Skip to content

สู่วิถีอสุรา 154

ตอนที่ 154 เทพหมาน

“สหายหนานหมายความว่าอย่างไร?” ซูหมิงอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิมองหนานเทียน

ตงฟางหวาสีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ ยืนอยู่ด้านข้าง หัวใจเต้นแรง เขาคิดว่าตอนนี้เขามีโอกาสครั้งใหญ่แล้ว โอกาสที่ว่ามิใช่สมบัติล้ำค่าอะไร แต่เป็นโม่ซูตรงหน้า

‘ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำให้ท่านหนานเทียนปฏิบัติเหมือนอยู่ในระดับเดียวกัน อีกทั้งคำพูดของท่านหนานเทียนเห็นได้ชัดว่าเกรงใจอย่างมาก บุคคลนี้…ท่านโม่ซู หากข้าได้ติดตามเขาจะต้องเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน’ ตงฟางหวาสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาด

“สหายโม่ ตอนนี้พละกำลังของพวกเราอ่อนแอ ยากจะต่อกรกับพวกเผ่าเหยียนฉือ ทว่าหากเสวียนหลุนมาคำพูดของพวกเราสามคนจะมีน้ำหนัก ครั้งนี้เผ่าเหยียนฉือลงมืออย่างเต็มที่ เกรงว่าตอนนี้เผ่าบูรพาสงบกับเผ่าผู่เชียงยังไม่รู้ตัว นี่สำหรับเราแล้วถือเป็นโอกาส! ในแดนนั่งฌานละสังขารของบรรพบุรุษเขาหาน หากเราไม่ได้อะไรกลับไปบ้างก็เท่ากับมาเสียเปล่า” หนานเทียนทีเล่นทีจริง มองซูหมิง

“เรื่องนี้ต้องปรึกษาหารือกันก่อน” ซูหมิงขบคิด มิได้ตอบตกลงในทันที

หนานเทียนได้ยินดังนั้นจึงเผยรอยยิ้ม พยักหน้าไม่กล่าวต่อ แต่หลับตา

กระดูกหกชิ้นตรงหน้าลอยขึ้นอีกครั้ง โคจรรอบตัวเขาอย่างเชื่องช้า ส่วนโฉ่วนู่ก็นั่งลงข้างกายเพื่อคุ้มกันเขาเช่นกัน

โดยรอบเริ่มเงียบสงบ มีสายลมอ่อนพัดผ่านเข้ามาประปราย กระทบตัว เส้นผมปลิวไสวเบาๆ ละใบหน้าจนเกิดความรู้สึกคันเล็กน้อย ซูหมิงนั่งอยู่ตรงนั้น แหงนหน้ามองท้องฟ้าดาวทอประกายบนหุบเขา สีหน้าสงบนิ่งตกอยู่ในห้วงความคิด

“ทะ….ท่านโม่ซู นี่เป็นสมุนไพรที่ข้าหามาได้ในครั้งนี้”

ตงฟางหวามองซูหมิง ในตัวซูหมิงยามนี้มอบความรู้สึกสงบนิ่ง

ทว่าแม้แต่ตงฟางหวาเองก็ไม่อาจอธิบายได้ ภายในความสงบนิ่งราวกับมีความเจ็บปวด เขาหยิบสมุนไพรแทบทั้งหมดวางไว้ตรงหน้าซูหมิงด้วยความนอบน้อม

“ข้าไม่มั่นใจว่าจะพาเจ้าออกไปได้อย่างปลอดภัย” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยมันก็ดีกว่าข้างนอก” ตงฟางหวาถอนหายใจ กล่าวเสียงเบา

ซูหมิงไม่กล่าวต่อ เพียงมองท้องฟ้าดาวทอประกายพลางรักษาบาดแผลอย่างเงียบๆ อาการบาดเจ็บตรงหน้าอกเขาหนักมากที่สุด คงไม่อาจหายดีได้ในเวลาอันสั้น ขณะเดียวกันเขายังต้องสูบพลังวิญญาณจากฟ้าดินรอบตัวหลั่งทะลักเข้าสู่เส้นเลือดลมในร่างกาย

