Skip to content

สู่วิถีอสุรา 173

ตอนที่ 173 หมายสร้างความตื่นตะลึง

แม้เป็นยามเช้าตรู่ สายฝนกลับโหมกระหน่ำปกคลุมน่านฟ้า เมฆดำหนาแน่น บดบังแสงตะวันที่ควรเจิดจ้า ทำให้ถึงแผ่นดินใหญ่ไม่มืดมิดแต่ก็มืดครึ้ม

ในชั้นสามเมืองเขาหาน คนเดินถนนบางตายิ่งกว่า สายฝนตกใส่ชายคาร้านค้าเกิดเสียงซ่าๆ ก่อนไหลลงมาตามกรวยสองข้างเหมือนกับสายน้ำ ผสมกับแอ่งน้ำบนพื้นจนแยกไม่ว่าอันไหนเก่าและใหม่

เจ้าของร้านในร้านค้าเหล่านั้น บ้างสัปหงก บ้างนั่งฌานสมาธิ มีหลายคนยืนอยู่ในร้านมองสายฝนด้านนอก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ภายใต้ความเงียบสงบท่ามกลางสายฝน ซูหมิงสูดไอชื้นยามเช้า เดินอยู่บนทางที่ชั้นสามของเมืองเขาหาน ผู้อื่นมองไม่เห็นใบหน้าของเขา เห็นเพียงเงาโดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝน เดินเข้าออกร้านค้าเหล่านั้น มิได้เป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก เพียงแต่บางครั้งที่เดินผ่านสายตาของเจ้าของร้านที่กำลังมองสายฝนเหล่านั้น อาจไปขัดการชมทิวทัศน์ของพวกเขา จนนำมาซึ่งสายตาจ้องมอง

ทว่าพวกเขาก็แค่กวาดสายตามองเท่านั้น ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเงาคนโดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนผู้นี้ เขากำลังจะไปทำอะไร เขากำลังจะสร้างความตื่นตะลึงแบบใดในยามเช้าตรู่ของเมืองเขาหาน

ซูหมิงเดินอย่างสงบนิ่งไปตามเส้นทางเล็กจนถึงปากทางเข้าชั้นสอง มองจากไกลๆ พบว่าตรงนี้มีแค่เขาคนเดียว ไร้เงาคนอื่น

ปากทางเข้าชั้นสองเป็นประตูใหญ่บานเดี่ยวเช่นกัน คนที่เข้าไปได้เดิมทีมีแค่แขกพิเศษขั้นชำระล้าง ทว่ายามนี้หลังจากสามชนเผ่ายกเลิกแขกพิเศษ ดังนั้นตรงนี้จึงมีแค่ผู้แข็งแกร่งชำระล้างเท่านั้นถึงจะเข้าได้

ทั้งเมืองเขาหานไม่นับรวมสามชนเผ่า คนที่ขึ้นชั้นสองได้มีแค่ห้าคนเท่านั้น

ด้านขวาของทางเข้ามีระฆังใหญ่หลายจั้งตั้งอยู่ ระฆังโบราณเป็นสีม่วงทุกส่วน เหมือนขึ้นสนิมเป็นจุดๆ ในตัวมันมอบความรู้สึกเก่าแก่ราวกับอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน

ภายนอกระฆังโบราณแกะสลักเป็นสัตว์ร้ายลักษณะแปลกสามตัว ตัวแรกคือกบศีรษะมังกร ตัวที่สองคือเต่าดำแบกภูเขา ส่วนตัวสุดท้ายเพราะกาลเวลาจึงทำให้มันดูเลือนราง แต่ที่เห็นได้ชัดคือตรงศีรษะของมันมองลงมาจากที่สูง เหมือนกบศีรษะมังกรกับเต่าดำแบกภูเขากำลังปฏิบัติตามคำสั่งของมัน

ยามนี้ท่ามกลางสายฝน บนระฆังโบราณเปียกไปด้วยหยาดน้ำ เม็ดฝนกระทบด้านบนส่งเสียงดังเปาะแปะ ก่อนไหลลงมาตามขอบระฆัง

ซูหมิงยืนอยู่ข้างปากทางเข้าชั้นสอง มองระฆังโบราณยักษ์ตรงหน้า ดวงตาภายใต้งอบค่อยๆ เป็นประกาย ก่อนหน้านี้เขาสงบนิ่งมาโดยตลอด จังหวะก้าวไม่เร็วนัก ทว่าทุกก้าวล้วนมั่นคงเสมอกัน อีกทั้งกลิ่นอายพลังที่สั่งสมจากตัวเขา ตั้งแต่เดินมาจากตีนเขาและชั้นสี่เมืองเขาหาน เหมือนกับสะสมอานุภาพ เหมือนการขัดเกลากระบี่ล้ำค่า

ยามนี้อานุภาพพร้อมสำแดง กระบี่คมกริบ เพียงแค่แสดงอานุภาพย่อมสะเทือนทั้งผืนฟ้า เพียงแสดงกระบี่ย่อมเกิดความน่าสะพรึง!

