Skip to content

สู่วิถีอสุรา 16

ตอนที่ 16 ลวดลายแห่งหมาน

“ท่านปู่ ไม่ใช่เช่นนั้น พวกมันข่มเหงรังแกผู้อื่น แถมยังจับตัวเสี่ยวหงไปอีก” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา

“พวกมัน?” ท่านปู่งุนงง

“ลำดับสองขั้นรวมโลหิตหนึ่งคน ลำดับสามขั้นรวมโลหิตอีกหนึ่งคน” ซูหมิงปิดฝาขวดเล็ก วางไว้บนโต๊ะด้านข้าง

“เผ่าภูผาดำ? เจ้าหนีมาได้อย่างไร?” นัยน์ตาท่านปู่เป็นประกาย ทั้งยังแฝงความเย็นเยือก

“ข้าไม่ได้หนี พวกมันตายแล้ว” ซูหมิงแหงนหน้าขึ้นมองท่านปู่

ท่านปู่นิ่งอึ้ง สีหน้าเปลี่ยนไป ตกอยู่ในห้วงความคิดครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ซักถามอะไรมาก สำหรับเขาแล้ว ซูหมิงเป็นเหมือนบุตรชายของตน เฝ้าดูอีกฝ่ายเติบใหญ่มาตั้งแต่เล็ก จึงทราบถึงนิสัยดี

“เจ้าคงจะเจอพวกมันที่ยอดเขาเพลิงทมิฬ สารที่เจ้าส่งมาครั้งก่อนช่วยเผ่าเราได้มาก เรื่องนี้ต้องได้รางวัลตอบแทน แต่ว่าเจ้าปิดบังเรื่องตนเป็นนักรบหมาน รางวัลเลยถูกยกเลิกไป ในเมื่อเจ้าเป็นนักรบหมานแล้ว เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่เสีย ปู่จะเล่าเรื่องประสบการณ์การฝึกพลังหมานให้เจ้าฟัง อีกทั้งจะช่วยเจ้าจัดเส้นเลือดในกายให้เป็นระเบียบด้วย” ท่านปู่มองซูหมิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง

“ท่านปู่….” ซูหมิงเกาศีรษะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเบา “ข้าผิดไปแล้ว ท่านไม่ถามหรือว่าเหตุใดข้าถึงเป็นนักรบหมานได้?”

“จะถามให้มากความเพื่ออะไร ทุกคนย่อมมีความลับของตน แค่ปู่รู้ว่าเจ้าเป็นนักรบหมานก็เพียงพอแล้ว!” ท่านปู่ยิ้ม ท่าทางดูสบายใจยิ่งนัก

ซูหมิงน้ำตาซึม เขามองท่านปู่แล้วพยักหน้ารับเงียบๆ เขาไม่อาจลืมบุญคุณของท่านปู่ ไม่อาจลืมเรื่องน้ำลายมังกรทมิฬในร่างของตนได้ ทุกสิ่งตีตราลงบนสมองและวิญญาณของเขา

“ท่านปู่ ข้ามี…เม็ดโอสถ…” ซูหมิงมองท่านปู่พลางกล่าวเสียงเบา

“เม็ดโอสถ?” ท่านปู่งุนงง ก่อนโคลงศีรษะหัวเราะ

“โอสถที่เจ้าว่าคงเป็นสมุนไพร ปู่รู้ว่าเจ้าต้องมีสมุนไพรหายากอยู่ แต่ว่าปู่เป็นจ้าวหมานแห่งเผ่าเขาทมิฬ นอกจากสมุนไพรที่หายากยิ่งแล้ว ไม่มี.…หืม!”

ท่านปู่ยังไม่ทันกล่าวจบ ซูหมิงหยิบขวดเล็กออกมาสองขวด เปิดฝาแล้ววางไว้เบื้องหน้าท่านปู่

ในขวดทั้งสองเป็นเม็ดโอสถสีเขียวราวสิบกว่าเม็ด ส่งกลิ่นหอมสมุนไพรคละคลุ้ง

นัยน์ตาท่านปู่ฉายแสงประกาย สีหน้าเคร่งทันใด หยิบขวดเล็กที่บรรจุเม็ดโอสถขึ้นแล้วพิจารณาสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นอย่างละเอียด ลองสูดดมกลิ่น ทันใดนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน

“มีคุณสมบัติที่แปลกมาก ลองดมแล้วรู้สึกราวกับโลหิตในร่างโคจรได้เร็วขึ้น!”

