Skip to content

สู่วิถีอสุรา 234

ตอนที่ 234 มิใช่ไป๋หลิง

การกลับมาของซือหม่าซิ่นเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก ในนั้นมีคนที่ซูหมิงไม่สังเกตเห็นสองคน หนึ่งในนั้นคือหานเฟยจื่อบนยอดเขาลำดับสี่

นางสวมเสื้อคลุมสีขาว ยืนอยู่บนยอดเขา เยือกเย็นราวน้ำแข็งค้าง สีหน้าสงบนิ่ง มองภูเขาเจ็ดสีบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ทว่านัยน์ตาของนางฉายแววเย็นชาวูบผ่านเป็นบางครั้ง นางเป็นปฏิปักษ์กับซือหม่าซิ่นเล็กน้อย ปฏิปักษ์ที่ว่านี้บางทีอาจต่างกับของหานชางจื่อ เป็นการมองแบบคู่แข่งแทน

อีกคนที่ซูหมิงมิได้สังเกตเห็นคือหานชางจื่อบนยอดเขาลำดับสาม

ข้างกายนางยังคงเป็นหญิงสาวใบหน้ารูปไข่งดงาม

พวกนางมองซือหม่าซิ่น ได้ยินเสียงร้องตะโกนของทุกคน ทั้งยังเห็นแสงจากภูเขาเจ็ดสีที่ส่องสะท้อนตัวของทุกคน

ช่วงที่เห็นเงาร่างของซือหม่าซิ่นกลับมา ใบหน้าหานชางจื่อขาวซีด หญิงสาวข้างกายนางขมวดคิ้ว แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ก่อนเดินเข้าไปใกล้หานชางจื่อ

“ในตารางจัดอันดับเขายังไม่ใช่ที่หนึ่ง เป็นเพียงที่สองเท่านั้น แต่กลับกระพือข่าวเช่นนี้!”

หานชางจื่อเงียบ ก้มหน้าลงไม่กล่าวสิ่งใด

“หึ ผู้มีโอกาสเป็นเทพหมานรุ่นสี่มากที่สุดก็แค่เรื่องที่สำนักสร้างขึ้นมาเท่านั้น สำนักสร้างอำนาจให้กับเขา ทั้งยังสร้างโอกาสให้ กระทั่งในสายตาของศิษย์หลายคน ซือหม่าซิ่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่เทียนหลันเมิ่ง และยังมีศิษย์พี่เฉินชิง สามคนนี้เปลี่ยนไปเพราะเทพหมาน

ได้รับขนานนามว่าเป็นสามโอรสแห่งสวรรค์ของสำนักเหมันต์สวรรค์อย่างนั้นรึ…

ก็ต้องดูที่พวกเขาสามคนแล้วว่าใครจะเข้าฝ่ายนภาได้เป็นคนแรก ทว่า แม้บอกว่าซือหม่าซิ่นมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่ข้ากลับไม่ชอบวิธีการของเขา ทุกครั้งที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่เทียนหลันเมิ่งกับเฉินชิงกลับสำนัก ก็ไม่เห็นสร้างความตื่นตะลึงเช่นนี้ได้

นอกจากสำนักจะสร้างตัวตนและอำนาจเพื่อให้ผู้คนฮึกเหิมในตัวเขาแล้ว ตัวเขาเองยังมีกลอุบายเล็กน้อย ใช้ของนอกกายจำนวนมากเป็นตัวช่วยดึงดูดให้คนติดตาม จากนั้นจึงค่อยคบหาสมาคม”

หญิงสาวข้างกายหานชางจื่อยิ้มเยาะกล่าว มองหานชางจื่อแวบหนึ่ง สีหน้าแสดงความสงสาร

“เหตุใดทุกครั้งที่เห็นเขาเจ้าถึงมีสีหน้าเช่นนี้ จะกลัวอะไร ก็แค่ปลูกหมานความรักมิใช่รึ หากเจ้าหวาดกลัวก่อน เอาแต่หวังจะให้คนอื่นมาช่วยเจ้าทุกอย่าง เช่นนั้นต่อให้มีคนช่วยเจ้าให้หลุดพ้นได้ หัวใจของเจ้าก็จะตกเป็นของอีกคน

ผู้หญิงอย่างเราแย่กว่าผู้ชายอย่างนั้นรึ? เจ้าดูศิษย์พี่หญิงใหญ่เทียนหลันเมิ่ง นางเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ต่อให้ซือหม่าซิ่นเห็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ เขายังจะกล้าคิดอะไรแบบนั้นรึ?”