‘วิธีการบุกโซ่เขาหาน นอกจากให้คนจากสามชนเผ่าอย่างหานเฟยจื่อช่วยเหมือนกับเหอเฟิงแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้คือการประกาศต่อชาวเผ่าหมานทุกคนในเมืองเขาหาน…โดยเคาะระฆังโบราณใบนี้! ใช้เสียงของมันบอกเรื่องบุกโซ่เขาหานรอบแปดทิศ…’

ซูหมิงมองระฆังอย่างเงียบๆ ดวงตาเป็นประกายมากขึ้น นานก่อนหน้านี้เขาเคยถามเหอเฟิงเกี่ยวกับเรื่องบุกโซ่เขาหาน และทราบว่าระฆังใบนี้มิใช่ว่านักรบหมานธรรมดาจะเคาะมันจนเกิดเสียงได้

นั่นก็เพื่อป้องกันคนที่ขั้นพลังยังไม่เพียงพอรนหาที่ตายมาบุกโซ่เขาหาน เสียเวลาทั้งสองฝ่าย อีกทั้งยังเป็นการทำลายความน่าเกรงขามของโซ่เขาหานด้วย

“เคาะดังเก้าครั้งถึงจะมีคุณสมบัติการบุกโซ่เขาหาน…..ในเมื่อข้าเลือกวิธีสร้างความตื่นตะลึงเพื่อเข้าร่วมสำนักเหมันต์สวรรค์แล้ว จะพูดอย่างเดียวมิได้ ต้องลองทำสักครั้ง!” ซูหมิงพึมพำ ท่ามกลางสายฝน ตัวเขาที่สงบนิ่งพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงปะทุจากในร่างกายเหมือนกับกระบี่ออกจากฝัก!

เมื่อกลิ่นอายพลังปะทุขึ้น น่านฟ้าราวกับประจวบเหมาะ ยามนี้มีฟ้าผ่าลงมาเกิดเสียงดังสนั่น สายฟ้าที่ซ่อนอยู่ในฟ้ายามกลางวันขยับแสงทันที

ท่ามกลางสายฟ้า ซูหมิงยกมือขวาขึ้น มองระฆังยักษ์โบราณตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนส่งฝ่ามือขวาซัดเข้าใส่

แก๊ง…

เสียงระฆังเหมือนน้ำหลาก ฟังดูอู้อี้ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโบราณ เหมือนกับล่องลอยมาจากอดีตไร้สิ้นสุด ระลอกคลื่นที่สายตาปกติยากจะมองเห็นพลันแผ่ขยายมาจากระฆังโบราณ เสียงของมันปกคลุมรอบแปดทิศ

ระลอกคลื่นดังกล่าวไร้รูป ทว่ากลับทำให้เสื้อผ้าของซูหมิงสั่นไหว เหมือนมีแรงมหาศาลพลันกระทบร่างกาย ราวกับจะดีดเขาออกห่างจากระฆังโบราณ

แทบจะเป็นช่วงที่เสียงระฆังก้องฟ้าดินแผ่ขยายไปทั่วเมืองเขาหาน ทั้งยังส่งไปถึงยอดเขาสามชนเผ่า ยามเช้าตรู่ที่เงียบสงบท่ามกลางสายฝน ผู้คนจำนวนมากกำลังนั่งฌานสมาธิพลันตื่นตะลึง

“เสียงระฆังเขาหาน!”

“มีคนบุกโซ่เขาหาน! ข้าว่าแล้ว ยิ่งใกล้วันรับศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์เท่าไร เมืองเขาหานจะยิ่งครึกครื้น!”

“เฮ้อ ก็แค่เสียงระฆังครั้งเดียวเท่านั้น ต้องดังเก้าครั้งถึงจะมีสิทธิ์ มิเช่นนั้นแล้วก็ต้องได้รับการยอมรับจากสามชนเผ่า ถึงจะถูกส่งไปยอดเขาเพื่อบุกโซ่เขาหานได้ทันที”

“ไม่ต้องสนใจมากหรอก หลายเดือนมานี้ระฆังเขาหานดังมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครเคาะได้มากกว่าหกครั้ง…อีกอย่างหลังจากวันนี้ก็คงมีเสียงระฆังดังอยู่ ถึงอย่างไรการเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็เพียงพอทำให้คนยอมทุ่มทุกอย่าง”

