ตอนที่ 145 เขา!
สายตาของเขาหยั่งลึกประดุจดาราบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่วงที่ประสานสายตากัน ในความคิดซูหมิงมีเสียงโครมดังขึ้น ร่างกายซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว ทำให้ผู้นำกองรักษาการณ์รีบทะยานออกห่างจากซูหมิง ใบหน้าขาวซีดยืนอยู่ข้างจ้าวหมานเผ่าบูรพาสงบ และมองซูหมิงด้วยความเคารพยำเกรง
“เอาละ โม่ซู จากนี้ไปเจ้าคือแขกพิเศษเผ่าบูรพาสงบของข้า ฟางเซิน ส่งตราให้เขา” จ้าวหมานบูรพาสงบกล่าวเรียบๆ ละสายตาจากซูหมิง
ซูหมิงตื่นตะลึงในใจ ทว่าดวงตาทั้งคู่ยังคงสงบนิ่ง
ฟางเซินมองซูหมิงด้วยนัยน์ตาฉายแววชื่นชม ซูหมิงสังหารโจวเยวี่ยเพียงทำให้เขาตื่นตะลึงเล็กน้อยกับพลังแฝงในหมัดเท่านั้น ไม่ได้แปลกใจมากนัก
ทว่าความเร็วของซูหมิงกลับทำให้ฟางเซินตื่นตะลึง เขามองไม่เห็นเงาของซูหมิง โดยเฉพาะการกดนิ้วเมื่อครู่ แรงกดดันที่มาจากภายในยังผลให้เขาต้องพิจารณาพลังที่แท้จริงของซูหมิงใหม่อีกครั้ง
ยามนี้ได้ยินดังนั้น ฟางเซินหัวเราะเสียงดัง หยิบเหรียญตราจากในอกเสื้อมาหนึ่ง มันเป็นสีขาวทุกส่วน ด้านบนมีตัวอักษรเขียนว่าสิบห้า
ขณะส่งให้ซูหมิง จ้าวหมานบูรพาสงบพลันยกมือคว้าอากาศ ตราดังกล่าวลอยเข้ามาทางจ้าวหมานและถูกอยู่ในกำมือ เขาใช้มือซ้ายลบเลขสิบห้าทิ้งแล้วสลักตัวเลขขึ้นมาใหม่
สาม!
ครั้นเห็นตัวเลขดังกล่าว ผู้นำนักรบขั้นชำระล้างแววตาเป็นประกายอย่างที่ไม่อาจสังเกต จ้าวเผ่าบูรพาสงบยิ้มเล็กน้อย ผู้คนรอบข้างโดยเฉพาะแขกพิเศษสองคนมองซูหมิงอีกครั้ง
ซูหมิงไม่เข้าใจ แต่ก็พอคาดเดาเงื่อนงำได้บ้าง เห็นไม่มีใครอธิบายเขาจึงไม่ถาม รับตราจากจ้าวหมานบูรพาสงบแล้วใส่ไว้ในอกเสื้อ
“โม่เจีย เชิญนั่งข้างใน พวกข้าจะเปิดเส้นทางลับภูเขาหานส่งพวกเจ้าสามคนเข้าไป” จ้าวหมานบูรพาสงบมองซูหมิงพลางกล่าวเรียบๆ
คำว่า เจีย เป็นคำเรียกต่อแขกพิเศษในชนเผ่าด้วยความเคารพ แสดงถึงความเป็นมิตร
ซูหมิงประสานมือคารวะก่อนเดินเข้าไปในวงล้อม แขกพิเศษที่มีฐานะเหมือนกับเขาสองคนรีบยืนขึ้นสื่อความหมายให้ซูหมิงเป็นผู้นำ รอจนเขานั่งลงแล้วจึงค่อยนั่งตาม
“ทั้งสามท่านมิใช่คนนอก อีกทั้งโม่เจียเพิ่งเข้าร่วมกับเผ่าบูรพาสงบ มีเรื่องต้องมอบงานกันอีกเล็กน้อย ฟางเซิน เจ้ามาจัดการเถิด” จ้าวหมานบูรพาสงบหลับตา
ฟางเซินพยักหน้าขานรับ กวาดสายตามองทั้งสามคน สีหน้าจริงจังเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสียงเบา
“สหายเฉินกับสหายตงฟางน่าจะเข้าใจแดนลับภูเขาหานแล้ว ส่วนสหายโม่น่าจะยังไม่ทราบ เส้นทางลับเมืองเขาหานตรงเข้าสู่เหวลึกใต้เมืองเขาหาน พื้นที่ของมันค่อนข้างใหญ่ มีผนึกทรงพลัง ผนึกดังกล่าวมีเพียงช่วงวันสร้างบรรพกาลที่หมอกลงหนาเท่านั้นจึงจะอ่อนแอลง
หลายร้อยปีก่อนเมืองเขาหานเป็นของเผ่าเขาหาน เส้นทางลับสร้างขึ้นจากพวกเขา ใต้เหวลึกที่ว่าเป็นแดนนั่งฌานละสังขารของบรรพบุรุษเขาหาน!