แต่ขณะโคจรรอบตัวกลับเกิดความรู้สึกติดขัดตรงระหว่างคิ้วเล็กน้อยทุกครั้ง เขาสัมผัสได้ว่ารอยด่างสามจุดบนกระบี่เล็กเป็นสาเหตุที่ทำให้การโคจรพลังวิญญาณช้าลง

เวลาค่อยๆ ผ่านไป สี่คนท่ามกลางหุบเขาเข้าสู่ความเงียบ ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด โฉ่วนู่กับตงฟางหวาเป็นผู้ติดตาม หากหนานเทียนกับซูหมิงไม่กล่าวก่อน พวกเขาก็จะเงียบ

ราวสิบชั่วยามผ่านไปเกือบจะผ่านพ้นไปหนึ่งวัน ท้องฟ้ายังคนเป็นดาวทอประกายผืนเดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ซูหมิงยังคงมองท้องฟ้า มันประทับลึกเข้าไปในจิตใจของเขา

“สหายโม่สนใจท้องฟ้านี้หรือ?” หนานเทียนทำลายความเงียบ ความจริงแล้วเขาแอบสังเกตซูหมิงอยู่นาน ในความคิดเขาขั้นพลังของซูหมิงมิใช่ชำระล้าง ทว่าความรู้สึกถึงอันตรายกลับเด่นชัดยิ่งนัก ทำให้เขาต้องให้ความสนใจ ฉะนั้นจึงเฝ้าสังเกตอย่างเงียบๆ

“ท้องฟ้าผืนนี้ ไม่ใช่ค่ำคืนของแดนรุ่งเช้าตอนใต้” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

“แน่นอน ท้องฟ้าผืนนี้บรรพบุรุษเขาหานสร้างขึ้นด้วยเคล็ดวิชาของเขา อีกทั้งแซ่หนานยังทราบมาอีกว่า ท้องฟ้าผืนนี้เกี่ยวกับประวัติลึกลับของบรรพบุรุษเขาหานโดยตรง ตำนานเล่าว่าเขามาจากต่างแดน บางทีท้องฟ้าผืนนี้อาจเป็นของจากต่างแดน” หนานเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา

“ต่างแดน…” ซูหมิงพึมพำ

“ตำนานเล่าว่าต่างแดนเป็นสถานที่มหัศจรรย์ ข้าไม่เคยไป เพียงแต่เคยได้ยินมาบ้างเท่านั้น หากสหายโม่สนใจ แซ่หนานจะเล่าให้ฟังเพื่อฆ่าเวลา” หนานเทียนยิ้ม

“ตอนแรกที่ข้าเข้ามานี่ก็ตกใจท้องฟ้าผืนนี้เหมือนกัน หลังจากกลับไปแล้วก็ตามหาคัมภีร์ที่เกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ จึงค่อยๆ เข้าใจมันมากขึ้น จะพูดถึงต่างแดนก็คงต้องพูดถึงเทพเจ้าของเผ่าหมาน……เทพหมาน!

เทพหมานเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหมาน เป็นที่กราบไหว้ของชาวเผ่าหมานทุกคน เขาเป็นเทพเจ้าของพวกเรา เป็นผู้ปกปักของพวกเรา…และยังมีตำนานเล่าถึงเทพหมานรุ่นหนึ่ง ขั้นพลังของเขาถึงจุดที่เราไม่อาจจินตนาการได้ ตอนนั้นเป็นยุคสมัยที่ชาวเผ่าหมานรุ่งเรืองมากที่สุด…

เขานำพานักรบจากหลายชนเผ่าออกจากแดนแห่งนี้ และเป็นตอนนั้นเองที่มีข่าวของต่างแดน เดิมทีนอกแผ่นดินใหญ่ของชาวเผ่าหมานยังมีดินแดนอีกมากมาย…ข้าไม่อาจจินตนาการได้และก็ไม่ค่อยเชื่อด้วย…..ในคัมภีร์ที่ข้าเห็นได้กล่าวอธิบายถึงยุคสมัยในตำนานนี้” หนานเทียนมีสีหน้าลังเลใจเล็กน้อย ทว่าก็ยังดูตื่นเต้น

“สหายโม่ ในคัมภีร์ที่ข้าเห็นเกี่ยวกับยุคสมัยในตำนานที่ว่า มิได้บันทึกเวลาเอาไว้อย่างละเอียด มีเพียงประโยคเดียวที่อธิบายคือ….หมื่นแดนกราบไหว้!”

