวนคืน ต่อให้เป็นเต้าหานก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแดนฝึกฝนของซูหมิงคนเดียว

เขาไม่ได้ไปที่อื่น แต่มายังยอดเขาสายเลือดที่สามของฟ้าเหนือฟ้าชั้นหก ก่อนนั่งขัดสมาธิลงข้างหน้าผานอกบ้านหลังนั้น

จนถึงตอนนี้แววตาเขาเพิ่งเปล่งประกายสว่างวาบ นั่นคือความมั่นใจ เป็นความมั่นใจในแคว้นกู่จั้งแปลกตาหลังจากมีสี่ดวงจิตใหญ่อีกครั้ง

พลังของดวงจิตเหมือนกับวิชาย้อนเวลา นั่นคือวิชาอภินิหารที่ไม่เคยปรากฏ มาก่อนในแค้วนกู่จั้ง จุดนี้ซูหมิงมองออกอยู่บ้างจากสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่สำนัก เจ็ดจันทราเหล่านั้น

มีเพียง…

‘เจ้าสำนักกู่ไท่เหมือนจะมองเห็นเงื่อนงำเล็กน้อย…’ ซูหมิงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในเมื่อกู่ไท่ไม่พูดก็แสดงว่าเขาเข้าใจอยู่ ซูหมิงจึงไม่ตรึกตรองเรื่องนี้อีก แต่หยิบ แผ่นหยกที่สวี่จงฝานมอบให้มาใช้จิตสัมผัสอ่านแล้วหลับตาลงเนิบๆ ตกอยู่ใน ห้วงสมาธิ ให้พลังขอบเขตวิญญาณเต๋าเสถียรภาพ

เขารู้สึกว่าพลังขอบเขตวิญญาณเต๋าของตนยังไม่เสถียรภาพ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการใช้การหลอมรวมวิชาเจ็ดชะตาฝืนยกระดับเงาเต๋า ดังนั้นซูหมิงจึงเข้าใจการเคาะเสียงวิญญาณเต๋าอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะในแผ่นหยกของสวี่จงฝานยังมีบันทึกไว้อีก ไม่น้อย จึงทำให้เขาเข้าใจการเคาะเสียงแห่งวิญญาณเต๋ามากกว่าเดิม

‘จิตเต๋าขั้นหนึ่งถึงเก้า ความจริงแล้วจิตเต๋าขั้นหนึ่งกับสองเป็นเพียงกายเต๋า หลังขั้นสามแล้วถึงเป็นวิญญาณเต๋า หลังขั้นเจ็ดวิญญาณกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ เรียกว่าเต๋าสูงศักดิ์ ตอนขั้นแปดเต๋าสูงศักดิ์ถึงจุดสูงสุดจึงเรียกว่ามหาเต๋าสูงศักดิ์!

ต้องให้ขอบเขตวิญญาณเต๋าเสถียรภาพอย่างแท้จริง เปลี่ยนกายเป็นวิญญาณ หลอมรวมกับฟ้าดินกลายเป็นวิญญาณแห่งฟ้าดิน แบบนี้จะก้าวสู่ขอบเขตวิญญาณเต๋าอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือขั้นตอนการเปลี่ยนกายเต๋าเป็นวิญญาณเต๋า

แต่ขั้นตอนนี้ต้องเคาะเสียงวิญญาณเต๋า ใช้เสียงยืนยันเต๋า ใช้เสียงหลอมรวมฟ้า!’ ซูหมิงหลับตาลง ความเข้าใจลอยขึ้นมาในความคิด

‘หนึ่งคือเริ่มต้น สามคือลึกซึ้ง หกคือแข็งแกร่ง เก้าคือสูงสุด…การเคาะเสียงวิญญาณเต๋าจะเห็นถึงศักยภาพและคุณสมบัติของคนคนหนึ่ง ผู้สำเร็จวิญญาณเต๋าตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ หนึ่งถึงหกมีเป็นส่วนใหญ่ เจ็ดมีน้อย แปดน้อยยิ่งกว่า เก้าหายากยิ่ง ผู้เคาะได้เก้าเสียงล้วนบรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์!

ไม่รู้ว่าข้าจะเคาะได้กี่เสียง!’ ซูหมิงลืมตาขึ้นเผยแสงหม่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!