Skip to content

สู่วิถีอสุรา 175

ตอนที่ 175 สมบัติล้ำค่า

“บุกโซ่เขาหาน!” ซูหมิงไม่หันหลังกลับ แต่ชกหมัดขวาใส่ระฆังโบราณตรงหน้าอีกครั้ง เกิดเป็นเสียงระฆังครั้งที่สิบเก้า!

ในครั้งนี้ระลอกคลื่นแผ่กระจาย หินภูเขากลิ้งหล่น เต่าดำแบกเขาบนท้องฟ้าแผดเสียงแหลมอีกครั้ง

“สิบเก้าครั้ง! เขาจะเคาะกี่ครั้งกันแน่ ขีดจำกัดของเขาอยู่ที่เท่าไร!”

“เขายังอยากบุกโซ่เขาหานหรือไม่ หากบาดเจ็บเพราะระฆัง เกรงว่าการบุกโซ่เขาหานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!”

“บุคคลนี้อวดดียิ่งนัก เจ้าดู เผ่าเหยียนฉือมาแล้ว ทว่าเขายังสนใจแต่เคาะระฆังยามตอบ!”

เสียงสนทนาประดุจลมพายุคลั่ง ดังก้องกังวานโดยรอบ

ชายชราจากเผ่าเหยียนฉือมองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนหยิบตราจากอกเสื้อ โยนให้ซูหมิง

“คำสั่งของจ้าวเผ่า อนุญาตให้ท่านบุกโซ่เขาหาน เผ่าเหยียนฉือของข้ารอคอยการมาของท่าน!”

เห็นซูหมิงรับตราเอาไว้แล้ว ชายชราหมุนตัวกลับแล้วสั่นไหว กลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดกลับไปรายงานเผ่าเหยียนฉือ

ผู้คนสามชนเผ่าที่เงียบนิ่งไม่อาจเงียบต่อไป หลังจากเผ่าเหยียนฉือ บนยอดเขาบูรพาสงบก็มีสายรุ้งยาวห้อเหยียดมาเหมือนกัน บุคคลนั้นคือผู้นำนักรบ!

อีกฝ่ายมาด้วยตัวเอง ห้อเหยียดเข้ามาใกล้ภูเขาหาน การปรากฏตัวของเขา ทำให้กลุ่มคนโดยรอบสังเกตเห็นทันที

“ผู้นำนักรบบูรพาสงบ!”

“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง”

“เขาต้องมาแน่นอน นี่เป็นคนเคาะระฆังได้สิบเก้าครั้งเชียว!”

ผู้นำนักรบเข้ามาใกล้ เขาไม่ยืนอยู่กลางอากาศ แต่ลงมายืนห่างจากซูหมิงสิบจั้งพลางมองอีกฝ่าย นัยน์ตาเขาสั่นไหว ก่อนประสานมือคารวะซูหมิง

“คำสั่งจากจ้าวหมาน อนุญาตให้ท่านบุกโซ่เขาหาน เผ่าบูรพาสงบรอคอยการมาเยือนของท่าน!” ขณะกล่าว ผู้นำนักรบหยิบตราออกมาแล้วส่งให้อย่างนอบน้อม มองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่งก่อนหมุนตัวจากไป

เขามองออกว่าบุคคลตรงหน้านี้ก็คือโม่ซู!

ทว่าเขาไม่ยอมล่วงเกินอีกฝ่าย โดยเฉพาะในความรู้สึกเขา กลิ่นอายพลังโม่ซูน่าตะลึงเหมือนกับซือหม่าซิ่น นี่ทำให้เขาคาดเดาอะไรบางอย่างได้ จึงยิ่งไม่ยอมล่วงเกินอีกฝ่าย

“สามเผ่าขาดแค่ผู่เชียง!”

