Skip to content

สู่วิถีอสุรา 228

ตอนที่ 228 กล้ามากเด็กน้อย

“เรียกข้าอาจารย์อา!”

“เด็กน้อยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อาจารย์เจ้าไม่บอกเรื่องการแบ่งรุ่นอาวุโสหรอกรึ ทั้งสำนักเหมันต์สวรรค์ นอกจากตาแก่บนท้องฟ้าพวกนั้นแล้ว ยังมีใครอาวุโสกว่าข้าอีก? อาจารย์ใหญ่ยังเรียกข้าว่าอาจารย์อา เจ้ากับอาจารย์ใหญ่เป็นรุ่นเดียวกัน ไม่รู้หรือว่าควรจะเรียกอย่างไร? เด็กน้อยอย่างเจ้าลบหลู่ผู้อาวุโสเช่นนี้ ข้ามานับดูแล้ว เจ้าฝ่าฝืนกฎข้อที่สองของสำนัก ยังมีข้อที่ห้าและเจ็ด”

บนยอดเขาลำดับเก้า เทียนเสียจื่อหาววอด กล่าวอย่างเกียจคร้าน น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหมายไม่แยแส ไม่หนักแน่นเท่ากับเสียงของชายชราเสื้อคลุมยาวสีม่วงอมแดง และมิได้กระจายออกไปไกลนัก

ชายชราเสื้อคลุมยาวมีสีหน้าเรียบเฉย ยืนอยู่กลางอากาศอย่างสงบนิ่ง พลางมองเทียนเสียจื่อบนยอดเขาลำดับเก้า หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่มายอดเขาลำดับเก้าเด็ดขาด มิใช่ว่าเขายำเกรงข่าวลือของเทียนเสียจื่อ แต่เป็นเพราะเทียนเสียจื่ออาวุโสกว่าเขามากจริงๆ

เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนประสานมือคารวะเทียนเสียจื่อ

“ผู้เยาว์เต๋อหรงจื่อ คารวะอาจารย์อา”

“อืม อย่างนี้ถึงจะใช้ได้ ตอนข้าขึ้นเขาเดาว่าเจ้าคงยังไม่เกิด จะมาเสียมารยาทเช่นนี้มิได้ ครั้งหน้าขอให้ระวังด้วย รู้รึไม่” เทียนเสียจื่อลูบเคราใต้คาง พยักหน้าให้ชายชราเสื้อคลุมยาวสีม่วงอมแดงอย่างพึงพอใจ

“เช่นนั้นขอให้อาจารย์อาปล่อยศิษย์ของผู้เยาว์ด้วย ข้าจะพาเขากลับ” ชายชราสวมเสื้อคลุมยาวมีสีหน้าปกติ กล่าวเรียบๆ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเทียนเสียจื่อ

“ทำไม เจ้าไม่เห็นด้วยที่ศิษย์รองลงโทษศิษย์ของเจ้ารึ?” เทียนเสียจื่อเผยสีหน้าประหลาดใจ

ชายชราเงียบ เขาจำต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้ การแบ่งรุ่นของคนบนยอดเขาลำดับเก้า เพราะเทียนเสียจื่อคนเดียวจึงทำให้การนับรุ่นสูงขึ้นไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นชายหนุ่มคนที่ทำร้ายศิษย์ของเขา บุคคลนี้…อยู่รุ่นเดียวกับเขาจริงๆ…ส่วนใครเป็นศิษย์พี่หรือศิษย์น้อง เรื่องนี้ยากจะพูดให้ชัดเจน

“เทียนเสียจื่อ ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จะปล่อยจื่อเชอหรือไม่!” ชายชราขมวดคิ้ว สีหน้าค่อยๆ เย็นชา มารยาทของเขาหมดสิ้นลงแล้ว ต่อให้เป็นคำพูดเช่นนี้ก็ยังพูดออกไปได้

“อุบ๊ะ ขู่ข้าอย่างนั้นรึ? ไม่ปล่อยก็คือไม่ปล่อย!” เทียนเสียจื่อถลึงตามอง ให้ความรู้สึกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่

ชายชรามีสีหน้าทะมึน แค่นเสียงหึเย็นชา

เขาไม่ลงมือ เพียงแค่นเสียงเย็นชาเท่านั้น ทว่ามันกลับส่งเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า ทำให้ทั้งยอดเขาลำดับเก้าพลันสั่นสะเทือน ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมหมุบตลบ เกิดรอยร้าวบนชั้นน้ำแข็งของยอดเขาเป็นจำนวนมาก