บรรพบุรุษเขาหานมีพลังน่าสะพรึง หลายท่านคงจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว หวังว่าพวกท่านจะไม่ขบขัน ตอนนั้นเผ่าบูรพาสงบเราเป็นบริวารเผ่าเขาหาน ตอนนี้แม้จะเป็นจ้าวเมืองเขาหานก็ตาม ทว่าก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแดนนั่งฌานละสังขารอย่างถ่องแท้
นี่มีส่วนเกี่ยวกับผนึกภายในและช่วงเวลาสั้นๆ ที่เข้าไป และสิ่งสำคัญที่สุดคือบูรพาสงบ เหยียนฉือ และผู่เชียงสามชนเผ่าจะได้รับผลกระทบจากผนึกภายใน ขั้นพลังถูกจำกัด และทุกครั้งที่เปิดเส้นทางลับ แต่ละเผ่าจะส่งชาวเผ่าเข้าไปได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น หากเข้าไปสองจะต้องมีหนึ่งคนตาย
ทว่าคนนอกสายเลือดสามชนเผ่ากลับไม่มีขีดจำกัดในเรื่องนั้น นี่เป็นสาเหตุที่เผ่าบูรพาสงบทุ่มพลังเพื่อดึงดูดแขกพิเศษ หลายปีมานี้แขกพิเศษที่เข้าไปบ้างตายตก บ้างก็ได้รับโอกาสดีๆ
เป็นตายไม่ว่า ร่ำรวยมีเกียรติอยู่ที่คน
พวกท่านเป็นแขกพิเศษเผ่าของบูรพาสงบ สิ่งที่เผ่าเรามอบให้พวกท่านคือโอกาส ทุกอย่างที่พวกท่านได้มาในนั้นเผ่าเราจะไม่แทรกแทรง ทว่ามีเพียงสองเงื่อนไข!
หนึ่ง สิ่งของที่อยู่ในรายชื่อของเผ่าเรา พวกท่านต้องนำกลับมาเป็นอย่างน้อย หากนำกลับมาได้มากกว่านั้นย่อมมีรางวัลขอบคุณ ส่วนตำแหน่งคร่าวๆ ของพวกมันมีในแผ่นไม้ไผ่บันทึกแล้ว พวกท่านพิจารณาเลือกได้” ขณะฟางเซินกล่าว ข้างกายมีคนหยิบไม้ไผ่บันทึกมาสามแผ่นส่งให้พวกซูหมิงสามคน
“สอง ถึงอย่างไรข้างในก็เป็นแดนนั่งฌานละสังขารของบรรพบุรุษเขาหาน ในนั้นมีผนึกสองส่วน ส่วนแรกจะอ่อนลงเพราะหมอกในช่วงวันสร้างบรรพกาล ทำให้พวกท่านเข้าไปได้ ทว่าผนึกที่สองเป็นตรงใจกลางสุด นั่นคือสุสาน
ด้านนอกสุสานมีหอคอยสามแห่ง สีขาวเป็นของเผ่าบูรพาสงบ พวกท่านต้องไปที่นั่นแล้วส่งพลังโลหิตทั้งหมดเข้าไป ไม่ต้องกังวลว่าหลังจากส่งพลังโลหิตเข้าไปแล้วจะเกิดอันตราย เพราะหลังจากโลหิตถูกสูบเข้าไปในหอคอย พวกท่านจะกลับมาอยู่ตรงนี้
อีกทั้งเผ่าเราไม่คิดทำเรื่องเป็นอันตรายต่อพวกท่านอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเราก็ทำมาช้านาน หากทำผิดกฎ จากนี้ไปก็จะไม่มีใครช่วยพวกเราอีก
มีแค่สองเงื่อนไขนี้เท่านั้น ส่วนวัตถุหรือโชคที่พวกท่านได้มานอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นโอกาสของแต่ละคน ข้าจะบอกทั้งสามท่านว่าในแดนเหวลึกยังมีวัตถุที่ใส่ไปพร้อมกับสุสานของบรรพบุรุษไม่น้อย จะได้มาหรือไม่นั้นก็ต้องดูที่โชคชะตาของพวกท่าน”
ฟางเซินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกท่านสามคนเป็นกลุ่มที่สาม ตามสัญญากับอีกสองชนเผ่าแล้ว ทุกครั้งที่เปิดเส้นทางลับ แขกพิเศษจะเข้าไปได้มากสุดสิบคน หลังจากพวกท่านยังมีอีกสองสามคนตามเข้าไปทีหลัง ความอันตรายในเหวลึก นอกจากผนึกแล้ว ที่มากกว่าคืออีกสองชนเผ่า จะต้องดูแลตัวเองให้ดี” ฟางเซินมองซูหมิงแวบหนึ่ง ขณะยกมือขวา ลำแสงอ่อนนุ่มสามกลุ่มลอยมาจากแขนเสื้อเขา
ภายในกลุ่มแสงทั้งสามมีศาสตราวุธหมานลอยขึ้นสามชนิด เป็นท่อนไม้สีเทาหนึ่งชิ้น ดาบกระดูกสีขาวหนึ่งชิ้น ด้านบนราวกับมีวิญญาณร้องโหยหวนจำนวนมาก แผดเสียงคำรามไร้เสียง ชิ้นสุดท้ายเป็นแส้สีดำ มันม้วนเข้าด้วยกันจนมองดูเหมือนอสรพิษ
“สำหรับผู้เข้าไปในแดนลับภูเขาหาน เผ่าบูรพาสงบมีของตอบแทนให้ สามอย่างนี้แม้เป็นศาสตราวุธหมานเลียนแบบทว่ามีอานุภาพไม่ธรรมดา หลังจากสามท่านเลือกเสร็จแล้ว พวกข้าจะเปิดเส้นทางส่งพวกท่านเข้าไป” ขณะฟางเซินกล่าว ก็ส่งสายตามองซูหมิงอีกครั้ง
ซูหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิ หน้ากากเป็นสีดำทึบ ผู้อื่นมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นเพียงความเย็นชาจากดวงตาทั้งสองข้าง ทั้งสองคนข้างกายลังเลครู่หนึ่ง ก่อนชายชราจะยิ้มมองซูหมิง ประสานมือคารวะกล่าว “สหายโม่เชิญก่อน”
“ไม่ผิด สหายโม่เชิญ” แขกพิเศษอีกคนซึ่งเป็นชายหนุ่มแซ่เฉินอมยิ้มกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่โม่ต้องขอบใจท่านทั้งสอง” ซูหมิงยกมือขวาคว้าอากาศไปทางแส้ประดุจอสรพิษดำ แส้พลันสั่นไหวตรงเข้ามาทางซูหมิง บินวนอยู่ตรงมือขวาเขา ปล่อยไอร้อนเล็กน้อย
เมื่อชายชรากับชายหนุ่มแซ่เฉินเลือกเสร็จแล้ว จ้าวหมานบูรพาสงบจึงลืมตา ใช้สองมือกดไปบนพื้นดิน ขณะเดียวกันคนที่เหลือต่างทยอยกันทำเช่นนี้ แม้แต่ผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบที่เคารพยำเกรงซูหมิงยังกลับมานั่งที่เดิม สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วใช้สองมือกดแผ่นดิน
เมื่อทุกคนใช้สองมือกดแผ่นดินแล้ว ยอดเขาพลันสั่นสะเทือน หมอกขาวหลายกลุ่มลอยเข้ามาปกคลุมยอดเขาในชั่วพริบตา ซูหมิงเพ่งสมาธิมอง พบว่าหมอกขาวก้อนใหญ่กำลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลายเป็นเทวรูปหมานใหญ่ยักษ์!
เทวรูปหมานสูงเกือบหนึ่งร้อยจั้ง ลอยอยู่กลางอากาศ มันมิใช่ลักษณะคนแต่เป็นวัวขาวตัวยักษ์! บนเขาแหลมของมันมีกระดิ่งสองใบ หนึ่งเป็นขาวอีกหนึ่งเป็นดำ สั่นไหวเล็กน้อยเกิดเป็นเสียงกระดิ่งดังกังวาน
ในช่วงที่วัวขาวปรากฏตัว ชาวเผ่าบูรพาสงบบนภูเขาล้วนคุกเข่าลงกับพื้นคารวะวัวบนท้องฟ้า ทั้งยังมีเสียงพึมพำดังกังวาน
ในกลุ่มคน ชางหลันคุกเข่าลงข้างหนึ่งพลางแหงนหน้ามองวัวขาว นางทราบดีว่านี่เป็นหนึ่งในสี่เทวรูปหมานของเผ่าบูรพาสงบ โคสวรรค์!