ท่านปู่พึมพำ ตั้งสมาธิมองมัน เขาหลับตาอยู่ในห้วงความคิดอยู่นานก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วมองมาที่ซูหมิง

“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าเม็ดโอสถ?”

ซูหมิงพยักหน้า ชี้ขวดเล็กพร้อมเริ่มอธิบายวิธีการใช้และสรรพคุณของมัน ท่านปู่สูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากฟังได้เพียงครึ่งหนึ่ง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมาก

ท่านปู่สะบัดมือขวาไปเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล ตรงหน้าซูหมิงปรากฏภาพมายาเทวรูปแห่งหมานที่เลือนราง รูปร่างของมันเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์เหมือนกับเทวรูปแห่งเผ่าเขาทมิฬ!

เมื่อเทวรูปหมานปรากฎขึ้น พลังอ่อนโยนแผ่ขยายไปรอบทิศ ปกคลุมไปทั่วทั้งเรือน

“ว่าต่อไป” ซูหมิงมองสีหน้าเคร่งขรึมของท่านปู่ หัวใจเต้นตึกตัก ก่อนกล่าวถึงสรรพคุณของโอสถชำระล้างทั้งหมด

ท่านปู่ยันกายขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิ หลังฟังซูหมิงเล่าจบ เขาจึงเทโอสถชำระล้างออกมาหนึ่งเม็ด เพ่งมองอยู่นานก่อนกลืนลงไป เขาเชื่อใจซูหมิงและยิ่งไม่มีความลังเลใดๆ จากนั้นจึงหยิบขวดเล็กสีม่วงขึ้นมาแล้วดื่มไปหนึ่งอึก ด้านในมีน้ำสมุนไพรหลายหยด

ท่านปู่ลงนั่งขัดสมาธิอีกครั้ง ไม่นานในกายขับแสงโลหิตวูบไหวจำนวนมหาศาล สว่างจ้าลานตาปกคลุมทั่วเรือน ซูหมิงถอยไปหลายก้าว สีหน้าดูเคารพ

บนตัวท่านปู่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแน่นขนัด มองไม่ชัดว่ามีทั้งหมดกี่เส้นกันแน่ ความรู้สึกของโลหิตที่แข็งแกร่งกว่าจ้าวเผ่าเขาทมิฬอบอวลไปทั้งเรือน

ซูหมิงสูดลมหายใจลึก เขามองเทวรูปหมานที่ยามนี้เปล่งแสงกลางอากาศ เดาว่าหากไม่มีเทวรูปแห่งหมาน เกรงว่าแสงจากท่านปู่คงแผ่กระจายไปทั่วชนเผ่า กระทั่งไกลออกไปก็อาจมองเห็นได้

ลำแสงปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะ และหายไปรวดเร็วเช่นกัน สักครู่ท่านปู่เบิกตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาแฝงความตื่นเต้น มองโอสถชำระล้างพลางสูดลมหายใจเข้าลึก แสงสีแดงรอบกายหายไปสิ้น

“ซูหมิง เจ้าต้องจำเรื่องหนึ่งเอาไว้!” ท่านปู่แหงนหน้ามองซูหมิง

สีหน้าซูหมิงเคร่งขรึม ตั้งใจฟังด้วยความเคารพ

“เรื่องเม็ดโอสถนี้ จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้ปู่จะถามเจ้าอีกครั้งก็ห้ามพูด! และจากนี้ไปปู่จะไม่ถามถึงปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก! แม้จะเป็นในเผ่า เจ้าก็ต้องจำไว้ให้มั่น ไม่ว่าใครก็ห้ามบอก! เหลยเฉินก็ไม่ได้!”

ท่านปู่มองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ซูหมิงลังเลอยู่บ้าง

ท่านปู่ถอนหายใจเบาๆ เขาเข้าใจซูหมิง รู้ว่าซูหมิงเป็นคนซื่อสัตย์ จึงได้กำชับอีกครั้ง

“ซูหมิง ฟังปู่ ไม่ว่าใครก็ห้ามบอก!”

