Skip to content

สู่วิถีอสุรา 235

ตอนที่ 235 การต่อสู้ครั้งแรกในเหมันต์สวรรค์

คำพูดของซูหมิงราบเรียบ เอ่ยเนิบช้าขณะมองซือหม่าซิ่น น้ำเสียงมิได้แฝงไว้ด้วยความหยิ่งยโส และไม่ได้สูงส่งกว่าเหมือนตอนซือหม่าซิ่นยืนบนภูเขาเจ็ดสี ทว่าความหมายแฝงจากคำพูดกลับแสดงความได้เปรียบกว่าด้วยกฎของสำนักเหมันต์สวรรค์!

ข้าเป็นอาจารย์อาของเจ้า ประโยคคำพูดนี้ทำให้ทุกคนโดยรอบเงียบลง แม้ต่างพากันมีสีหน้าไม่ยินยอม ก็กลับไม่อาจโต้แย้ง ทำได้เพียงยอมรับการนับรุ่นที่สูงกว่าของยอดเขาลำดับเก้าอย่างจำใจ

นัยน์ตาซือหม่าซิ่นพลันฉายแววเย็นชาเฉียบคม เขามองซูหมิง ยิ้มเยาะมุมปากอย่างช้าๆ

“หืม ใช่แล้ว มารดาเถอะ ท่านหู่คนนี้เป็นอาจารย์อาของเจ้า มาๆๆ ไอ้ซือหม่า ยังไม่มาคารวะอาจารย์อาอีกรึ” หู่จื่อพลันดูมีกำลังวังชา สองมือเท้าสะเอว เงยหน้าแผดเสียงตะโกนใส่ซือหม่าซิ่นอย่างลำพองใจ

ซือหม่าซิ่นเมินเฉยหู่จื่อ ยามนี้ในสายตาของเขามีเพียงซูหมิง

ระยะใกล้เช่นนี้ ด้วยความสัมพันธ์ของระฆังเขาหานในตอนนั้น เขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าระฆังเขาหานอยู่ในตัวซูหมิง

“อาจารย์อารึ เช่นนั้นซือหม่าก็ต้องขอคำชี้แนะสักครั้ง ดูว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอจะเป็นอาจารย์อาหรือไม่” ขณะซือหม่าซิ่นกล่าว เขาก้าวเท้าขวาหนึ่งก้าว แล้วชี้มือซ้ายขึ้นฟ้า

“เหมันต์!” หลังจากเสียงของซือหม่าซิ่น ก็พบว่าท้องฟ้าหิมะพลันเกิดไอหนาวสีดำจำนวนมาก ไอหนาวเหล่านี้เหมือนกับของจริง จุดที่มันผ่านราวกับถูกแช่แข็งแม้แต่มวลอากาศ เสียงกึกๆ ดังก้องกังวานทุกสารทิศ

ภายใต้ไอหนาวนั้น พลันปรากฏมือใหญ่มายาที่รวมขึ้นจากไอดำบนท้องฟ้า มือใหญ่นี้แผ่ไอหนาวเยือก ก่อนรวมตัวกันลากยาวเข้ามาคว้าตัวซูหมิง

“เคล็ดวิชาแห่งการสร้างบรรพกาล ศิษย์พี่ซือหม่าสมกับเป็นว่าที่เทพหมานจริงๆ แค่ลงมือก็ใช้สร้างบรรพกาล!”

“แค่ลงมือธรรมดาก็ใช้เคล็ดวิชาสร้างบรรพกาล แม้เป็นเพียงหนึ่งบรรพกาลสร้างหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ”

“นอกจากผู้อาวุโสหลิวของยอดเขาลำดับเก้าแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นขยะไร้ค่า ได้ยินว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาปิดด่านฝึกพลังตลอดปี ศิษย์รองก็เอาแต่ปลูกพืชดอกอ่อนแอเหมือนผู้หญิง ศิษย์สามคนนั้นก็เป็นคนไร้เหตุผล ส่วนเจ้านั่นที่เพิ่งมายอดเขาลำดับเก้าก็กล้าขวางภูเขาของศิษย์พี่ซือหม่า!”

มือใหญ่สีดำตรงเข้าใส่ซูหมิง นัยน์ตาเขาเป็นประกาย ทว่าทันใดนั้นหู่จื่อด้านข้างกลับมีสีหน้าโมโห แผดเสียงตะโกนต่ำ

“ศิษย์น้องเล็กถอยไป เจ้าบ้านี่ ต่อหน้าท่านหู่คนนี้ยังกล้าลงมือกับศิษย์น้องเล็ก!”

