Skip to content

สู่วิถีอสุรา 174

ตอนที่ 174 เต่าดำแบกภูเขา

ยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ หานเฟยจื่อยืนอยู่ในเรือนพักของตน ดวงตาเป็นประกาย นางมองเมืองเขาหาน เห็นรางๆ ว่าตรงนั้นมีเงาคนกำลังเคาะระฆังโบราณ แม้มีหมอกปกคลุม ทว่านางก็คาดเดาได้ว่าบุคคลนี้อาจเป็นโม่ซูที่นางตามหามานาน!

“เป็นเจ้าหรือไม่…” หานเฟยจื่อพึมพำ

ณ เผ่าบูรพาสงบ จ้าวหมานมีสีหน้าเรียบนิ่ง กำลังนั่งสมาธิอยู่บนยอดเขา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผู้ที่นั่งข้างกายเขาคือผู้นำนักรบและยังมีฟางเซินจ้าวเผ่าบูรพาสงบ

ทั้งสามคนเงียบนิ่ง ข้างหูพวกเขายังคงได้ยินเสียงระฆังดังกังวาน

“จะใช่โม่ซูท่านนั้นหรือไม่” จ้าวหมานบูรพาออกสงบกล่าวเรียบๆ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

“ยังไม่แน่ใจ แต่ข้าส่งคนไปดูแล้ว” จ้าวเผ่าบูรพาสงบตอบกลับ

“จ้าวหมาน จะส่งคนนำตราไปให้เขาเลยหรือไม่?” ผู้นำนักรบลังเลครู่หนึ่ง ก่อนมองจ้าวหมาน

จ้าวหมานเผ่าบูรพาสงบ ชายชราใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นผู้นี้หลับตาลง ไม่ปฏิเสธและไม่ตอบรับ

ณ เผ่าผู่เชียง บนยอดเขาหมอกดำโอบล้อม ยามนี้มีเงาคนหลายคนกำลังยืนอยู่ พลางมองไปทางเมืองเขาหาน ระหว่างพวกเขาไม่มีการสนทนาใดๆ ล้วนมองทอดไกลด้วยความเย็นชา

ความสงบนิ่งของสามชนเผ่าต่างกัน ขณะที่เงากบศีรษะมังกรปรากฏบนน่านฟ้าท่ามกลางเมฆดำปกคลุมบนเมืองเขาหาน ทั้งเมืองเขาหานก็สั่นสะเทือน ผู้คนในเมืองจำนวนมากฝ่าพายุฝนออกมามองกบศีรษะมังกรบนฟ้า พวกเขาต่างมีสีหน้าตื่นตะลึง ข้างหูยังได้ยินเสียงระฆังที่ยังดังกึกก้องอยู่นาน

“สิบสองครั้ง เสียงระฆังเขาหานดังสิบสองครั้ง บุคคลนี้…มีขั้นพลังแข็งแกร่ง!”

“เขามีคุณสมบัติบุกโซ่เขาหานแล้ว ตอนนี้รอแค่สามชนเผ่าส่งตรามาให้ ก็จะสามารถขึ้นยอดเขาและบุกโซ่เขาหาน!”

“ไม่นึกเลย เดิมทีก็คิดว่าเป็นแค่เสียงระฆังธรรมดา ไม่อยากเชื่อว่าจะเคาะเกินเก้าครั้งไปจนถึงสิบสองครั้ง!”

“บุคคลนี้เป็นใคร จากท่าทางของเขาเหมือนจะไม่หยุดแค่นี้ อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเคาะได้กี่ครั้ง!”

เงาคนจำนวนมากกำลังห้อเหยียดจากชั้นสี่ตรงมายังปากทางเข้าชั้นสาม ยามนี้พวกฟางหลินที่อยู่ตรงบริเวณนั้นยังคงตื่นตะลึงกับเสียงระฆังสิบสองครั้ง โดยเฉพาะฟางหลิน ปากเขาแห้งผาก หัวใจเต้นแรง เขารู้สึกเด่นชัดมากว่าคนที่เคาะระฆังได้สิบสองครั้ง บางที…อาจเป็นเงาคนคุ้นเคยที่เขาเพิ่งเห็นก่อนหน้านี้!