“ตามกฎคนของผู่เชียงควรจะมาได้แล้ว”

“น่าเสียดายหากผู่เชียงมา ผู้บุกโซ่เขาหานลึกลับคนนี้คงต้องหยุดเคาะระฆัง แล้วพวกเราก็จะไม่ได้เห็นสัตว์ร้ายตัวที่สามบนระฆังยักษ์”

ซูหมิงยืนอยู่ข้างระฆังโบราณ ไม่เคาะต่อ เขารู้สึกว่าแรงสะท้อนกลับจากระฆังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ครั้งที่สิบสองเป็นต้นมาก็เริ่มไม่ง่าย ทุกครั้งที่เคาะจะสร้างแรงสะท้อนกลับส่งผลถึงตัวเขา

เวลาผ่านไปพริบตาเดียวหนึ่งก้านธูป ในช่วงเวลานั้นผู้คนโดยรอบมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งนอกจากคนที่ขึ้นชั้นสามไม่ได้แล้ว แทบทุกคนมารวมกันอยู่ตรงนี้

ทุกสายตาจับจ้องแต่ซูหมิงอยู่นาน ราวกับอยากมองทะลุงอบและเสื้อคลุมดำ เห็นให้ชัดว่าเขาเป็นใคร และมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่!

“ระฆังสิบเก้าครั้ง หากเขาบุกโซ่เขาหาน ชื่อเสียงของเขาย่อมเหมือนดวงตะวันกลางนภา จะเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็มิใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ตอนนี้เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว!”

“แปลก เหตุใดเผ่าผู่เชียงถึงยังไม่ส่งคนมา?” เสียงสนทนาดังเกรียวกราว ผู้คนจำนวนมากมองไปทางยอดเขาผู่เชียงที่มีหมอกดำโอบล้อมเป็นบางครั้ง

ซูหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารอมาหนึ่งก้านธูปแล้ว ทว่าเผ่าผู่เชียงยังคงนิ่งเฉย

‘ข้าไม่ค่อยรู้จักเผ่าผู่เชียงสักเท่าไร แต่ก็รู้สึกได้ว่าเผ่านี้ลึกลับยิ่งนัก…’ ซูหมิงเงยหน้ามองยอดเขาผู่เชียงแวบหนึ่ง หมอกบนยอดเขาหนานัก เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

รอต่อไปอีกครู่หนึ่ง ผู้คนโดยรอบเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ พากันมองไปทางยอดเขาผู่เชียง กระทั่งผู้นำเผ่าเหยียนฉือและบูรพาสงบยังมองไป

‘ใช้อิทธิพลคนอื่นสร้างความน่าเกรงขาม!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา จ้องยอดเขาผู่เชียง เขาทราบถึงเจตนาของเผ่าผู่เชียง พวกเขาใช้โอกาสนี้ไม่มอบตราให้ สร้างความน่าเกรงขามและลึกลับให้เผ่าตัวเอง

ยิ่งเผ่าผู่เชียงเงียบมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นที่น่าสนใจของผู้คนมากเท่านั้น ตรานี้พวกเขาจำเป็นต้องให้ ทว่ากลับจงใจปล่อยให้ซูหมิงรอครู่หนึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง

“เผ่าผู่เชียงจะทำเกินไปหน่อยแล้ว” บนยอดเขาเหยียนฉือ เหยียนหลวนละสายตากลับจากเผ่าผู่เชียง กล่าวอย่างสงบนิ่ง

คำพูดลักษณะเดียวกันก็ออกจากปากของจ้าวหมานบูรพาสงบ

ทันใดนั้น หมอกดำรอบยอดเขาผู่เชียงพลันเคลื่อนตัวชั้นหนึ่ง มีคนเดินออกมาจากในนั้น เขาสวมเสื้อคลุมดำ สีหน้าไม่เป็นมิตร ห้อเหยียดมายังเมืองเขาหาน ยืนอยู่กลางอากาศและก้มหน้ามองซูหมิงเบื้องล่างแวบหนึ่ง

“จ้าวหมานปิดด่านฝึกพลัง รบกวนขอให้ท่านรออีกสักครู่”

กล่าวจบ กลุ่มคนโดยรอบพลันเงียบสงัดทันใด มองซูหมิงเป็นตาเดียว

ซูหมิงเงียบงัน ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมดำและงอบ ผู้อื่นมองไม่เห็นความเย็นชาของเขา ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงความหนาวเยือกที่กำลังก่อตัวจากในร่างกายซูหมิง

“ปิดด่านฝึกพลังรึ เช่นนั้นก็ไปเรียกเขาออกมา” น้ำเสียงแหบพร่าดังกังวาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล่าวตั้งแต่เข้ามา ในช่วงที่กล่าวซูหมิงยกมือขวาแล้วปล่อยหมัดใส่ระฆังอีกครั้ง

แก๊ง!

ครั้งที่ยี่สิบ!