หญิงสาวใบหน้ารูปไข่ห่านมีสีหน้าเอาแต่ใจและหยิ่งทะนง

“ระหว่างทางกลับ ข้าน่าจะได้เห็นกำแพงหมอกนภาที่อาจารย์อาไป๋เฝ้าระวัง” หานชางจื่อกัดริมฝีปาก ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าคล้ายแน่วแน่

“อาจารย์อาไป๋? อาจารย์อาไป๋ที่เจ้าว่าคือความหวังสูงส่งของสำนักที่เป็นข่าวลือในตอนนั้น ผู้ที่ฝึกฝนการสร้างของเทพหมาน ทว่าท้ายที่สุดเกือบแตกหักกับสำนัก เพียงเพราะไม่ปฏิบัติตามความต้องการของสำนัก หันไปฝึกฝนวิชาเปลี่ยนเทพหมาน อีกทั้งยังสืบทอดคุณสมบัติแม่ทัพเทพขั้นเซ่นไหว้กระดูกของอาจารย์เขาน่ะหรือ?”

หานชางจื่อพยักหน้า

“แม่ทัพเทพล้วนเป็นที่เคารพ เป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากใฝ่หา ต่อให้เป็นสำนัก ความต้องการแม่ทัพเทพก็เป็นรองแค่เทพหมาน ทว่า…หากเป็นแม่ทัพเทพ แทบจะไม่มีโอกาสได้เป็นเทพหมานเลย

แม่ทัพเทพเป็นได้เพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพหมานในอนาคตเท่านั้น…

แม่ทัพเทพในสำนักมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะถูกส่งออกไปข้างนอก เก็บเกี่ยวประสบการณ์เข่นฆ่าและกลิ่นคาวเลือด สร้างพลังของตัวเองเพื่อเทพหมานในอนาคต” หญิงสาวใบหน้างามรูปไข่ได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจเบา

“ได้ยินว่าคนที่เจ้าสนใจก็เป็นแม่ทัพเทพเหมือนกันใช่หรือไม่?” นางพลันกล่าว

หานชางจื่อพลันหน้าแดงเรื่อราวกับลืมแรงกดดันจากซือหม่าซิ่นไปชั่วครู่ และเขินอายเหมือนเด็กสาว ขณะกำลังจะกล่าว ศิษย์พี่หญิงของนางสีหน้าเปลี่ยนทันใด

“คนที่เจ้าสนใจนั่น เขา…เขากำลังจะทำอะไร?”

หานชางจื่อตะลึงงัน ยามที่หันไปมอง สีหน้าก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน

โดยรอบในเวลานี้พลันเงียบสงัด สายตาของทุกคนรวมถึงหานชางจื่อจับจ้องร่างคนที่กำลังเดินไปทางภูเขาเจ็ดสีอย่างช้าๆ

ยามนี้แม้แต่ใบหน้างดงามเย็นชาของหานเฟยจื่อยังเปลี่ยนไป ยามมองซูหมิงนางมีสีหน้าไม่เข้าใจ

หู่จื่อก็ตะลึงเช่นเดียวกัน เขาขยี้ตา เหม่อมองซูหมิงเดินอากาศขึ้นไปทางภูเขาเจ็ดสี เขาในยามนี้ขยับกาย ตรงเข้าไปหาซูหมิงอย่างไม่ลังเล

เขาไม่สนหรอกว่าจะเป็นซือหม่าอะไรนั่นหรือไม่ และก็ไม่สนใจสายตาของทุกคนในเวลานี้ด้วย สิ่งที่เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือ เขาเป็นคนพาศิษย์น้องเล็กมา จะไม่ยอมให้ซูหมิงเป็นอันตรายเด็ดขาด

จื่อเชอพลันหัวใจเต้นแรง เกิดความรู้สึกปากแห้งเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าซูหมิงจะเดินออกไปเผชิญหน้ากับซือหม่าซิ่นเช่นนี้!