เงาคนจำนวนมากห้อเหยียดตรงเข้ามา แล่นผ่านฟางหลินด้วยความเร็วเข้าไปยังประตูหิน หลายต่อหลายคนหายเข้าไปด้านใน คนที่มีคุณสมบัติขึ้นชั้นสามเหล่านั้น พวกเขามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคืออยากทราบว่าคนเคาะระฆังคือใคร!

ในชั้นสามเมืองเขาหาน เจ้าของร้านค้าเหล่านั้น พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่เห็นเงาคนสวมเสื้อกันฝนใส่งอบยืนอยู่ใต้ระฆังยักษ์ ในช่วงที่เห็นเงาคนแปลกตา พวกเขาล้วนชะงักอยู่นอกระยะหนึ่งร้อยจั้ง

หนานเทียนบนชั้นสอง รวมถึงเสวียนหลุนและพวกเคอจิ่วซือ ยามนี้ยืนอยู่ตรงทางออกชั้นสอง พวกเขาทราบดีว่าคนเคาะระฆังสิบสองครั้งอยู่หลังประตูบานนี้ ทว่าพวกเขามิได้เดินออกไป

“สิบสองครั้งหรือ…ข้าเคยได้ยินมาว่าในประวัติศาสตร์เมืองเขาหาน ในกลุ่มคนผู้พิชิตโซ่เขาหาน มีสามคนเคาะได้มากกว่าสิบสองครั้งและอัญเชิญสัตว์แห่งเขาหานออกมา!” หนานเทียนมองเงากบศีรษะมังกรบนท้องฟ้าขณะกล่าวเรียบๆ

“สหายหนานลืมไปอีกหนึ่งคน” เคอจิ่วซือที่ยืนอยู่ข้างหนานเทียนพลันกล่าว หลังจากกล่าวจบ หนานเทียนสีหน้าเปลี่ยน ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เสวียนหลุนที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยินเช่นกัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้าเขาขาวซีดเล็กน้อย

ตรงนี้มีทั้งหมดสี่คน ด้านข้างยังมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมดำ เสื้อผ้าเขาดูแปลกพิลึก สภาพอากาศในเมืองเขาหานร้อนอบอ้าว ต่อให้เป็นฤดูฝนก็เป็นเช่นนี้ ทว่าเขากลับสวมเสื้อผ้าที่หนายิ่งนัก เหมือนต่อให้สภาพอากาศร้อนแค่ไหน เขาก็คิดว่ามันหนาว

“คนที่สหายเคอพูดถึง หรือว่าจะเป็น…” ยามชายวัยกลางคนเสื้อคลุมดำกล่าว ตรงปากเขามีไอขาวลอยออกมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาพที่ต่างจากคนรอบข้างโดยสิ้นเชิง หากผู้อื่นพบเห็นจะมองออกทันทีว่าบุคคลนี้เหลิ่งอิ้นซึ่งมีฐานะเหมือนกับพวกหนานเทียน เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างอันดับสี่ในเมืองเขาหาน

“ซือหม่าซิ่น?” เหลิ่งอิ้นกล่าวเนิบนาบ

“สหายเหลิ่งกับสหายอวิ๋นเพิ่งมาเมืองเขาหานไม่นาน อาจจะยังไม่รู้จักเขามากนัก” เคอจิ่วซือมองเหลิ่งอิ้นแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้ารับ

ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างห้าคนในเมืองเขาหาน ยังมีอีกคนนามอวิ๋นจั้ง หรือคือสหายอวิ๋นที่เคอจิ่วซือกล่าวถึง บุคคลนี้ปิดด่านฝึกพลังครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนก่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์

“ตอนนั้นซือหม่าซิ่นตามสำนักเหมันต์สวรรค์มาเมืองเขาหาน และก็เคยเคาะระฆังโบราณ…เรื่องนี้คนนอกส่วนใหญ่รู้ไม่ละเอียดนัก มีแค่ผู้นำสามชนเผ่ากับพวกข้าสามคนที่รู้” คนกล่าวคือเสวียนหลุนที่ใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย

“อ้อ? แล้วเหตุใดเคาะระฆังโบราณแล้วคนส่วนใหญ่กลับไม่รู้รายละเอียด? เสียงระฆังหนึ่งครั้ง ชาวเมืองเขาหานต้องรู้ถึงจะถูก โดยเฉพาะคนมีฐานะอย่างซือหม่าซิ่น จะต้องเป็นที่โจษจันอย่างแน่นอน” เหลิ่งอิ้นขมวดคิ้วมองเสวียนหลุน

เสวียนหลุนเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะกล่าว ทันใดนั้นมีเสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง

แก๊ง……

ซูหมิงยืนอยู่ข้างระฆังยักษ์ สีหน้ายังคงสงบ ทว่าดวงตาใต้งอบกลับเป็นประกายมากขึ้น แรงสะท้อนกลับจากในระฆังยักษ์ใบนี้กระแทกตัวเขา เขาเห็นกลุ่มคนยืนอยู่นอกขอบเขตหนึ่งร้อยจั้ง และยังมีผู้คนกำลังห้อเหยียดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทุกสายตามองผ่านสายฝนรวมที่เขาเป็นจุดเดียว

‘เคาะสิบสองครั้ง ทำได้เพียงสั่นสะเทือนเมืองเขาหาน…แต่สามชนเผ่ายังไม่ค่อยเคลื่อนไหว…” ซูหมิงเงยหน้ามองเงากบศีรษะมังกรบนท้องฟ้า นอกจากมันแผดเสียงคำรามยามเผยกาย มันก็เหมือนสิ่งไม่มีชีวิต ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แต่กลับมีแรงกดดันแผ่ขยายมาจากตัวมัน

‘นี่ยังไม่เป็นไปตามแผนของข้า ดูท่าแค่สิบสองครั้งยังไม่พอสร้างความตื่นตะลึงอย่างที่ข้าต้องการ เช่นนั้น…’ ซูหมิงยกมือขึ้น ครั้งนี้มิใช่การตบ แต่เป็นการกำหมัดแล้วชกระฆังโบราณทันใด

วินาทีที่ปล่อยหมัด เสียงระฆังครั้งที่สิบสามดังก้อง กลายเป็นระลอกคลื่นไร้รูปแผ่กระจายเป็นวงกว้าง เดิมทีมองไม่เห็นระลอกคลื่นนั้น ทว่าท่ามกลางม่านฝนตอนนี้ พบว่าน้ำฝนรวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นวงแหวนยักษ์แผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว

วงแหวนดังกล่าวแผ่ขยายราวกับภายในแฝงไว้ด้วยลมพายุคลั่ง นำพาสายฝนกลายเป็นเสียงลากยาวซ่อนอยู่ภายใต้เสียงระฆัง คนที่ถูกลูกคลื่นกระทบเสื้อผ้ากะพรือพึ่บพั่บ เส้นผมปลิวไสวอย่างบ้าคลั่ง

ขณะเดียวกัน ในช่วงที่เสียงระฆังครั้งที่สิบสามยังคงดังก้อง ซูหมิงปล่อยหมัดลงอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาปล่อยหมัดรัวสี่หมัด!

‘ในเมื่อไม่พอ ก็เพิ่มไปอีกครั้ง!’ เสื้อกันฝนของซูหมิงยามนี้มีเสียงฉีกขาด กระจายเป็นเศษชิ้นส่วน เผยให้เห็นเสื้อคลุมดำด้านล่าง ทว่างอบของเขากลับเป็นปกติ ยังคงปิดบังใบหน้าเช่นเคย

เสียงแก๊งๆๆๆ ดังสนั่นฟ้าดิน เสียงระฆังรัวติดกันสี่ครั้งก่อเป็นวงแหวนสี่วงแผ่ขยายไปสุดทางเหมือนกับวงแหวนก่อนหน้า ทำให้ตรงจุดที่ซูหมิงอยู่เหมือนกับผิวน้ำ และเขาเป็นใจกลางของระลอกคลื่นบนนั้น!

ภูเขาหานสั่นสะเทือน หินภูเขาจำนวนมากร่วงหล่น แผ่นดินใหญ่คล้ายสั่นไหว หลังจากระลอกคลื่นแผ่กระจาย กลุ่มคนนอกระยะหนึ่งร้อยจั้งเหล่านั้นต่างพากันถอยหลังขณะสีหน้าเปลี่ยน

ทันใดนั้น พลันมีเสียงคำรามดังมาจากท้องฟ้า พบว่าดวงตาเงากบศีรษะมังกรเหมือนกับมีจิตวิญญาณ ร่างกายพลันเคลื่อนไหว รูปร่างใหญ่ยักษ์โอบล้อมเมืองเขาหานหลายรอบ ทำให้เมฆดำบนท้องฟ้าหายไปเล็กน้อย เสียงคำรามของมันสั่นสะเทือนฟ้าดินจนแทบหูดับ