ระฆังโบราณพลันสั่นสะเทือน แกว่งไปด้านหลังภายใต้หมัดของซูหมิง เสียงดังรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ ระลอกคลื่นแผ่ขยายรอบฟ้าดิน ยามที่แผ่คลุมแปดทิศ เสียงระฆังครั้งที่ยี่สิบเอ็ดตามมาประดุจสะเทือนโลกทั้งใบ!

ซูหมิงเงยหน้า นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึง พลังสะท้อนกลับพรั่งพรูเข้าสู่ร่างกายเขาจนกระเด็นถอยไปหลายก้าว งอบของเขาเกิดเสียงฉีกขาด แต่เสื้อคลุมดำยังคงปิดบังใบหน้า คนอื่นมองไม่เห็น

‘เหตุใดเป็นเช่นนี้…’ ซูหมิงใจสั่นสะท้าน

เสียงระฆังสองครั้งหลอมรวมเข้าด้วยกันประดุจเสียงคำราม แผ่ขยายกลายเป็นระลอกคลื่นในน่านฟ้าเมืองเขาหาน ไม่เพียงทำให้ฝนหยุดตกเท่านั้น แม้แต่เต่าดำแบกเขาบนฟ้ายังสั่นสะเทือน นัยน์ตาเป็นประกายประหลาด ก่อนแผดเสียงร้อง

ทิศทางของเสียงมันคือ…เผ่าผู่เชียง!

จากเสียงแผดร้องของมัน จากการประสานสองเสียงของระฆัง สองเสียงอย่างกลายเป็นหนึ่งเดียว ดังขึ้นจากความว่างเปล่า ประดุจเสียงจากดินแดนห่างไกลที่มิใช่ของโลกใบนี้

“หาน…”

มันเหมือนเสียงระฆังและเหมือนเสียงร้องของเต่าดำ ฟังแล้วดูคลุมเครือ ทว่าในช่วงที่เสียงดังขึ้น เสียงระเบิดดังมาจากในหมอกดำของยอดเขาผู่เชียง หมอกดำที่ปกคลุมทั้งยอดเขาพลันระเบิดกระจาย กลายเป็นเส้นสีดำลอยหายไปจำนวนมาก เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้หมอกดำมากกว่าครึ่ง!

เหตุการณ์กะทันหันเช่นนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบตื่นกลัว ตกเข้าสู่ความเงียบสงัดท่ามกลางความวิตก พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเหตุใดเสียงระฆังในครั้งนี้ถึงได้มีพลังน่าสะพรึงเช่นนี้

ไม่อยากเชื่อว่าพลังที่แฝงอยู่ภายในเสียงประสานเมื่อครู่ จะทำให้พลังคุ้มกันยอดเขาผู่เชียงหายไปมากกว่าครึ่ง!

ท่ามกลางความเงียบสงัดรอบด้าน คนเสื้อคลุมดำจากเผ่าผู่เชียงตาค้างอ้าปากกว้าง สีหน้าดูเหลือเชื่อ กระทั่งยังมีความหวาดกลัว

บนยอดเขาเหยียนฉือ เหยียนหลวนเบิกตากว้าง ตัวสั่นเทาเป็นครั้งแรก นางสีหน้าเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ลมหายใจกระชั้นถี่ขณะจ้องเมืองเขาหานเขม็ง

“เขา…เขาใช้พลังของระฆังเขาหานได้!!”

ขณะเดียวกัน หานเฟยจื่อบนยอดเขาดวงตาเป็นประกายแวววาว ในช่วงที่สัมผัสถึงพลังเมื่อครู่ จิตใจนางสั่นสะเทือน ยามนี้ขยับร่างกายโดยไม่ต้องคิด เมฆขาวยกใต้ฝ่าเท้า ลอยไปทางเมืองเขาหาน

นางอยากทราบว่าบุคคลนี้จะใช่โม่ซูที่นางรอคอยหรือไม่!

ยอดเขาบูรพาสงบ เดิมทีจ้าวหมานมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่ายามนี้เขาหรี่ตาลง พลันยืนขึ้นจ้องเมืองเขาหาน สูดลมหายใจ นัยน์ตาเป็นประกายเด่นชัด

“ข้ารู้สึกว่าเขาเหมือนกับท่านซือหม่ามาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นท่านซือหม่ากระตุ้นพลังของเขาหาน ได้รับโชควาสนาไป โม่ซูคนนี้ก็น่าจะทำได้เหมือนกับเขา!