เทียนเสียจื่อถลึงตามอง ถอยหลังไปบนยอดเขาหลายก้าว แผดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา เสียงร้องนั้นเพียงพอจะทำให้คนฟังเกิดความสงสาร

หู่จื่ออยู่ในถ้ำของตัวเอง เขาหิ้วตัวจื่อเชอกลับมาตั้งนานแล้ว ยามนี้โยนเอาไว้ด้านข้าง ส่วนเขานั่งยองอยู่ข้างจื่อเชอ ดื่มสุราพลางหัวเราะอย่างชั่วร้ายและมีแผนการ

เสียงร้องอย่างน่าเวทนาของเทียนเสียจื่อดังวนเวียนอยู่รอบหูเขา ทำให้หู่จื่อเงยหน้ามองผนังถ้ำด้านบน สีหน้าประหลาดใจ

“เสแสร้งกระมัง ตาแก่น่าจะเสแสร้งมากกว่า…อย่าคิดว่าท่านหู่คนนี้…เอ้อ อย่าคิดว่าท่านหู่คนนี้จะไม่รู้ว่าวันนี้ท่านสวมเสื้อขาว”

เสียงร้องน่าเวทนาแผ่กระจายไปทั้งยอดเขาลำดับเก้า และเข้าหูศิษย์พี่รองข้างกายซูหมิงเช่นกัน ศิษย์พี่รองก้มหน้าลง ขยับพืชดอกตรงหน้าเหมือนไม่ได้ยิน

“อาจารย์ ข้าเห็นนะว่าวันนี้ท่านสวมเสื้อคลุมขาว…” ศิษย์พี่รองส่ายศีรษะ สีหน้าอ่อนโยนยิ่งนัก ก้มหน้าลงราวกับพึมพำเบาๆ กับพืชดอกตรงหน้า

ขณะเดียวกัน ใต้ยอดเขาลำดับเก้า ตรงแอ่งกระทะส่วนลึกของรอยแยกชั้นน้ำแข็ง ที่นี่เดิมทีเงียบสงบยิ่งนัก ทว่ายามนี้กลับมีเสียงพึมพำเบาๆ ดังแว่วออกมา

“วันนี้อาจารย์น่าจะสวมเสื้อขาว…” เสียงนั้นเป็นของศิษย์พี่ใหญ่

ณ ปลายยอดเขาลำดับเก้า เทียนเสียจื่อร้องโหยหวนพร้อมกับถอยร่น มองชายชราเสื้อคลุมยาวสีม่วงอมแดงเดินอากาศเข้ามาตรงหน้า เขารีบแผดเสียงตะโกนอีกครั้ง

“หู่น้อย รีบมาช่วยอาจารย์เร็วเข้า อาจารย์สัญญาว่าจากนี้จะไม่ขอสุราจากเจ้าอีก…”

ภายในถ้ำ หู่จื่อกำลังดื่มสุรา ถลึงตามองจื่อเชอตรงหน้า เขาใช้ฝ่ามือตบศีรษะของจื่อเชอจนตัวสั่นสะท้าน ภายใต้เพลิงโทสะลุกโชน จื่อเชอจ้องหู่จื่อเขม็ง

“หืม เจ้ากล้ามองท่านหู่ด้วยสายตาเช่นนี้ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!” หู่จื่อเหมือนค้นพบวิธีทำให้ตัวเองไม่ต้องสนใจเสียงร้องน่าเวทนาของอาจารย์อีก เขาใช้ฝ่ามือตบศีรษะของจื่อเชออีกครั้ง

เทียนเสียจื่อบนยอดเขา หลังจากร้องตะโกนหลายครั้งก็เห็นชายชราเข้ามาใกล้ อีกทั้งยังเหยียบอยู่บนยอดเขาลำดับเก้าแล้ว ยามที่อีกฝ่ายเหยียบเท้าลง ยอดเขาลำดับเก้าเกิดเสียงอึกทึกดังสนั่น

“เจ้ารอง เจ้ารอง…หากเจ้าไม่มาช่วยอาจารย์ ข้าจะถอนพืชดอกของเจ้าทั้งหมดบนยอดเขา!”

