Skip to content

สู่วิถีอสุรา 226

ตอนที่ 226 มือแห่งการสร้าง

‘ยอดเขาลำดับเก้า มีข่าวลือในสำนักเหมันต์สวรรค์ไม่น้อย วันนี้ได้มาดูพอดี ข่าวลือไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่…..’ เงาคนสวมงอบยิ้มเยาะใต้ยอดเขาลำดับเก้า

‘ไม่เข้าใจ ซูหมิงที่ไร้ชื่อคนนี้เหตุใดถึงทำให้ศิษย์น้องซือหม่าสนใจขนาดนี้ ยอมส่งสารไกลนับล้านลี้ ใช้บุญคุณที่ข้าติดเขาเอาไว้ ให้ข้ามานี่เพื่อเอาของสิ่งหนึ่งจากซูหมิง’

เงาคนอยู่ในลมพายุหิมะ พลันก้าวเดินขึ้นยอดเขาลำดับเก้า ทั้งตัวราวหลอมรวมกับลมพายุโดยรอบ ลมพายุหิมะจากบนน่านฟ้าพลันกลายเป็นใบหน้าคน แผดเสียงคำรามด้วยความดุร้ายใส่ยอดเขาลำดับเก้า เสียงคำรามก็คือลมพายุหิมะ

ช่วงที่บุคคลนี้เหยียบบนยอดเขา ทั้งยอดเขาลำดับเก้าคล้ายสั่นสะเทือน

ศิษย์พี่สามที่กำลังดื่มสุราในถ้ำพลันลืมตา ดูประหลาดใจ เขาก้มหลังรีบเดินออกมาจากถ้ำแล้วมองตีนเขา

‘นี่มันจื่อเชอแห่งยอดเขาลำดับสอง ติดอันดับเก้าของตารางจัดอันดับแผ่นดินเหมันต์ของสำนัก! เหตุใดถึงมายอดเขาลำดับเก้าได้ หรือว่าจะมาหาเรื่องข้า?

ทว่าท่านหู่คนนี้ไม่เคยล่วงเกินเขา’ หู่จื่องุนงง เกาศีรษะ

ขณะกำลังประหลาดใจ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เพราะยามนี้หลังจากจื่อเชอผู้สวมงอบเหยียบขึ้นยอดเขามาหนึ่งก้าว ก็เดินต่อในก้าวที่สอง

วินาทีที่เหยียบก้าวที่สอง เงาของเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าหู่จื่อด้วยวิธีการน่าสะพรึงบางอย่าง การปรากฏตัวของเขากะทันหันยิ่งนัก เหมือนกับบีบเข้ามาในทันใด ตอนที่ยืนห่างจากหู่จื่อสิบกว่าจั้ง พลังมหาศาลพลันปะทุขึ้น ภายใต้พลังดังกล่าว หู่จื่อถอยหลังไปอย่างต่อเนื่องหลายก้าว แม้แต่น้ำเต้าสุราในมือยังระเบิดกระจายเสียงดัง

“ขยะ!” จื่อเชอสวมเสื้อกันฝนและงอบ จึงมองไม่เห็นใบหน้า ทว่านัยน์ตากลับฉายแววเย็นชา พลังอำนาจน่าสะพรึงจากตัวเขายิ่งทำให้ชั้นน้ำแข็งโดยรอบเกิดรอยร้าว โดยเฉพาะมวลอากาศด้านหลัง ใบหน้าคนดุร้ายแปลงจากพายุหิมะยิ่งแผดเสียงร้องลั่น ลมพายุหิมะรวมตัวกันกลางอากาศมากขึ้นราวกับจะปกคลุมยอดเขาลำดับเก้า

เขามองหู่จื่อด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง ขณะกล่าวเรียบๆ ก็เดินหน้าอีกสามก้าว

ภายในสามก้าวนี้ ตัวเขาหายไปต่อหน้าหู่จื่อ หู่จื่อในยามนี้มองน้ำเต้าที่แตกกระจายบนพื้นด้วยอาการอึ้งตะลึง นัยน์ตาค่อยๆ ดุร้ายและมีเส้นเลือดฝอยปรากฏ

“กล้าทำลายน้ำเต้าของท่านหู่คนนี้!” หู่จื่อพลันเงยหน้าแผดเสียงตะโกน ทั้งตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวตามจื่อเชอไป