“เจ้าชื่ออะไร…”

ซูหมิงลอยอยู่กลางอากาศ เผชิญหน้ากับภูเขาเจ็ดสีที่กำลังเคลื่อนเข้ามา ในสายตาเขามีเพียงเด็กสาวผู้มีความงามแบบดื้อรั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น

น้ำเสียงนุ่มนวลของเขากึกก้องกลางฟ้าดิน เข้าถึงหูของทุกคนโดยรอบ เพียงแต่ผู้ที่ได้ยินแทบทั้งหมดล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ

“เขาเป็นใคร?”

“บุคคลนี้ไม่คุ้นหน้ายิ่งนัก ทว่ามีซุนต้าฮู่ของยอดเขาลำดับเก้าอยู่ด้วย มากับซุนต้าหู่ได้ ทั้งยังขวางทางศิษย์พี่ซือหม่า ดูท่าน่าจะเป็นพวกไร้เหตุผลเหมือนกัน”

“ข้าได้ยินว่ายอดเขาลำดับเก้ารับศิษย์ใหม่มาคนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นเขา ยอดเขาที่เก้ามีแต่คนแปลกๆ คำพูดของเขาตอนนี้เหมาะกับจุดเด่นของยอดเขานั้นพอดี”

“น่าสนใจ เขาน่าจะหลงใหลใบหน้าของศิษย์น้องหญิงไป๋จนลืมฐานะของตัวเอง ก็เลยถามไปอย่างนั้น”

“ไม่รู้จักประมาณตน ศิษย์น้องหญิงไป๋ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินเช่นนี้ได้รึ หึ!”

ขณะผู้คนโดยรอบมีสีหน้าพิลึก เริ่มมีคนกล่าวเยาะหยันและดูถูกเบาๆ ในความคิดพวกเขา ซูหมิงในตอนนี้เป็นคนที่ไม่รู้จักประมาณตน กล้าล่วงเกินหญิงงามเช่นนี้ อีกทั้งยังแสดงพฤติกรรมโง่เขลาต่อหน้าศิษย์พี่ซือหม่า

หานชางจื่อตะลึงไปครู่หนึ่ง สายตาพลันเลื่อนจากซูหมิงมองไปทางเด็กสาวด้านหลังซือหม่าซิ่น แววตาของนางค่อยๆ มีความซับซ้อนปรากฏ

‘เขาบอกว่าเขาเคยผิดสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง…’

หานชางจื่อถอนหายใจเบา หญิงสาวข้างกายนางขมวดคิ้ว สายตาที่มองซูหมิงมีความไม่พอใจ

ขณะเดียวกัน หานเฟยจื่อบนยอดเขาลำดับสี่ก็มองเด็กสาวด้านหลังซือหม่าซิ่นอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เหมือนกำลังขบคิดอะไร

ภูเขาเจ็ดสีค่อยๆ หยุดลงห่างจากซูหมิงสามจั้ง ซือหม่าซิ่นยืนอยู่บนภูเขาแล้วมองซูหมิงที่ขวางตนเอาไว้ด้วยท่าทีสูงส่งกว่า

ความจริงแล้ว ตอนอยู่ไกลๆ เขามองเห็นซูหมิงตั้งแต่ในแวบแรก ทว่ามิได้ผลีผลาม เพราะจื่อเชออยู่ข้างกายซูหมิง อีกทั้งท่าทางของจื่อเชอเหมือนกับอึมครึมและจำใจ

เพียงแต่เขากลับไม่คิดเลยว่าพอตนไม่สนใจอีกฝ่าย ซูหมิงกลับมาขวางทางเขาเอาไว้ หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะซูหมิงมิได้มองเขาเลย แต่มองเด็กสาวด้านหลัง

ความรู้สึกถูกเมินเฉยเช่นนี้ รวมกับความขัดแย้งที่ไม่อาจคลี่คลายระหว่างพวกเขาสองคน ทำให้สายตาของซือหม่าซิ่นเย็นชา

“ศิษย์น้องคนนี้แปลกหน้ายิ่งนัก ไม่ทราบว่าเจ้ามาขวางทางข้า มีเรื่องอะไร?”