ซูหมิงพยักหน้าเงียบๆ แววตาแน่วแน่

“ในเผ่า…ไม่ปลอดภัย….” ท่านปู่พึมพำ ทว่าคำกล่าวของเขาทำให้ซูหมิงตกตะลึง โดยเฉพาะยามนึกถึงตอนที่ท่านปู่ปกปิดพลังของเขาต่อหน้าผู้นำทั้งสามคน

“ในเผ่าของพวกเรามีคนทรยศ! ตอนนี้มีเพียงเจ้ากับปู่และจ้าวเผ่าเท่านั้นที่รู้ เจ้าคนทรยศมันระวังตัวมาก พวกเราไม่รู้เลยว่าเป็นใคร….เมื่อรวมกับข่าวที่เจ้าส่งมา บางทีศัตรูเก่าเผ่าภูผาดำของปู่อาจจะทะลวงพลังแล้วจริงๆ ก็ได้…ปู่รู้สึกว่าหลายวันมานี้บรรยากาศฟ้าดินรอบๆ แปลกไป….เหมือนภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น”

“ซูหมิง เม็ดโอสถของเจ้าไม่ธรรมดา ปู่จะเก็บเอาไว้ เจ้าไม่ต้องเอามาให้อีก หากทะลวงพลังได้จริงๆ เท่าที่มีก็เพียงพอแล้ว หากไม่สำเร็จ ต่อให้มีมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์… ปู่ไม่ขาดสมุนไพร เพียงแต่อุปสรรคนี้ต้องใช้โชคชะตา…” ท่านปู่ถอนหายใจเบาๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องประสบการณ์การฝึกพลังให้ซูหมิงฟัง เล่าจบท่านปู่จึงหยิบสิ่งของพิลึกที่สร้างขึ้นจากไม้ เขามองเจ้าสิ่งนั้น สีหน้าราวกับหวนนึกถึงอดีต

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงส่งของล้ำค่าสิ่งนั้นให้แก่ซูหมิง

“สมัยยังเป็นหนุ่ม ปู่ออกไปฝึกฝนภายนอกแล้วได้สิ่งนี้มา มันเรียกว่าแผ่นไม้บันทึก มีเพียงในเผ่าใหญ่เท่านั้นที่ได้เห็นมัน ในนี้บันทึกข้อมูลสมุนไพรเอาไว้มากมาย เจ้ารับไว้เถอะ”

ซูหมิงรับเอาไว้ และมองด้วยความแปลกใหม่ เขาเก็บมันในอกเสื้อ กำลังจะกล่าวลาท่านปู่แล้วเตรียมกลับเรือนของตน

ทว่าในขณะนั้นเอง กลับเห็นท่านปู่มองมา ดวงตาเป็นประกาย สีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม

“ซูหมิง เจ้าเป็นนักรบหมานแล้วปู่ก็ดีใจนัก แต่เจ้าต้องรู้ไว้ หลังจากก้าวสู่เส้นทางนักรบหมานแล้ว ชีวิตของเจ้าจะไม่เหมือนกับคนธรรมดาอีกต่อไป เส้นทางการฝึกพลังหมานยากเย็นแสนเข็ญ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องความเป็นและความตายอยู่บ่อยครั้ง ตรงนี้เจ้าน่าจะเข้าใจได้จากตอนอยู่บนยอดเขาเพลิงทมิฬแล้ว เพียงแต่พวกเราเผ่าหมานเคยยอมแพ้เพราะกลัวตายหรือเส้นทางเบื้องหน้ายากเข็ญอย่างนั้นรึ? ปู่รู้ความฝันของเจ้า หากเจ้าอยากออกไปจากที่นี่ อยากออกไปดูโลกภายนอก ปู่สนับสนุน!”

ซูหมิงรับฟังอย่างเงียบๆ พยักหน้ารับ

“เจ้าเป็นเด็กกตัญญู ปู่เฝ้าดูเจ้ามาหลายปี ย่อมเข้าใจดี เพียงแต่ขั้นพลังของปู่มีขีดจำกัด คงช่วยเจ้าไม่ได้มาก…แต่ซูหมิงของพวกเรา หากไม่ได้เป็นนักรบหมานก็ไม่เป็นไร แต่หากก้าวสู่เส้นทางการฝึกพลังหมาน ปู่จะขอทุ่มเต็มที่ให้เส้นทางของเจ้าราบรื่น…” ใบหน้าเคร่งขรึมของท่านปู่ค่อยๆ เผยรอยยิ้ม กวักมือเรียกซูหมิง

“มา มานั่งลงข้างหน้าปู่ แล้วโคจรพลังเส้นโลหิตตามแบบที่เจ้าฝึกฝน”

ซูหมิงมองท่านปู่ที่ยามนี้มองมาด้วยความเมตตา เส้นผมขาวดำปะปนกัน ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่น แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทว่าครอบครัวสามารถก้าวผ่านได้ทุกสิ่ง