ยามนี้ด้านนอกยอดเขาลำดับเก้า มีเงาคนสองคนห้อเหยียดออกจากยอดเขาลำดับเจ็ด ทั้งสองคนเป็นสตรีมีใบหน้างดงาม หนึ่งในนั้นคือหานชางจื่อ

นางมีสีหน้าร้อนรน มุ่งหน้าไปยังยอดเขาลำดับเก้าด้วยความเร็วสูงสุด

สตรีข้างกายนางสวมเสื้อเหลืองสง่างาม ใบหน้ารูปไข่ห่าน แฝงไว้ด้วยเอกลักษณ์ความงามมีระดับแบบเฉพาะตัว คล้ายกับหานชางจื่อในวันธรรมดา

นางมีสีหน้าเกียจคร้านเล็กน้อย เห็นท่าทางร้อนรนและตึงเครียดของหานชางจื่อ จึงกล่าวหยอกล้อ “ศิษย์น้องฟาง ซูหมิงเป็นคนแบบไหนรึถึงทำให้เจ้าสนใจขนาดนี้ได้ หรือว่า…” น้ำเสียงหญิงสาวคนนั้นไพเราะยิ่งนัก ขณะกล่าวก็แย้มยิ้ม

“ศิษย์พี่หญิง นี่มันใช่เวลาพูดรึไม่!” หานชางจื่อเข้าใกล้ยอดเขาลำดับเก้าด้วยความเร็วสูง

“เอาละๆ ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าวางใจเถอะ แม้จื่อเชอจะนิสัยพาล ทว่านิสัยจริงๆ มิใช่คนเลว ข้าจะบอกไม่ให้เขายุ่งกับซูหมิงอีก”

“เขาเป็นน้องชายของท่าน ท่านก็ต้องเป็นคนพูดกับเขาอยู่แล้ว”

หายชางจื่อกล่าวแกมบ่นเล็กน้อย หญิงสาวด้านหลังยิ้มและไม่ถือสาอะไร แต่กล่าวปลอบใจอีกหลายประโยคด้วยเสียงอ่อนโยน

ขณะทั้งสองคนกำลังสนทนา ก็ค่อยๆ ใกล้ยอดเขาลำดับเก้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ช่วงที่เข้าใกล้ พวกนางสองคนสัมผัสถึงพลังจากพายุหิมะได้อย่างชัดเจน จึงต้องชะลอความเร็วลง

อีกทั้งพวกนางยังมองไม่เห็นตำแหน่งที่เห็นก่อนหน้านี้ ถูกใบหน้าคนดุร้ายที่สร้างขึ้นจากพายุน้ำแข็งด้านหลังของยอดเขาลำดับเก้าขวางเอาไว้ มันกำลังแผดเสียงคำรามใส่ยอดเขาลำดับเก้า

หานชางจื่อสีหน้าพลันเปลี่ยน หญิงสาวข้างกายมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“เขาแสดงวิชาจากลายหมานของเขา!” หญิงสาวเดินหน้าไปหนึ่งก้าว รับลมพายุหิมะและเข้าใกล้ยอดเขาลำดับเก้าอย่างรวดเร็ว หานชางจื่อกัดริมฝีปากล่าง ตามหลังไปติดๆ

บนยอดเขาลำดับเก้า ช่วงที่จื่อเชอเหยียบก้าวที่สามลง พลันยืนห่างจากซูหมิงที่กำลังนั่งฌานสามสิบจั้ง เขายืนมองซูหมิงอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“ขยะอีกชิ้น ยอดเขาลำดับเก้าก็เหมือนๆ กันหมด!” จื่อเชอกล่าวด้วยความเย็นชา ยกมือขวากำลังจะชี้ไปทางซูหมิง

ซูหมิงเวลานี้ไม่ทราบเรื่องภายนอก เขาอยู่ในโลกของเขา หมอกตรงหน้ายามนี้ไหลเชี่ยวกราก ภายในนั้นเขาเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง การรู้แจ้งค่อยๆ ผุดขึ้นในจิตใจ

“มองดูให้ชัดอีกหน่อย…” ซูหมิงพึมพำ เขารู้สึกเด่นชัดมากว่าหากมองอีกครั้งจะหาคำตอบของคำว่าสร้างพบ

โลกภายนอก ช่วงที่จื่อเชอยกมือขวาขึ้น นอกแท่นที่ซูหมิงกำลังนั่งฌาน ฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึก

ยามนี้ใบหน้าคนดุร้ายจากพายุหิมะมาปรากฏอยู่กลางอากาศข้างซูหมิงและกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคนหิมะยักษ์แฝงไว้ด้วยพลังสะเทือนฟ้าดิน ไม่เพียงแต่ปกคลุมซูหมิง มันยังปกคลุมยอดเขาลำดับเก้า!