หู่จื่อพลันเงยหน้า นั่งขัดสมาธิลงกลางอากาศ แล้วยกมือขวาขึ้น นิ้วชี้กับนิ้วกลางชิดกัน ขณะยกมือก็วาดออกมาเป็นเส้นโค้ง พลังมหาศาลพลันปะทุออกมาจากตัวหู่จื่อ ความแข็งแกร่งของพลังราวกับเหนี่ยวนำฟ้าดินให้เปลี่ยนแปลง ทำให้มือใหญ่สีดำที่กำลังใกล้เข้ามาหยุดชะงัก

“เข้า…ฝัน…” หู่จื่อมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก ยามนี้สีหน้าเขาไม่มุทะลุอีก เส้นโค้งจากสองนิ้วมือขวาคล้ายแฝงไว้ด้วยการสร้างพิลึกพิลั่นเล็กน้อย แม้แต่ซือหม่าซิ่นเมื่อเห็นภาพดังกล่าวยังเผยสีหน้าจริงจัง

ผู้คนโดยรอบก็จริงจังเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนมองหู่จื่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ ราวกับช่วงเวลานี้ซุนต้าหู่ตรงหน้ากับคนในความทรงจำพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง

แทบเป็นช่วงที่มือใหญ่สีดำหยุดชะงักกลางอากาศ สองนิ้วมือขวาของหู่จื่อกดลงตรงระหว่างคิ้วแล้ว เปลือกตาเขาผ่อนคลายลงและหลับสนิท มีเสียงกรนดังก้อง

โดยรอบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มีเพียงเสียงกรนของหู่จื่อ ทว่าตัวเขาที่อยู่ในสภาวะนอนหลับนี้ไม่อาจลอยอยู่กลางอากาศต่อไปได้ ศีรษะดิ่งลงพื้นทันที…

ทุกคนที่มองล้วนตะลึงงัน ก่อนตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังสนั่น

แม้แต่ซือหม่าซิ่นยังตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วส่งเสียงหัวเราะเช่นกัน แต่นัยน์ตากลับเป็นประกายแสงเย็นเยือก ชี้มือขวาไปทางหู่จื่อที่กำลังดิ่งลง ทันใดนั้น มือใหญ่สีดำพลันตรงเข้าใส่หู่จื่อ เห็นได้ชัดว่าแม้การกระทำของหู่จื่อเมื่อครู่จะทำให้ซือหม่าซิ่นหัวเราะ ทว่ากลับไม่สร้างความยินดี คิดจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส

ซูหมิงนิ่งเงียบ ไม่ได้หัวเราะ การกระทำของหู่จื่อเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเขามองตนเป็นศิษย์น้องเล็กจริงๆ ตัวเป็นศิษย์พี่ก็ต้องยืนอยู่หน้าตน แม้ขั้นพลังเขาจะไม่สูงก็ตาม และเพราะเหตุนั้นเอง การออกหน้าแทนก็ยิ่งเป็นตัวแสดงถึงจิตใจของเขา จุดนี้มีค่ามากพอ

แทบจะเป็นช่วงที่หู่จื่อดิ่งลง ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งลากยาวตรงไปหาหู่จื่อ ดึงตัวเขาเอาไว้กลางอากาศ ก่อนลดระดับลงไปทางแผ่นดิน

ทว่าด้านหลังพวกเขา มือใหญ่สีดำกำลังตรงเข้ามา สำหรับมือใหญ่นี้ ซูหมิงมิได้สนใจแม้แต่น้อย ยามเหยียบบนผืนดิน จื่อเชอพลันลอยขึ้นตรงเข้าใส่มือใหญ่

จื่อเชอจำเป็นต้องลงมือ มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อกลับยอดเขาลำดับเก้าแล้วจะเจอความน่ากลัวแบบใด อีกทั้งเขายังโกรธซือหม่าซิ่น

เสียงระเบิดดังกึกก้องบนท้องฟ้าเหนือซูหมิง เขาไม่ได้เงยหน้ามอง แต่วางหู่จื่อที่กำลังนอนกรนมีน้ำลายไหลตรงมุมปากอย่างเบามือ

มองดูสีหน้าหู่จื่อในเวลานี้ ท่าทางซื่อๆ ทำให้ซูหมิงเผยรอยยิ้มบาง

ท่ามกลางเสียงกึกก้องบนท้องฟ้า มีเสียงต่ำของซือหม่าซิ่นดังแว่วเข้ามา

“จื่อเชอ นี่มันหมายความว่าอย่างไร!”