“ท่านปู่…” ซูหมิงพึมพำ

“ยังไม่รีบเข้ามาอีก” ท่านปู่หัวเราะเสียงดัง

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิเบื้องหน้าท่านปู่ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจึงค่อยๆ โคจรโลหิตในกาย ปรากฏเส้นเลือดหกเส้นขึ้นบนตัว ทั้งยังขยับแสงสีแดงในเวลาเดียวกัน กระทั่งยังมองเห็นเส้นเลือดเส้นที่เจ็ดเลือนราง กำลังค่อยๆ รวมตัวขึ้น

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ซูหมิงยังไม่อาจรวมเส้นเลือดเส้นที่เจ็ดได้ แม้กระทั่งเงายังไม่ปรากฏให้เห็น นั่นเป็นเพราะบาดแผลบอบช้ำภายในของเขา ทว่าหลังได้ท่านปู่ช่วยรักษา ยามโคจรโลหิตจึงปรากฏเส้นเลือดเส้นที่เจ็ดขึ้นโดยธรรมชาติ

“เจ้าได้รับสืบทอดจากเทวรูปแห่งหมาน คงจะทราบแล้วถึงเรื่องนักรบเผ่าหมาน หากคิดจะทะลวงสู่ลำดับสามต้องมีเส้นเลือดสิบเอ็ดเส้น ส่วนลำดับสี่ต้องมีถึงยี่สิบห้าเส้น ลำดับห้าต้องมีห้าสิบสามเส้น ส่วนหลังจากนั้น…จนถึงลำดับสิบเอ็ดขั้นรวมโลหิต ต้องมีเส้นเลือดประมาณเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดเส้น”

“แต่ที่เจ้าไม่รู้คือ จำนวนเส้นเลือดของแต่ละคนจะไม่แน่นอน นักรบหมานส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้ ทว่ายังมีคนอีกพวกหนึ่ง พวกเขาสามารถยกระดับจำนวนเส้นเลือดได้ ยิ่งมีเส้นเลือดมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะทะลวงสู่ขั้นชำระล้างยิ่งมากขึ้นเท่านั้น! ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ตามที่ปู่เข้าใจก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่นักรบหมานที่จะทะลวงสู่ขั้นชำระล้างได้ แทบไม่มีใครเลยในขั้นรวมโลหิตที่มีเส้นเลือดน้อยกว่าเก้าร้อยเส้น! อย่างเช่นจ้าวหมานแห่งเผ่าร่องลม ปู่รู้จักกับเขามานานหลายปี เส้นเลือดของเขาในตอนนั้นมากถึงเก้าร้อยสิบเจ็ดเส้น!”

“ปู่เคยได้ยินมาว่า ในเผ่าขนาดกลางหรือเผ่าขนาดใหญ่บางแห่ง ขั้นรวมโลหิตเคยมีคนที่มีเส้นเลือดเกินเก้าร้อยสามสิบเส้นอยู่ นี่คือขั้นรวมโลหิตของเผ่าหมานอย่างพวกเรา….ในประวัติศาสตร์เผ่าหมานเคยมีคนเปิดเส้นเลือดได้ถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้น คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค”

“กระทั่งยังมีตำนานเล่าว่า หากถึงหนึ่งพันเส้น นั่นเท่ากับทะลวงสู่ขั้นรวมโลหิตอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่ความสมบูรณ์เช่นนั้น นอกจากยุคบรรพชนหมานเมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว ในยุคปัจจุบันนี้หาได้ยากยิ่งนักหรือไม่มีเลยก็ว่าได้ ส่วนรูปธรรมเป็นอย่างไร ปู่มีความรู้แค่หางอึ่งจึงไม่แน่ใจนัก” น้ำเสียงท่านปู่แฝงไว้ด้วยความมหัศจรรย์ใจ ยามซูหมิงกำลังโคจรโลหิตในกาย เสียงของเขาดังก้องในโสตประสาท

“หลังจากรวมโลหิตก็เป็นชำระล้าง การชำระล้างคือการเปลี่ยนเส้นเลือดที่ตนมีอยู่ให้เป็นโลหิตหมานบริสุทธิ์ แล้ววาดลวดลายแห่งหมานที่เสถียรของตนบนร่าง…ลวดลายหมานนี้เป็นความคิดความอ่านกลางใจ…ปู่เฝ้ารอและใคร่รู้มากว่า หากวันหนึ่งเจ้าทะลวงสู่ขั้นชำระล้างจริงๆ ลวดลายแห่งหมานที่เจ้าจะวาดเป็นอะไร….”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!