ดวงตาซูหมิงมีประกายวาบผ่าน ปล่อยหมัดไปอีกครั้ง

ในช่วงที่หมัดนี้กระทบ เสียงระฆังครั้งที่สิบแปดพลันดังขึ้น เงากบศีรษะมังกรบนท้องฟ้าแผดเสียงร้องถึงขีดสุด ร่างของมันสั่นสะท้านก่อนกลายเป็นหมอกสลายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน ทว่ายามมันหายไป กลับมีเสียงคำรามแหลมดังมาจากความว่างเปล่าบนท้องฟ้า

พบว่าเป็นภูเขาบนท้องฟ้าที่ไม่อาจบรรยายลูกหนึ่ง ขนาดของมันใหญ่กว่าภูเขาหาน ใหญ่กว่าภูเขาทุกลูกในความทรงจำของซูหมิง

ภูเขาลูกนี้ครอบคลุมฟ้าดิน เป็นเงารางปรากฏบนท้องฟ้า มองไม่เห็นปลายยอดเขา เห็นเพียงใต้ตีนเขาประดุจนภา มีเต่าดำยักษ์ตัวหนึ่งใช้หลังของมันแบกภูเขาลูกนี้!

รูปร่างของมันดูดุร้ายยิ่งนัก ส่วนใบหน้าบิดเบี้ยว มีภาพสัญลักษณ์ใบหน้าอสูร!

เต่าดำ!

ระฆังโบราณเขาหาน สัตว์เขาหานตัวที่สอง!

ผู้คนเมืองเขาหานทุกคนที่เห็นภาพดังกล่าวล้วนหายใจกระชั้นถี่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแจ่มชัดเช่นนี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึง กระทั่งกล่าวได้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นภาพในยามเช้าตรู่นี้มาก่อน

การบุกโซ่เขาหานจำเป็นต้องเคาะระฆังโบราณ ทว่าการเคาะระฆังสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้วเป็นอุปสรรคแรก เคาะดังเก้าครั้งคือขีดจำกัด แต่ตอนนี้พวกเขาได้ยินเสียงระฆังครั้งที่สิบแปด ได้เห็นสัตว์แห่งเขาหานในตำนานด้วยตาตัวเอง!

“เต่าดำแบกเขา!”

“ตำนานกล่าวว่าระฆังโบราณมิใช่สมบัติของเผ่าเขาหานในตอนนั้น…เสียงของมันสามารถสร้างปรากฏการณ์พิสดาร!”

“ข้าอยู่ในเมืองเขาหานมาหลายปี เคยได้ยินคนเล่าว่าระฆังโบราณนี้ ภายนอกแกะสลักสัตว์ร้ายเอาไว้สามตัว ทว่ามีแค่สองตัวที่ชัดเจน ส่วนตัวสุดท้ายเลือนราง จนถึงตอนนี้…..มีน้อยคนนักที่ทราบว่าสัตว์ร้ายตัวที่สามคืออะไร”

“บุคคลนี้ดูแปลกหน้ายิ่งนัก ทว่าขั้นพลังของเขาย่อมเป็นชำระล้างแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเคาะได้ถึงสิบแปดครั้ง!”

“สิบแปดครั้ง…ท่าทางเขาดูสงบนิ่งยิ่งนัก…..ดูสิ สามชนเผ่าส่งคนมาแล้ว เป็นเผ่าเหยียนฉือ!” กลุ่มคนเกิดเสียงดังเกรียวกราว สนทนากันด้วยความตื่นตะลึง ทันใดนั้นมีคนร้องตกใจ พบว่ามีเงาคนห้อเหยียดมาจากยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ เขาเป็นชายชราผู้หนึ่ง แม้สีหน้าสงบนิ่ง แววตากลับตื่นตะลึงอย่างยากจะปกปิด

“ผู้เคาะระฆังเขาหาน ท่านเป็นใคร คงจะทราบถึงผลจากการเคาะระฆังนี้แล้ว!” ชายชรายืนอยู่กลางอากาศ น้ำเสียงประดุจสายฟ้าแลบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!