ภายในเมืองเขาหานคึกคักทันใด มีหลายคนทยอยกันเดินออกมา มองตรงระฆังเขาหานบนชั้นสาม เพียงแต่ว่าฝนตกหนักมากเกินไป หลังจากมองดูแล้วจึงพากันกลับเข้าไปในเรือนพักอย่างเร่งรีบ

บนชั้นสองเมืองเขาหาน ยามนี้ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างหลายคนกำลังพักผ่อน รวมถึงหนานเทียนและเคอจิ่วซือ พวกเขาได้ยินเสียงระฆังกลับไม่ออกไปดู หนานเทียนยิ้มบางๆ ไม่สนใจแม้แต่น้อย

เคอจิ่วซือไม่แม้แต่จะลืมตา อยู่ในเรือนพักของเขาอย่างเงียบสงบเหมือนมิได้ยินเสียงระฆัง

เสวียนหลุนและผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างอีกสองคนล้วนเป็นแบบเดียวกัน อย่าว่าแต่เสียงระฆังหนึ่งครั้ง ต่อให้เป็นหกถึงเจ็ดครั้งพวกเขาก็ไม่สนใจ

ส่วนยอดเขาสามชนเผ่ารอบเมืองเขาหานยังคงเงียบสงบท่ามกลางสายฝน ราวกับไร้ความเคลื่อนไหวจากเสียงระฆังนี้ ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น หลังจากชาวเผ่าสามชนเผ่าได้ยินก็ไม่ใส่ใจอีก

รวมถึงผู้นำสามชนเผ่าที่รวมเหยียนหลวนอยู่ในนั้น กระทั่งฟางเซินยังเพียงแค่ลืมตาจากฌานสมาธิ ก่อนหลับตาทำสมาธิต่อ

มีเพียงหานเฟยจื่อ นางยืนอยู่ข้างหน้าต่างของเรือน มองฟ้าดินเชื่อมกันด้วยสายฝน มองเมืองเขาหานเลือนรางในหมอกขมุกขมัว แววตาเป็นประกายสั่นไหว

นอกจากนางแล้วยังมีสตรีอีกคนหนึ่ง ยามนี้กำลังมองภูเขาหานท่ามกลางสายฝนอย่างเงียบๆ นางคือหานชางจื่อ

เสียงระฆังครั้งแรกเป็นเหมือนก้อนหินเล็กตกลงน้ำ เกิดเป็นวงกระเพื่อมหลายชั้น ไม่นานก็หายไป กระทั่งผ่านไปนาน เกรงว่ามีน้อยคนนักที่ยังสนใจเสียงระฆังที่ดังก่อนหน้านี้

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย ระลอกคลื่นจากแรงสั่นสะเทือนของระฆังโบราณตรงหน้าหลอมรวมกับร่างกายเขาแวบหนึ่งก่อนหายไปอย่างรวดเร็ว มิได้ส่งผลอะไรต่อเขา

เสียงระฆังยังคงดังกังวาน โดยรอบนอกจากระลอกคลื่นและเสียงซ่าๆ จากสายฝนแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นอีก ยามนี้ไม่มีใครฝ่าสายฝนออกมาดูว่าใครตีระฆัง แม้แต่เจ้าของร้านในชั้นสามห่างไปไม่ไกลยังไม่มีใครเดินออกมาดู

ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ

ซูหมิงยกมือขวาขึ้นจากระฆังโบราณ ในใจไม่เกิดระลอกคลื่นแม้แต่น้อย ก่อนตบฝ่ามือลงอีกครั้ง

แก๊ง…

เสียงระฆังครั้งที่สองกังวาน ทว่าในช่วงที่มันเพิ่งดังก้อง ดวงตาซูหมิงราวกับกระบี่แหลมพุ่งออกจากฝัก ประกายแสงหนาวเยือกแตกกระเซ็น มือขวาพลันตบระฆังยักษ์อย่างต่อเนื่อง

แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง…

เสียงระฆังดังกังวานติดต่อกัน รวมกับสองครั้งก่อนหน้านี้เป็นหกครั้ง เสียงระฆังที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโบราณสะท้อนผ่านกาลเวลาแทบเชื่อมเข้าด้วยกัน กลายเป็นเสียงที่สะเทือนจิตใจ กระทั่งมาแทนที่เสียงฟ้าร้องบนท้องฟ้า กลายเป็นเพียงเสียงเดียวที่โอบล้อมเมืองเขาหานและยอดเขาสามชนเผ่า!

เมืองเขาหานพลันสั่นสะเทือน!