กระทั่งภาพเหตุการณ์นี้ยังทำให้เกิดความคิดว่ามันคือภาพลวงตา ไม่รู้ว่าพายุหิมะในครั้งนี้มาจากธรรมชาติ หรือมาจากอภินิหารของคน

การลงมือของจื่อเชอไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย หากซูหมิงมิได้อยู่ยอดเขาอันกับเก้า เป็นคนจากยอดเขาอื่น และเป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์อย่างแท้จริง เขาจื่อเชอคงไม่ลงมือเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นคนสำนักเดียวกัน มีกฎที่เข้มงวดจึงไม่อาจลงมืออย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ได้

ทว่าซูหมิงอยู่ยอดเขาลำดับเก้า มันเป็นของสำนักเหมันต์สวรรค์ และมิใช่ของสำนักเหมันต์สวรรค์ ศิษย์บนเขาลูกนี้จะไม่ทำตามกฏของสำนักก็ได้ ทว่าก็จะไม่อยู่ในกฎคุ้มครองของสำนักเช่นเดียวกัน ดังนั้นการลงมือชิงสิ่งของในครั้งนี้ เขาจื่อเชอไม่ต้องพูดให้มากความ แต่จะลงมือสังหารในทันที แล้วนำศพมอบให้ซือหม่าซิ่นที่กำลังกลับสำนักก็เป็นอันเรียบร้อย

ในความคิดเขา เจ้าคนที่ชอบเรียกตัวเองว่าท่านหู่บนยอดเขาลำดับเก้าเป็นขยะโดยแท้ ไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง ส่วนคนที่ชอบปลูกพืชดอกก็เหมือนกับพวกผู้หญิง อ่อนแอยิ่งนัก

ต่อให้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของยอดเขาลำดับเก้า ก็เป็นเพียงคนที่ชอบมุดหัวปิดด่านฝึกพลัง ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่า มีศิษย์จากยอดเขาอื่นมาหาเรื่องเจ้าขยะที่ชอบเรียกตัวเองว่าท่านหู่ แต่ก็ไม่เห็นศิษย์พี่ทั้งสองคนออกมือช่วยอะไรเลย โดยเฉพาะเจ้าขยะที่ชอบปลูกพืชดอก แกล้งทำเป็นนอนหลับเพื่อหนีปัญหา ปล่อยให้ศิษย์น้องของตนรับมืออยู่คนเดียว

กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เขากำลังเดินทางผ่านยอดเขาลำดับเก้า ยังเคยเห็นภาพเหล่านั้นกับตา จึงเกิดความรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกต่อยอดเขาอับเก้ายิ่งนัก

คนที่เขาสนใจมีเพียงคนเดียวนั่นคือตาแก่ของยอดเขาอันกับเก้า เทียนเสียจื่อ!

แต่เขามาในครั้งนี้มีการเตรียมตัวล่วงหน้า เขาเป็นโอรสแห่งสวรรค์ของยอดเขาลำดับสอง ได้รับความสนใจจากอาจารย์ยิ่งนัก เขาคิดว่าหากเทียนเสียจื่อไม่สนใจการแบ่งรุ่นและลงมือกับเขา อาจารย์ของเขาจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน

มีการเตรียมพร้อมเหล่านี้แล้ว เขาจึงคิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร ยามนี้ยกมือขวาขึ้นกำลังชี้ไปทางซูหมิง หมายมั่นจะให้ใบหน้าคนพายุหิมะกลืนกิน

ทว่าช่วงที่เขากำลังจะลดมือลง น้ำเสียงอ่อนนุ่มดังแว่วเบาๆ มาจากด้านหลัง น้ำเสียงเรียบเฉยยิ่งนัก ราวกับเป็นการสนทนาระหว่างสหาย ไม่มีไอร้อนแฝงอยู่แม้แต่น้อย