ซือหม่าซิ่นยิ้มบาง ความเย็นชาในแววตาหายไป น้ำเสียงสงบนิ่งราวกับมิได้โกรธการกระทำของซูหมิง กิริยาท่าทางไม่ธรรมดา

ซูหมิงไม่กล่าว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มองซือหม่าซิ่น แต่มองเด็กสาวผู้มีความงามแบบดื้อรั้นตลอด

เด็กสาวเห็นซูหมิงมองเช่นนี้ ใบหน้าก็เป็นสีแดงเรื่อ ทว่ากลับขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจ หลังจากมองซูหมิงแวบหนึ่งก็มองซือหม่าซิ่นตรงหน้าไม่กล่าวสิ่งใด

คนตรงหน้าอยู่ใกล้กันไม่ถึงสามจั้ง คนในใจซูหมิงกลับห่างไกลกันราวกับฟ้าและดิน

ซูหมิงในเวลานี้เผยรอยยิ้มรอยยิ้มนั้นอ่อนจางยิ่งนัก ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความเศร้า

‘ท่ามกลางหิมะ หากพวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ จะเดินไปจนถึงวันที่เส้นผมขาวเลยหรือไม่…’ คำพูดนี้ดังกึกก้องในความคิดซูหมิง ท้ายที่สุดถึงกลายเป็นเสียงถอนหายใจ

ซูหมิงรู้ดีว่าเด็กสาวตรงหน้า นางมิใช่ไป๋หลิง

นี่ไม่เกี่ยวข้องกับหมานความรักใดๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเด็กสาวไม่เหมือนกับไป๋หลิง แม้ภายนอกทั้งสองคนนี้เหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่จิตวิญญาณต่างกัน คนก็เลยต่างกัน

สิ่งที่ไม่เหมือนยิ่งกว่าคือกลิ่นอายพลัง หลังจากซูหมิงได้รับเคล็ดวิชาการฝึกปราณ ภายใต้การแผ่ขยายวิชาตราประทับของจิตสัมผัส จึงรู้ว่ากลิ่นอายพลังของทุกคนต่างกัน

บุคคลนี้มิใช่นาง…แม้มีหน้าตาเหมือนกัน ทว่ามิใช่ไป๋หลิง!

ซูหมิงหลับตาลง เขาไม่สนใจคำถามอีก เพราตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว อารมณ์ชั่ววูบในตัวค่อยๆ สงบลง เมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง แววตากลับมาสงบนิ่ง

ซูหมิงมิได้มองเด็กสาวคนนี้อีก เขาหมุนตัวกลับแล้วเดินจากไปทีละก้าว

เสียงสนทนาเบาๆ ที่เขาได้ยินจากรอบทิศแฝงไว้ด้วยความเยาะหยันและดูถูก มีสายตายิ้มเยาะมองเขามากมาย แต่เขาก็มิได้สนใจสิ่งเหล่านี้

ทว่าเขาไม่สนใจ ไม่ได้แปลว่าหู่จื่อไม่สนใจด้วย ยามนี้หู่จื่อข้างกายซูหมิงถลึงตามองรอบตัวด้วยแววตาโมโห แผดเสียงตะโกนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

“มองอะไร ทำไม พวกเจ้ากล้าพูดเช่นนั้นต่อหน้าไอ้ซือหม่าอะไรนั่นหรือไม่ น่าขันนัก มารดาเจ้าเถอะ พวกเจ้าหัวเราะไปเลย คอยดูคืนนี้ท่านหู่จะแอบเข้าไปในห้องของพวกเจ้า ให้พวกเจ้ารู้ถึงความน่ากลัวของท่านหู่คนนี้”

ขณะหู่จื่อกล่าว วาจาเหมือนจะมีต่อ แต่กลับถูกซือหม่าซิ่นพูดขัดเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ

“ศิษย์น้องผู้นี้ เจ้าจะไปอย่างนี้หรือ? ช่วยดูแลสหายสำนักคนนี้ของเจ้าให้ดีด้วย มิเช่นนั้นแล้ว ข้าจะสั่งสอนให้เขารู้จักคำว่าเคารพแทนอาจารย์ของเจ้าเอง” ซือหม่าซิ่นยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในการกระทำของเด็กสาวยิ่งนัก ยามนี้มองซูหมิงพลางกล่าวเรียบๆ

ซูหมิงหยุดชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมามองซือหม่าซิ่นเป็นครั้งแรก

สองสายตาประสานกันประหนึ่งเกิดการปะทะอย่างรุนแรง

“ข้าไม่ใช่ศิษย์น้องของเจ้า ศิษย์หลานซือหม่า ข้าเป็นอาจารย์อาของเจ้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!