ผู้คนเหล่านั้นเดิมทีกลับเข้าเรือนพักตนเองไปแล้ว พอได้ยินเสียงระฆังซึ่งแทบจะผสานเข้าด้วยกัน พวกเขาล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง แม้แต่เจ้าของร้านบนชั้นสามเมืองเขาหาน ยามนี้ต่างพากันตกตะลึง มีคนเดินออกมา มองไปทางระฆังยักษ์ตรงประตูทางเข้าชั้นสองด้วยดวงตาเป็นประกาย

ต่อให้เป็นพวกหนานเทียนบนชั้นสอง ยามนี้ก็ล้วนมีสีหน้าจริงจัง ภายใต้เสียงระฆังดังต่อเนื่องแทบเชื่อมหากันเช่นนี้ ทำให้มันผสานรวมเข้าด้วยกัน นี่คือความต่างกันโดยสิ้นเชิง แรงต้านทานสะท้อนกลับที่ต้องแบกรับก็ห่างชั้นกันนัก!

ยอดเขาสามชนเผ่าเกิดเสียงดังเกรียวกราวเพราะเสียงระฆังเช่นกัน

ทว่าทันใดนั้น เสียงระฆังดังขึ้นเป็นครั้งที่เจ็ด และหลังจากนั้นชั่วพริบตา ครั้งที่แปดกับครั้งที่เก้าดุจลมพัดเมฆกระจัดกระจาย ใช้กลิ่นอายพลังมหาศาลที่ประดุจน้ำหลากทำให้เกิดเป็นเสียงระฆังดังก้องฟ้าดิน

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้คนเมืองเขาหานตะลึงไปชั่วครู่ก่อนได้สติกลับมา เสียงดังฮือฮาประดุจสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหลพลันถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

“เสียงระฆังครั้งที่เก้า นี่…นี่เก้าครั้งแล้วหรือ เร็วเกินไปแล้ว!”

“นี่ไม่ใช่แค่เสียงระฆังเก้าครั้ง แต่เก้าครั้งนี้แทบรวมเป็นเสียงเดียว บุคคลนี้…ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ต้องไปดูเขาบุกโซ่เขาหาน!”

“เป็นใครกัน หรือว่าจะเป็นหนึ่งในห้าผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง?”

ผู้คนเมืองเขาหานจำนวนมากพากันออกมาจากเรือนพัก ล้วนมองไปทางชั้นสามท่ามกลางสายฝน กระทั่งมีบางคนห้อเหยียดเข้าไป อยากทราบว่าคนที่เคาะระฆังเก้าครั้งเป็นใคร!

ขณะเดียวกัน พวกหนานเทียนบนชั้นสองเมืองเขาหานพลันลุกขึ้นขยับตัวออกจากเรือนพัก มองตรงทางลงชั้นสาม ด้านหลังประตูนั้นมีระฆังยักษ์และมีคนเคาะระฆังอยู่

ยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ เหยียนหลวนยืนขึ้น สีหน้านางเรียบเฉย เมื่อเดินออกจากเรือนพักแล้ว นางมองไปทางเมืองเขาหานท่ามกลางสายฝน ด้วยขั้นพลังของนาง พบว่ามีระลอกคลื่นแผ่ขยายมาจากเมืองเขาหาน ผลักดันสายฝน ทำให้เมืองเขาหาน…ฝนหยุดตกในชั่วพริบตา!

“ในที่สุดก็มีผู้บุกโซ่เขาหานที่น่าสนใจ ประกาศออกไป ให้คนมอบตราผ่านทางสู่ยอดเขากับผู้บุกโซ่เขาหานคนนี้…” นางกล่าวเรียบๆ เสมือนต่อให้มีคนเคาะระฆังได้เก้าครั้งก็ไม่ทำให้นางตื่นตะลึง

ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบ พลันมีเสียงที่ทำให้นางสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้งดังมาจากเมืองเขาหาน!

แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง…

เสียงระฆังครั้งที่สิบเอ็ด ครั้งที่สิบสอง พลันดังกังวาน!

ขณะเดียวกันบนน่านฟ้าเมืองเขาหาน ยามนี้เมฆดำปกคลุม สายฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง มีเสียงคำรามสัตว์ป่าสะเทือนนภา หลังจากเสียงคำราม บนท้องฟ้าปรากฏเงาสัตว์ร้ายตัวยักษ์เป็นเป้าสายตาของทุกคน ตัวเป็นกบศีรษะเป็นมังกร!

‘บุคคลนี้มีขั้นพลังระดับใดกัน ไม่อยากเชื่อว่าจะเคาะได้สิบสองครั้ง และอัญเชิญเงาสัตว์แห่งภูเขาหานออกมา!’

เหยียนหลวนหายใจกระชั้นถี่เล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายแวววาว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!