“สหาย เจ้าเหยียบพืชดอกของข้า…แบบนี้ไม่ดี”

ยามเสียงดังแว่วเข้ามา จื่อเชอพลันตัวสั่นสะท้าน แววตาใต้งอบพลันเคร่งขรึม เขาคิดว่าด้วยขั้นพลังของเขาหากมีคนปรากฏจะสัมผัสได้ทันที โดยเฉพาะบนยอดเขาลำดับเก้า เรื่องแบบนี้ควรจะมีแค่เทียนเสียจื่อที่ทำได้ ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายกลับมิใช่ของเทียนเสียจื่อ

“ข้าเหยียบบนชั้นน้ำแข็ง ไม่มีพืชดอก” จื่อเชอแค่นเสียงหึเย็นชา เขาไม่หันกลับไปมอง เพียงกล่าวด้วยความเย็นชา แต่มือขวาของเขากลับยังไม่ชี้ไปทางซูหมิง

“เจ้าดูอีกที” เสียงอ่อนนุ่มใกล้เข้ามา ด้านหลังจื่อเชอ ค่อยๆ มีชายใบหน้าหล่อเหลาสวมชุดขาวเดินเข้ามา ชายคนนี้ยังคงยิ้ม สีหน้าอ่อนโยนยิ่งนัก เขาเดินมาอยู่ข้างจื่อเชอและเดินผ่านไป มายืนอยู่ตรงหน้าซูหมิงที่กำลังนั่งฌาน

จื่อเชอเงียบ เขาไม่ก้มหน้าลง ทว่ากลับสัมผัสได้ว่าช่วงที่ชายชุดขาวเดินผ่าน ใต้ฝ่าเท้าเขามีพืชดอกสีเขียวอยู่จริงๆ อีกทั้งเขากำลังยืนอยู่บนพืชดอกนั้น

ความรู้สึกตื่นตะลึงผุดขึ้นในก้นบึ้งหัวใจ เขามองชายอ่อนโยนตรงหน้า บุคคลนี้เขาเคยเห็นมาก่อน จึงทราบว่าอีกฝ่ายคือศิษย์คนที่สองของยอดเขาลำดับเก้า

เพียงแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายที่เขาคิดว่าเป็นขยะ…..จะทำให้เขาตื่นตะลึง ยามนี้ความรู้สึกถึงอันตรายพลันพรั่งพรูในตัวเขาอย่างพบเห็นได้ยาก

จื่อเชอเงียบงัน ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงแค่นเสียงหึเย็นชา ยกเท้าขวาพลันเดินหน้าหนึ่งก้าว มือขวาที่ยกค้างอยู่ชี้ไปทางชายที่ขวางอยู่ตรงหน้าซูหมิงอย่างไม่ลังเล

ทว่าวินาทีที่เขาชี้ไป งอบบนศีรษะพลันกระจายกลายเป็นเศษปลิวว่อน เผยให้เห็นใบหน้าชายผมยาวอายุราวสามสิบกว่าปี

เสื้อกันฝนบนตัวเขายามนี้ระเบิดกระจายกลายเป็นเศษผงละเอียด เผยให้เห็นชุดลอบสังหารสีดำใต้เสื้อกันฝน มีโลหิตไหลมาจากมุมปากจื่อเชอ ตัวเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง แรงต้านที่ทำให้เขาหวาดกลัวแผ่กระจายออกมาจากชายเผยรอยยิ้มราวลมในฤดูใบไม้ผลิตรงหน้า แรงต้านดังกล่าวผู้อื่นไม่อาจสัมผัส กระทั่งในความคิดจื่อเชอนี่อาจมิใช่แรงต้าน

แต่เป็นแรงกดดันจากสายตา เป็นพลังเฉพาะตัว ก่อรูปเป็นความน่าสะพรึงที่เขาบอกไม่ถูก แต่กลับขนพองสยองเกล้า

ความน่าสะพรึงนี้มาจากชายหนุ่มตรงหน้า มาจากสองมือของเขา!

สองมือธรรมดาๆ ที่มิได้ยกขึ้น เพียงแค่ปล่อยไว้ข้างชายเสื้อ แต่มันกลับเหมือนกุมความเป็นและความตายของจื่อเชอเอาไว้!

นั่นคือสองมือแห่งการสร้าง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!