ต่อให้นางเป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ เห็นเทวรูปหมานของเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์มามากมาย ทว่านางก็ยังคงเคารพวัถตุบ้านเกิดของตัวเอง เพียงแต่ยามนี้ในใจของนาง นอกจากความเคารพต่อเทวรูปหมานแล้วยังมีความซับซ้อนและเห็นใจต่อซูหมิงที่กำลังเข้าร่วมพิธีอยู่บนยอดเขา
‘เจ้าลืมความทรงจำของเจ้า…บางที…อาจถูกคนลบไป…’ ชางหลันตัวสั่น นางนึกถึงทุกอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้ ใบหน้าขาวซีดอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่ชาวเผ่าบูรพาสงบบนยอดเขาเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ ห่างออกไปไกล ชาวเผ่าทุกคนบนยอดเขาในเขตบูรพาสงบล้วนคารวะวัวบนท้องฟ้า
โคสวรรค์ยักษ์แหงนหน้าร้องขึ้นฟ้า บริเวณที่พวกจ้าวหมานบูรพาสงบยืนอยู่บนยอดเขา เบื้องล่างพลันมีลำแสงขยับวูบวาบเด่นชัด
แสงนั้นส่องสว่างอยู่หลายอึดใจ ค่อยๆ เลือนหาย ร่างพวกซูหมิงสามคนหายวับไป
ผ่านไปนาน โคสวรรค์จึงกลายเป็นไอขาวแล้วจางหายไปจากท้องฟ้า ทุกอย่างกลับมาเป็นดังเดิม
บนที่ราบยอดเขา คนทั้งเจ็ดที่รวมจ้าวหมานบูรพาสงบพากันยกสองมือขึ้นล้วนเงียบขรึมไม่กล่าวสิ่งใด จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง จ้าวหมานบูรพาสงบชายชราเส้นผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าสงสัยอะไร…คนชื่อโม่ซู เมื่อครู่ที่เขาสังหารโจวเยวี่ย สิ่งที่เขาใช้คือพลังจากศาสตราวุธหมานในร่างกาย อีกทั้งตั้งแต่เริ่ม ข้าสัมผัสไม่ได้ว่าเขาใช้หินวิญาณ น่าจะไม่เกี่ยวกับอวี๋เนี่ยแห่งเขาหาน”
“ไม่เกี่ยวกับอวี๋เนี่ยแห่งเขาหานก็ดี แต่ว่าขั้นพลังของเขามันแปลกๆ ไม่เหมือนกับชำระล้าง ทว่ากลับมีศาสตราวุธหมานประจำตัว และยังมีเคล็ดวิชาความละเอียดอ่อนของขั้นชำระล้าง…อีกทั้งความเร็วของเขา…” คนที่กล่าวคือผู้นำนักรบ เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้
“ชางหลันเคยบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เขาเคยทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างขั้นพลังจึงตกหล่น” ฟางเซินกล่าวแทรกคำพูดของผู้นำนักรบ
ผู้นำนักรบเห็นฟางเซินกล่าว จึงเงียบ
“การคาดเดาของหานชางจื่อเหมือนกับข้า เขามีความเป็นได้สูงที่จะเป็นเช่นนั้น ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะมีประวัติเป็นอย่างไร ขอแค่ไม่มีจิตใจชั่วร้าย ลองให้เขาอยู่ก่อนก็ได้ พวกเจ้าถอยไปเถอะ” ความหยั่งลึกในดวงตาจ้าวหมานบูรพาสงบราวกับซ่อนความรู้สึกที่ผู้อื่นไม่ทราบเอาไว้ เขากล่าวเรียบๆ
ทุกคนขานรับแล้วทยอยกันแยกตัวไป
“คนที่หานชางจื่อสนใจ…นอกจากเขาในตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ยังปรากฏมาอีกคน…ไม่รู้ว่าโม่ซูคนนี้จะเหมือนเขาในตอนนั้นหรือไม่ มีพรสวรรค์โดดเด่นถึงเพียงนั้น…อีกอย่างในตัวโม่ซู…มีความรู้สึกเหมือนเห็นเขาในตอนนั้น…” จ้าวหมานบูรพาสงบอยู่บนลานยอดเขาเพียงลำพัง กล่าวพึมพำแล้วยิ้มมุมปาก