ศิษย์พี่รองข้างซูหมิงราวกับไม่ได้ยิน เขาลูบพืชดอกตรงหน้า กล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ถอนก็ถอนไป อย่างมากข้าก็แค่ปลูกใหม่ ไม่เป็นไร…..เจ้าว่าใช่หรือไม่ ศิษย์น้องเล็ก” ศิษย์พี่รองเงยหน้ามองซูหมิงที่กำลังหลับตาแวบหนึ่ง ก่อนเผยรอยยิ้ม

บนยอดเขา ชายชราเสื้อคลุมม่วงจากยอดเขาลำดับสอง ยามนี้มองเทียนเสียจื่อที่กำลังร้องตะโกนด้วยความเย็นชา ขมวดคิ้วพลางยกเท้าเดินหน้าต่อ

“เจ้าศิษย์ใหญ่ มารดาเถอะ ไม่ว่าเมื่อใดก็ยังปิดด่านฝึกพลัง เจ้ารู้จักแต่การนั่งฌานหรืออย่างไร อาจารย์ใกล้จะแย่แล้ว เจ้ายังไม่ออกมาอีกรึ ข้าจะบอกให้หู่น้อยไปอุ่นสุรากับเจ้าทุกวัน!”

ณ ส่วนลึกกลางยอดเขาลำดับเก้า ตรงแอ่งกระทะยังคงเงียบสงบ ศิษย์พี่ใหญ่ที่เลือกปิดด่านฝึกพลังตรงนี้แสร้งทำเป็นมิได้ยิน ตกอยู่ห้วงสมาธิ

เพียงแต่เสียงของเทียนเสียจื่อแหลมยิ่งนัก ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากแอ่งกระทะ

“อาจารย์ หยุดโวยวายได้แล้ว…”

เสียงดังกึกก้องอยู่ในแอ่งกระทะ ทั้งยังค่อยๆ แผ่กระจาย พริบตาเดียวก็ดังกังวานทั้งยอดเขาลำดับเก้า ส่งถึงหูของหู่จื่อ ทำให้หู่จื่อที่กำลังง้างฝ่ามือหยุดชะงัก

เมื่อส่งถึงศิษย์พี่รอง นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย

ทั้งยังส่งถึงหูของชายชราที่กำลังเดินไปหาเทียนเสียจื่อ ชายชราพลันหยุดชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่อาจควบคุม สีหน้าพลันเปลี่ยน ยามนี้มีไอร้อนลอยขึ้นบนตัวเขา ทำให้มวลอากาศรอบตัวพลันบิดเบี้ยว

ทว่ามันมิได้เกิดจากเขา แต่เป็นเพราะเสียงนั้นสร้างระลอกคลื่นที่น่าตะลึงอยู่รอบตัว

ภายในมวลอากาศบิดเบี้ยวรอบตัว คล้ายมีเสียงคำรามต่ำของสัตว์ร้ายหลายตัวดังกึกก้อง เพียงแต่เสียงคำรามนั้นคนนอกมิได้ยิน มีเพียงชายชราที่ได้ยินอย่างชัดเจน เสียงนั้นทำให้สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้น

“เสียงแห่งการสร้าง!” ชายชราพลันหรี่ตาลง

เพียงแต่ช่วงที่เสียงปรากฏ มันกลับหายไปอย่างรวดเร็ว มวลอากาศบิดเบี้ยวรอบตัวชายชราก็หายตามไปด้วย

เมื่อเทียนเสียจื่อได้ยินเสียงนั้น สีหน้าดูตะลึงและดีใจ ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลายเป็นโมโหเพราะการหายไปของเสียง

“ไม่ได้เรื่อง เจ้าศิษย์ไม่ได้เรื่องทั้งสาม หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก ตอนนั้นข้าคงไม่รับพวกเจ้าเป็นศิษย์ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานกลับไม่ช่วยอาจารย์ มันน่าโมโหยิ่งนัก!

เฮ้ย เจ้าเด็กน้อย อย่าขู่ข้าเลย ข้าจะบอกให้ หากเจ้าลงมือ เจ้าจะต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนแน่นอน!”

เทียนเสียจื่อสวมเสื้อคลุมขาว ใช้มือขวาล้วงเข้าไปในอกเสื้อพลางมองชายชราเสื้อคลุมม่วง สีหน้าเริ่มเคร่งขรึม

หลังจากสีหน้าเขาเคร่งขรึม มีแรงกดดันรวมออกมาจากในตัวเขา ทำให้ชายชราเสื้อคลุมม่วงที่เพิ่งตื่นตะลึงกับเสียงแห่งการสร้างเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน

เดิมทีเขาคิดว่ายอดเขาลำดับเก้ามิได้อยู่ในสายตามากนัก กระทั่งกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามายอดเขานี้ แต่ตอนนี้กลับเจอเหตุการณ์เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เขาอดนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับยอดเขาลำดับเก้ามิได้

“หากอาจารย์อาปล่อยศิษย์ของข้า ข้าจะไปทันที และจะไม่มาเหยียบยอดเขาลำดับเก้าอีก ถ้ามิเช่นนั้น ข้าก็อยากจะรู้ว่าข่าวลือของยอดเขาลำดับเก้าเกี่ยวกับอาจารย์อาเป็นจริงรึไม่! กับอีแค่เสียงแห่งการสร้างก็ยังไม่เท่าไร” ชายชราเสื้อคลุมม่วงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