“ซือหม่าซิ่น พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ หากเจ้าคิดทำร้ายซูหมิง ข้าต้องลงมือ!”

จื่อเชอเดินออกมา ทำให้คนโดยรอบที่กำลังมองอยู่ส่งเสียงดังเกรียวกราวอีกครั้ง

“ศิษย์พี่จื่อเชออยู่ที่เก้าในตารางจัดอันดับแผ่นดินเหมันต์ มิใช่ว่าเขาเป็นสหายกับศิษย์พี่ซือหม่าหรอกรึ!”

“เหตุใดเขาถึงลงมือช่วยคนอื่น!”

“ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขากับคนยอดเขาลำดับเก้าอยู่ด้วยกัน…”

ภายในเสียงสนทนา หญิงสาวใบหน้ารูปไข่ห่านข้างกายหานชางจื่อแค่นเสียงหึ ทว่าพอเห็นจื่อเชอแล้ว นางดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด

ซือหม่าซิ่นจ้องจื่อเชอ ทั้งสองคนประสานสายตากันกลางอากาศ ค่อยๆ เกิดความเย็นเยือกขึ้น

ซูหมิงในเวลานี้อยู่บนผืนดิน มองท่านอนกรนของหู่จื่อ จากนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองซือหม่าซิ่นตรงภูเขาเจ็ดสีบนท้องฟ้า

“จื่อเชอ เจ้าถอยไป ดูแลศิษย์พี่สามข้าด้วย” ซูหมิงกล่าวช้าๆ ยกเท้าขึ้นเหยียบความว่างเปล่า ช่วงที่เหยียบลง ร่างกายเขาลอยขึ้นยืนอยู่กลางอากาศ จื่อเชอลังเลครู่หนึ่ง ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงแล้วกลับมาอยู่ข้างหู่จื่อ

“ขั้นพลังข้าด้อยกว่าเจ้า เดิมทีไม่อยากประมือกับเจ้าในวันนี้…”

ซูหมิงมองซือหม่าซิ่นพลางกล่าวเรียบๆ

“เจ้ามีธุระของเจ้า ข้าก็มีธุระของข้าเหมือนกัน….ทว่า เจ้าไม่ควรลงมือกับศิษย์พี่สามในสภาพที่ไม่อาจตอบโต้แบบนี้!” น้ำเสียงซูหมิงยังคงสงบนิ่ง

“เขาเป็นศิษย์พี่สามของข้า…ตอนนี้เจ้าอยากสู้ เช่นนั้น…ก็สู้!” ภายในดวงตาของซูหมิงพลันเป็นประกายเย็นชา

ขณะเดียวกัน พลังชั่วร้ายที่เข้มข้นถึงขีดสุดปรากฏขึ้นบนตัวเขา พลังชั่วร้ายนี้มาจากดวงตาขวา มาจากจันทร์โลหิตภูเขาทมิฬ!

เมื่อกล่าวคำว่าสู้ ทั้งตัวซูหมิงแตกต่างออกไป ความสงบนิ่งของเขายังอยู่ แต่ในความสงบกลับมีน้ำหนักที่สร้างแรงกดดันให้ผู้อื่น

เขายกเท้าขวาเดินไปทางซือหม่าซิ่นก้าวแรก เมื่อเหยียบก้าวแรกลง บนใบหน้าซูหมิงปรากฏลายภูเขาชัดเจนทันใด

มันเป็นลายภูเขาห้ายอดเขา นั่นคือภูเขาทมิฬ!

การปรากฏของลายภูเขาทำให้ท้องฟ้าเหนือซือหม่าซิ่นพลันเกิดภาพมายา พริบตาเดียวบนท้องฟ้าก็ปรากฏลายภูเขาทมิฬเหมือนบนใบหน้าของซูหมิง เป็นภูเขาทมิฬลูกใหญ่!