ซูหมิงตื่นตะลึง พลันเงยหน้ามองหนานเทียน ไม่ใช่แค่เขา เห็นได้ชัดว่าโฉ่วนู่เป็นคนแรกที่ได้ยิน มีเพียงตงฟางหวาที่ก้มหน้าลง มองไม่เห็นสีหน้า

“หมื่นแดนกราบไหว้…” ซูหมิงพึมพำ

สี่ตัวอักษรง่ายๆ ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยคลื่นยักษ์และอำนาจบาตรใหญ่สะเทือนฟ้าดิน ทำให้ในความคิดเขาราวกับเปิดม่านออก ภายในม่านเขาเห็นเป็นยุคสมัยในตำนาน เทพหมานอยู่บนฟ้า ผู้คนจากต่างแดนจำนวนมากล้วนคุกเข่ากราบไหว้

“มันเหลือเชื่อมาก เสียดายจริงๆ ที่ข้าไม่ได้เกิดในยุคนั้น” หนานเทียนหัวเราะแห้งๆ

“ใช่แล้ว ไม่ว่าแสงแห่งความรุ่งโรจน์ใดๆ ย่อมมีวันดับ การตายของเทพหมานรุ่นหนึ่งทำให้หมื่นแดนกราบไหว้ในคัมภีร์กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง[ 1 ]ทว่าหลายปีต่อมา เมื่อเทพหมานรุ่นสองปรากฎ การปรากฎตัวของเขาทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ตำนานเล่าว่าชาวเผ่าหมานถูกแบ่งเป็นห้าส่วนก็เพราะเขา!

หลังจากเขาสิ้นลงศพถูกแบ่งเป็นห้าส่วน ฝังอยู่ในแผ่นดินใหญ่ทั้งห้าของเผ่าหมาน…..

ศีรษะของเขาอยู่ต่างแดน ไม่รู้ว่าอยู่ใด…ยุคบรรพกาลก็มีที่มาเป็นเช่นนี้

ตำนานยังเล่าอีกว่ามีคนพิเศษบางกลุ่ม ในวันสุดท้ายของช่วงสร้างบรรพกาลจะได้ยินเสียงคำรามจากยมโลกบนแผ่นดินหมาน นั่นคือเสียงของเทพหมานรุ่นสอง คนที่ได้ยินเสียงเหล่านั้นอาจมีบางคนได้เป็นเทพหมานรุ่นสี่ เผ่าหมานของพวกเราเฝ้ารอคอยเทพหมานรุ่นสี่มาโดยตลอด…ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ตำนาน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน คนอื่นๆ ก็เช่นกัน” หนานเทียนกล่าวเสียงเบา

“แล้วเทหหมานรุ่นสาม?”

“นั่นก็เป็นจุดที่แปลกเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้ายังไม่มากพอที่จะสืบหาคัมภีร์มากกว่านี้ได้ ในบันทึกเกี่ยวกับเทพหมานที่ข้าพบขาดไปเพียงเทพหมานรุ่นสาม กล่าวเพียงว่าเขาถือกำเนิดได้ไม่นานก็สิ้นลง นอกจากนี้แล้วบันทึกยังกล่าวอีกว่าเทพหมานรุ่นสามมาจากราชวงศ์ต้าอวี๋แห่งดินแดนหมานกลาง”

หนานเทียนส่ายศีรษะกล่าว

ซูหมิงได้ยินดังนั้น เขาตัวสั่นเล็กน้อยและเสียการควบคุม หนานเทียนสังเกตเห็นจึงเกิดความสงสัย

“สหายโม่ เจ้าเป็นอะไร?”