ขณะกล่าว ชายชราเสื้อคลุมม่วงเดินไปหาเทียนเสียจื่อ จังหวะก้าวของเขาไม่เร็วนัก ทว่าขณะเดินพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แผ่ขยายออกมาจากในตัวเขา บนท้องฟ้าราวกับมีภาพมายาปรากฏและกำลังผันแปรเป็นของจริงอย่างรวดเร็ว

“เจ้าบังคับข้าเอง คอยดูของวิเศษของข้า!” เทียนเสียจื่อถอยอีกหลายก้าว พลันดึงมือขวาจากอกเสื้อ ในมือของเขาปรากฏวัตถุสิ่งหนึ่ง มันคือตราออกคำสั่ง

ช่วงที่ตรานี้อยู่ในมือของเขา สีหน้าเทียนเสียจื่อดูทะนงตน ถือตราออกคำสั่งแกว่งไปมาตรงหน้าชายชรา

“กล้ามากเด็กน้อย เจ้าคงรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร!”

หลังจากเสียงตะโกนของเทียนสียจื่อ ชายชราเสื้อคลุมม่วงพลันหยุดชะงัก เขามองตราออกคำสั่งในมือเทียนเสียจื่อ ตรานี้เป็นสีม่วงอมดำทุกส่วน แผ่ไอหนาวเยือกบริสุทธิ์ ดูไม่เหมือนของปลอม อีกทั้งในสำนักเหมันต์สวรรค์คงไม่มีใครกล้าปลอม…

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงรุ่นของเทียนเสียจื่อ ชายชราเริ่มเปลี่ยนสีหน้า บ้างทะมึน บ้างอดกลั้น บ้างจนปัญญา ความรู้สึกหลากอารมณ์ปะปนเข้าด้วยกันกลายเป็นเสียงถอนหายใจยาวด้วยความซับซ้อน

เขาประสานสองมือคารวะเทียนเสียจื่อ

“ศิษย์เต๋อหรงจื่อ คารวะตราจ้าวสำนัก ผู้ถือตราจะเสมือนจ้าวสำนักมาเยือนด้วยตนเอง ศิษย์ย่อมจำได้”

“หึ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้ตรานี้ จะบอกเจ้าให้ ตอนนั้นข้าแย่งยอดเขาลำดับเก้ามาได้ก็เป็นเพราะตรานี้ อาจารย์เจ้ามิได้บอกเจ้ารึ?

ช่างเถอะๆ ดูท่าเจ้าคงมิใช่ศิษย์เอกของอาจารย์เจ้า มิเช่นนั้นเรื่องสำคัญขนาดนี้เหตุใดถึงไม่บอกเจ้า ข้าว่าเจ้าน่าสงสารยิ่งนัก เอาอย่างนี้ ส่งมาสักสองสามล้านเหรียญหินก็พอ แล้วข้าจะไม่ถือโทษเจ้า”

เทียนเสียจื่อเงยหน้ายืดอก กล่าวอย่างอวดดี

ชายชราเสื้อคลุมม่วงหายใจถี่ ใบหน้าค่อยๆ ผุดเส้นเลือดดำ แต่พอมองตราออกคำสั่งในมือเทียนเสียจื่อแวบหนึ่งแล้ว กลับอดกลั้นเอาไว้ ประสานมือคารวะเทียนเสียจื่อ

“ศิษย์จะทำตามคำสั่ง” กล่าวจบ เขาพลันหมุนตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดออกจากยอดเขาลำดับเก้าในชั่วพริบตา เขากลัวว่าหากตนออกมาช้าเกินไป จะไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนี้ได้

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนรุ่นเดียวกันถึงได้มายอดเขาลำดับเก้าน้อยนัก โดยเฉพาะพวกจ้าวยอดเขาเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะเลือกอ้อมยอดเขาลำดับเก้า

ทว่าเขาเต๋อหรงจื่อไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนอื่นสักเท่าไร แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักเหมันต์สวรรค์ อีกทั้งยังเป็นคนของยอดเขาลำดับสอง ถึงอย่างไรเขาก็มิใช่จ้าวยอดเขาลำดับสอง อีกทั้งยังอยู่ในเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ตลอดทั้งปี หลายปีมานี้ก็เพิ่งย้ายมาอยู่นี่

ช่วงที่เขาออกจากยอดเขาลำดับเก้า ซูหมิงที่กำลังนั่งฌานอยู่บนแท่นราบค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!