ระฆังเขาหาน ระฆังเขาหาน…เจ้าอยู่ในภูเขาหานมานานหลายปี แม้แต่บรรพบุรุษเขาหานยังมิได้รับโชคสืบทอดของเจ้า หลายปีมานี้มีแค่ท่านซือหม่าที่ได้รับไปส่วนหนึ่ง ตอนนี้ก็ถึงคราวของโม่ซู…..”

บนยอดเขาบูรพาสงบ หานชางจื่อกำหมัดแน่น ดวงตางามฉายแววตื่นเต้น นางทราบดีว่าครั้งนี้มิได้เลือกผิดคน!

ณ ยอดเขาผู่เชียง ยามนี้ตกอยู่ในความตื่นตะลึงเช่นกัน เสียงเกรียวกราวดังมาจากชาวเผ่าบนยอดเขา หลังจากหมอกคุ้มกันภูเขาเลือนหาย จ้าวหมานผู่เชียงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก ชายชราเหมือนโครงกระดูกสวมเสื้อคลุมม่วง ดวงตามืดสลัวฉายแววตกตะลึง

“มอบตราให้เขา!”

ซูหมิงหัวใจเต้นแรงขึ้น เขาจ้องระฆังเขาหานที่ยังคงสั่นไหวตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก ในช่วงที่หมัดเมื่อครู่กระทบระฆัง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังโลหิตในร่างกายเหมือนถูกระฆังสูบเข้าไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด

เห็นอยู่ว่าเขาเคาะเพียงครั้งเดียว ทว่าเสียงที่ดังกังวานกลับเป็นสองครั้ง!

เขายิ่งไม่คาดคิดเลยว่าเสียงระฆังที่ดูเหมือนธรรมดาสองครั้งนี้ พอประสานกันแล้วกลับระเบิดออกมาเป็นพลังแข็งแกร่งจนทำให้หมอกคุ้มกันยอดเขาผู่เชียงพังทลาย!

พลังระดับนี้ ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างธรรมดาไม่อาจมีได้ เพียงหมัดเดียวกลับสามารถทำลายพลังคุ้มกันยอดเขาของชนเผ่าขนาดกลาง นี่จำเป็นต้องอยู่ในขั้นพลังระดับใดกัน…หัวใจของซูหมิงเต้นแรงมากขึ้น

‘ระฆังเขาหาน…หรือว่า…หรือว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่า!’

ยามนี้ ขณะที่ทั้งเมืองเขาหานตื่นตะลึงเพราะเสียงระฆัง บางแห่งในแดนอรุณใต้ห่างออกไปไกลโข มียอดเขาลูกหนึ่ง มันกะพริบแสงเจ็ดสีอยู่ตลอดเวลา

แสงเจ็ดสีเข้ามาแทนที่สีท้องฟ้า ใต้เขามีศาลาหลังหนึ่ง

โต๊ะหินในศาลาเหมือนกับตาข่ายดารา วางด้วยเม็ดสีขาวและดำ มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ในนั้น กำลังมองกระดานหมาก ชายสวมเสื้อคลุมดำ ใบหน้าขาวประดุจหยก ดวงตาประดุจดารา หล่อเหลาไม่ธรรมดา ทั้งยังมีกลิ่นอายพลังที่ไม่อาจบรรยาย ราวกับโดดเดี่ยว ราวกับสงบนิ่ง ตรงระหว่างคิ้วมีเส้นสีแดงยาวครึ่งนิ้วมือ

เขาหยิบเม็ดขาวขึ้น ขณะกำลังวางลงก็พลันขมวดคิ้ว เงยหน้ามองขอบฟ้าห่างไกล

“พี่ใหญ่ซือหม่า มีอะไรรึ?” สตรีตรงข้ามเขาเดิมทีใช้สองมือเท้าคาง ยามนี้เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้างดงาม แม้กล่าวว่าไม่เพียงพอจะล่มเมือง ทว่ากลับเต็มไปด้วยความงามแบบดื้อรั้น

หากซูหมิงอยู่ตรงนั้น วินาทีที่เห็นนางคงต้องราวกับถูกสายฟ้าผ่าสามวิญญาณ สะเทือนเจ็ดพลังวิญญาณ มองด้วยความ…เหลือเชื่อ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!