“ไม่มีอะไร” ซูหมิงหลับตา ปกปิดความตื่นตะลึง…และหวาดกลัวในแววตา

‘ที่แท้เทพหมานมิได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีเป็นยุคสมัย……ทว่าเหตุใดเขาถึงไม่กล่าวเรื่องหมานเพลิง เทพหมานที่ผนึกชนเผ่าหมานเพลิงเป็นรุ่นที่เท่าไร…เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั้งแดนหมาน เหตุใดหนานเทียนถึงไม่กล่าว…บางมีอาจเป็นความต่างระหว่างดินแดน จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ……’

ไม่บ่อยนักที่จิตใจของเขาจะสับสนเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในความคิดถึงมีภาพชางหลันมองเขาด้วยสายตาซับซ้อนและเห็นใจวนซ้ำไปมา

‘ตอนที่เจ้านึกอะไรออก…..มาหาข้าได้ที่สำนักเหมันต์สวรรค์’ ซูหมิงพลันลืมตา ภายในไม่กี่ลมหายใจ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาหันหน้ากลับมองไปนอกหุบเขา

นัยน์ตาหนานเทียนเป็นแอบประกาย เขารู้สึกว่าโม่ซูตรงหน้ามีบางอย่างผิดแปลก ขณะกำลังขบคิด สีหน้าพลันเปลี่ยน หนานเทียนเงยหน้ามองไปนอกหุบเขา ไม่นานจิตใจเขาสั่นไหวแล้วกวาดสายตามองซูหมิง

‘มีไหวพริบดีจริงๆ แม้ว่าเมื่อครู่จะตกตะลึงกับคำพูดของข้า ทว่ากลับสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่นอกหุบเขาก่อนข้าอีก…..หากเป็นตอนจิตใจเขาสงบนิ่งเล่า……บุคคลนี้ จะต้องผูกมิตรเอาไว้’ หนานเทียนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

ยามนี้มีน้ำเสียงเย็นชาดังเข้ามา ประดุจฉีกหุบเขาออกเป็นสองซีก ทะลวงผ่านเข้ามา

“หนานเทียน แซ่เสวียนมาแล้ว!”

น้ำเสียงดังกล่าวประดุจสายฟ้าแลบ ขณะเสียงดังแว่วเข้ามาพบว่ามีเงาสองคนปรากฎตัวอยู่นอกหุบเขาแล้วเดินเข้ามาทีละก้าว คนหน้าสุดคือเสวียนหลุน สีหน้ามืดครึ้ม ขมวดคิ้ว ด้านหลังเขาเป็นชายชราโลหิตอาบไปทั้งตัว มีบาดแผลจำนวนมาก ใบหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่าผ่านการสู้รบมาอย่างหนักหน่วง

“สหายเสวียนมา แซ่หนานรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก” หนานเทียนยิ้ม ยันกายจากท่านั่งขัดสมาธิ ประสานมือคารวะเสวียนหลุน

เสวียนหลุนมีใบหน้าบึ้งตึงตลอด ในช่วงที่เดินเข้ามาเหลือบเห็นซูหมิง นัยน์ตาฉายแววเย็นชา

“เจ้าเปิดเผยกลิ่นอายพลังเช่นนี้ นอกจากบอกพวกเผ่าเหยียนฉือว่าเจ้าอยู่นี่แล้ว ยังต้องการบอกข้าด้วยใช่หรือไม่ เจ้ามั่นใจกี่ส่วนกันว่าเผ่าเหยียนฉือจะไม่มาหาเจ้า?” เสวียนหลุนแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา

“หากที่นี่นอกจากเผ่าเหยียนฉือแล้วมีข้าเป็นชำระล้างเพียงคนเดียว แซ่หนานย่อมไม่กล้าทำเช่นนี้ ทว่ามีสหายเสวียนอยู่ ข้าย่อมมีความกล้า” หนานเทียนยิ้ม ไม่ถือสาน้ำเสียงของเสวียนหลุน

“แผนการของเจ้าค่อยว่ากันทีหลัง ที่นี่ไม่เลว ทว่ามีคนอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย เจ้าจะถอดหน้ากากหรือจะไสหัวไปจากที่นี่!” เสวียนหลุนกล่าวด้วยความเย็นชา กวาดสายตามองซูหมิง เขาไม่ถูกชะตากับบุคคลนี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนพบกันในเส้นทางลับหรือว่าตอนนี้ ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม

หนานเทียนตกตะลึง กวาดสายตามองเสวียนหลุนกับซูหมิงที่อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ลังเลครู่หนึ่งจึงกล่าวกับเสวียนหลุน “สหายเสวียน เจ้ามีความแค้นกับสหายโม่รึ?”

[ 1 ] คลื่นกระทบฝั่ง หมายถึง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ ทว่ากลับเงียบหายไปเฉยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!