ภูเขาทมิฬปรากฏ แรงกดดันมหาศาลแผ่ขยาย ทำให้ผู้ชมโดยรอบสีหน้าเปลี่ยน พากันถอยหลังไป

ซือหม่าซิ่นยิ้มเยาะ ยกมือขวากำหมัดใส่อากาศ วินาทีที่กำหมัด ใต้ภูเขาทมิฬบนท้องฟ้าพลันมีไอหนาวรวมตัวกันจำนวนมาก กลายเป็นกำปั้นน้ำแข็งยักษ์ตรงดิ่งเข้าใส่ภูเขาทมิฬ

เสียงระเบิดดังกึกก้อง หมัดน้ำแข็งปะทะกับภูเขาทมิฬจนเกิดเป็นลูกคลื่นรุนแรง ภายใต้ลูกคลื่นนี้มีระลอกกระเพื่อมด้วยความเร็วในระดับสายตา

หลังจากปล่อยหมัด ท่ามกลางเสียงระเบิดครึกโครม ห้ายอดภูเขาทมิฬจากลวดลายภูเขาพลันเกิดชั้นน้ำแข็งหนึ่งชั้นตรงจุดที่ปะทะกับหมัดน้ำแข็ง ชั้นน้ำแข็งลุกลามอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งยอดเขาไว้ ทำให้มันกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งห้ายอดเขา

ภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่กลางอากาศ เดิมทีมันสร้างจากความว่างเปล่า ทว่ายามนี้หมัดน้ำแข็งจากเคล็ดวิชาสร้างบรรพกาลของซือหม่าซิ่น ทำให้ภูเขาลูกนี้อยู่ระหว่างความจริงกับมายา

“อ่อนหัด อ่อนแอเหมือนกับตอนพบเจ้าในเมืองเขาหาน! กระทั่งข้ายังไม่ต้องใช้พลังจากลายหมานด้วยซ้ำ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูเขาหมานเจ็ดสีวัตถุประจำตัวของข้า!”

ซือหม่าซิ่นกล่าวเนิบช้า น้ำเสียงมิได้ดูแคลน แต่เป็นการเมินเฉยราวกับอยู่คนละระดับกัน

ขณะเอ่ย ซือหม่าซิ่นเอาสองมือไพล่หลังพลางมองซูหมิงอย่างเย็นชา

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าลงมือ หากยังทำให้ข้าผิดหวังอีก ข้าจะทำให้เจ้าสิ้นหวัง! หยิบระฆังเขาหานมา ให้ข้าดูหน่อยว่าเมื่อระฆังอยู่ในมือเจ้าแล้วจะแสดงพลังของมันได้เพียงใด” ซือหม่าซิ่นกล่าวอย่างเย็นชา

ซูหมิงไม่กล่าวสิ่งใด เขาสัมผัสความหยิ่งยโสจากสันดานของซือหม่าซิ่นได้นานแล้ว เหมือนคำพูดก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยได้ยินจากปากซือหม่าซิ่นเป็นครั้งแรก

ซูหมิงเงียบขรึม สีหน้าเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ใต้เสื้อผ้ามีลายหมานที่ซือหม่าซิ่นมองไม่เห็นอยู่ ยามนี้มันกำลังเผยออกมาพร้อมกับตอนสะบัดมือขวาใส่อากาศ

บนท้องฟ้า มวลอากาศใต้ภูเขาทมิฬน้ำแข็งบิดเบี้ยวขนานใหญ่ ครอบคลุมบริเวณกว้าง พริบตาเดียวก็ปรากฏเป็นชนเผ่าเขาทมิฬมายากลางฟ้าดิน

ต้นไม้ใบหญ้า เรือนพักอาศัยดูประณีตยิ่งนัก สมจริงราวกับมีชีวิต อัดแน่นอยู่กลางฟ้าดิน ทำให้เพียงมองแวบแรกก็อดเกิดความรู้เหมือนถูกดูดเข้าไปทั้งตัวมิได้

ซือหม่าซิ่นมีสีหน้าเคร่งมากขึ้น

“นี่คือลายหมานทั้งหมดของเจ้า!” ความรู้สึกอึดอัดหนักหน่วงแผ่ปกคลุมทุกสารทิศตามการปรากฏของเผ่าเขาทมิฬ….

การปรากฏของลายหมานนี้ทำให้ซือหม่าซิ่นรู้สึกถึงอำนาจบีบบังคับ นี่เป็นลายหมานที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต โดยเฉพาะในชนเผ่ามายาของลายหมาน มันมีความเศร้าโศกเลือนรางอยู่ ยังผลให้จิตใจของเขาดุจเกิดลูกคลื่น

‘นี่มันลายหมานอะไร ไม่อยากเชื่อว่าจะผสานกับความรู้สึกด้วย!’ ซือหม่าซิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!